ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 94 อาชีพหมอออกโรง
บทที่ 94 อาชีพหมอออกโรง
รอจนชายคนหนึ่งเดินเข้ามา หลินหยางพินิจพิเคราะห์ชายคนคนนี้ ในใจแอบกลัว คนคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก ผมหวีเป็นระเบียบ มองดูแล้วมีชีวิตชีวา ส่วนสูงท่าทางจะสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร
โดยรวมดูดีเลยทีเดียว ปากของจางเยว่เหมือนกับคนๆนี้เป็นอย่างมาก นึกออกว่าเป็นพ่อของจางเยว่ รอบตัวเต็มไปด้วยรัศมี ดูน่าเกรงขาม คนแห็นแล้วให้ความกดดันหน่อยๆ
หลินหยางในหัวคิดขึ้นมาในทันใด อยากให้จางเยว่แนะนำพ่อ ดูเหมือนกับว่าจะทำงานในหน่วยงานรัฐบาล ถึงได้ดูน่าเกรงขาม เห็นได้ชัดว่าน่าจะใช้เส้นสายพอสมควร ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นผู้บริหารระดับสูงของเมืองจินหลิงได้อย่างไร
หลินหยางไม่ทันได้พิจารณาอย่างละเอียด คนๆนี้ก็เดินเข้ามาแล้ว มองสักแป๊บก็นั่งลงข้างจางเยว่ สายตามองด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวเยว่ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“วันนี้ตอนบ่ายค่ะ ตรงกับที่พ่อไปทำงานพอดี ก็เลยไม่ได้เจอกัน” จากเยว่พูดคำหวาน
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ ” เห็นหลินหยางนั่งอยู่ที่โซฟา ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “หรือว่าเป็นคุณหมอโจว”
“อืม เขาก็คือหลินหยาง คุณหมอโจวที่ช่วยลูกสาวของเราเอาไว้ เสี่ยวหยางนี่คือพ่อของเสี่ยวเยว่ เธอเรียกท่านว่าลุงจาง” เซี่ยหยวนหยวนนั่งแนะนำข้างๆ
“สวัสดีครับลุงจาง ผมชื่อหลินหยาง เรียกผมว่าเสี่ยวหยางก็ได้ครับ ” หลินหยางรีบยืนทักทาย
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณมากๆนะ ที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเราเอาไว้ คุณนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา” จางเหอหลังจากที่รู้แน่ชัดว่าหลินหยางเป็นใครก็เข้าไปจับมือด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงไม่เสแสร้ง รู้สึกซาบซึ้งต่อหลินหยางเป็นอย่างมาก
“ผู้มีพระคุณคำนี้ผมมิอาจเอื้อม เป็นเพียงแค่วาสนาที่ได้บังเอิญพบเจอพี่เยว่จึงได้ช่วยชีวิตไว้ พี่เยว่เกือบเสียชีวิตในหน้าที่ เขาต่างหากที่เป็นผู้มีพระคุณของประชาชน” หลินหยางพูดอย่างนอบน้อม
ได้ยินหลินหยางไม่เหลิงในความดีของตน สายตาของ จางเหอเต็มไปด้วยความชื่นชม ตบไหล่ของหลินหยาง มองดูอาหารบนโต๊ะ กลิ่นอาหารเย้ายวนกระตุ้นน้ำย่อย บวกกลับลูกสาวของตนเองกลับมา จางเหอในใจดีใจเป็นที่สุด รีบชวนทุกคน “ทานอาหารกันเถอะ จะนั่งทำอะไรกันเสี่ยวหยาง มานี่ วันจะต้องดื่มเป็นเพื่อนลุงจางนะ ”
หลังจากที่ทุกคนนั่งลง เสี่ยวหยางถูกจางเหอลากไปนั่งข้างๆตัวเอง ได้กลินอาหารหอมยวนใจเลยออกปากชมไปว่า “หยวนหยวน อาหารวันนี้ไม่เลวเลยนะ มีพัฒนาการขึ้นเยอะมาก”
อุปส์
ฮ่าๆๆๆๆๆ
จางเยว่และหยางเฟินที่นั่งข้างๆอดกลั้นไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา จางเหอเมื่อถูกหัวเราะเยาะจึงเกิดความสงสัย มองหน้าจางเยว่แล้วพูดว่า “เสี่ยวเยว่ลูกหัวเราะอะไร”
“เธอนิ อาหารพวกนี้ฉันทำที่ไหนหล่ะ หมดนี้หลินหยางทำจ๊ะ” เซี่ยหยวนหยวนนั่งอยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“จริงเหรอ หลินหยางยังมีฝือมือทำอาหารด้วยเหรอ ฉันก็ว่าอยู่ แม่เสี่ยวเยว่ไม่เคยทำอาหารอร่อยแบบนี้มาก่อน” จางเหอพูดพลางหัวเราะ
เซี่ยหยวนหยวนได้ยินก็โกรธเบิ่งตามองจางเหอ ราวกับว่าจะพูดว่าเดี๋ยวคืนนี้นะ ได้เห็นดีกันแน่
“เสี่ยวหยาง เธอตอนนี้ทำอะไรอยู่ เป็นหมอในชนบทหรือ”จางเยว่ไม่ได้แนะนำฐานะหลินอยางอย่างละเอียดให้กับคนที่บ้าน จางเหอมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหลินหยาง
“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน รอเรียนจบแล้วอาจจะมาทำงานในเมือง” หลินหยางตอบพลางหัวเราะ
“มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง มหาวิทยาลัยนั่นไม่เลวเลยทีเดียว รอเธอเรียนจบหากเธอเชื่อลุงจาง มาหาผมได้ ผมรู้จักคนในนั้น สามารถเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเมืองเจียงหลิงสาขาที่สามเมืองเจียงหลิงได้เลย” ดูเหมือนว่าจางเหออยากตอบแทนหลินหยาง เลยมีข้อเสนอที่น่าสนใจ
หากว่าหลินหยางยังคงเป็นเขาแบบเมื่อเดือนกว่าๆที่แล้ว ได้ยินข่าวนี้คงดีใจมาก เขาเคยได้ยินชื่อโรงพยาบาลเมืองเจียงหลิงสาขาที่สามเมืองจินหลิง แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเมืองเจียงหลิง แต่ทว่าโรงพยาบาลเมืองเจียงหลิงสาขาที่สามที่นี่ถือว่าจัดอยู่ในลำดับที่หนึ่งของเมืองเจียงหลิง อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ
“ขอบคุณในความหวังดีของลุงจางเป็นอย่างมากครับ หากตอนนั้นผมมีความต้องการจริงๆจะมาหาลุงจางแน่นอนครับ” หลินหยางยิ้มน้อมรับ ในใจพลางคิดบุญคุณครั้งนี้พอนานไปจะกลายเป็นศัตรู ตัวเองได้ช่วยจางเยว่ สำหรับครอบครัวจางเยว่แล้วนับว่าเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ หากตัวเองไม่น้อมรับไว้ เกรงว่าครอบครัวจางเยว่จะต้องไม่พอใจเป็นแน่
“โอ๊ย พ่อคะ อย่าไปบังคับเขาเลย พ่ออยากให้เสี่ยวหยางไปทำงานที่โรงพยาบาลเมืองเจียงหลิงสาขาที่สาม คนเขาไม่อยากไปหรอก ไม่กี่วันมานี้หาเงินได้ไปหลายล้านหยวนแล้ว ทำงานที่โรงพยาบาลเมืองเจียงหลิงสาขาที่สามจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว” จางเยว่พูดพลางเบะปาก
หากหลินหยางดูโทรทัศน์ให้มากกว่านี้สักหน่อย จะรู้ทันทีว่าจางเหอเป็นใคร นี่เป็นนายกเทศบาลเมืองจิงหลิงตัวเป็นๆเลยนะเนี่ย อำนาจล้นมือเลยทีเดียว
จางเหอดำรงตำแหน่งสูงมานาน ปกติเห็นคนมานับไม่ถ้วน แต่หลินหยางอายุยังน้อยแบบนี้ ไม่กี่วันก็หาเงินได้หลายล้านหยวน นับว่าเห็นได้น้อยมาก จางเหอจำเป็นต้องมองหลินหยางใหม่ พอมองให้ลึกก็ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก
หลินหยางนั่งอยู่ข้างๆตัวเอง สีหน้าดูเงียบๆ แต่ดูสบายๆ ไม่ค่อยเคร่งเครียดเท่าไหร่ ทั้งที่ตัวเองตำแหน่งสูงขนาดนี้ ดูน่าเกรงขามอาจทำให้คนทั่วไปดูเกร็งๆ แต่ดูท่าทางของเด็กคนนี้แล้ว นับว่าดูเป็นเด็กที่ฉลาดทีเดียว
บนโต๊ะอาหาร หลินหยางได้สนทนากับจางเหอ แม้ดูเหมือนว่าหลินหยางจะยังผ่านโลกมาไม่มาก แต่น่าจะอ่านหนังสือมาไม่น้อย กับเรื่องบางเรื่องก็สามารถแสดงความคิดความอ่านได้ จางเหอได้ฟังพลางพยักหน้าติดต่อกัน มองหน้าหยางหลิน
หลังจากทานอาหารดื่มด่ำกันเสร็จแล้ว หลินหยางจึงขอตัวกลับก่อน จางเหออยากให้หลินอยู่พักค้างที่บ้านของตน ได้ยินว่าหลินหยางหาโรงแรมไว้แล้วก็ไม่ได้รั้งอะไรเอาไว้ อีกทั้งออกไปส่งหลินหยางด้วยกันกับครอบครัว
ถึงใต้ตึก หลินหยางเอากุญแจออกมา เดินไปที่ด้านหน้ารถของตัวเอง
“เสี่ยวหยาง นี่รถเธอ” หยางเฟินมองไปที่รถสีดำของหลินหยางพร้อมทั้งถาม
“ไม่ใช่หรอก หลินหยางรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง คนเขาบอกว่าให้เงินมันดูรูปแบบเดิมๆ เลยให้ค่ารักษาไปห้าแสนหยวน จากนั้นก็ให้รถอีกหนึ่งคัน ” จางเยว่พูดอย่างภูมิใจ อาการราวกับว่าเป็นรถของตัวเอง
ในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึง หลินหยางกวักมือเรียกจางเยว่บอกว่า “พี่เยว่ ผมอยากไปซื้อของใช้ส่วนตัว ไปกับผมหน่อย เดี๋ยวขับรถมาส่ง”
“ได้เลย จางเยว่หันหลังไปโบกมือกับคนที่บ้าน เปิดประตูรถแล้วนั่งเข้าไป”
“ขับช้าหน่อยนะ”จางเหอกำชับ
“ใช่ ใช่ไหม พี่จาง พี่ว่าไหมเสี่ยวเยว่ก็กำลังโสด หลินหยางก็ไม่เลว พี่น่าจะชงสักหน่อยนะ ให้พวกเขาได้ลงเอยกัน ”หยางเฟินยืนพูดอยู่ข้างๆ
จางเหอยิ้มอย่างแห้งๆ มองไปที่หยางเฟินแล้วพูด “เธอคิดได้หน่ะคิดได้ แต่คนอื่นเข้าจะไม่ยอมเอาหน่ะสิ เสี่ยวเยว่อายุเยอะกว่าเขาขนาดนั้น”
“พี่เป็นถึงนายกเทศบาลเมืองจินหลิง จับคู่ให้เด็กสองคนไม่ง่ายเหรอ” หยางเฟินพูดพลางเบะปาก
“นายกเทศมนตรีก็เป็นคนไม่ใช่กามเทพ และก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายในบุพเพสันนิวาสของใคร ไปเถอะ เข้าบ้านกัน” จางเหอมองรถที่ขับไกลออกไป แล้วพาสองสาวเข้าบ้าน
“ฉันว่าดูพ่อมันสิ เสี่ยวเยว่ปีนี้ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ตอนที่เราอายุสามสิบในช่วงนั้น เสี่ยวเยว่ก็พอที่จะรู้เรื่องอะไรแล้ว ถ้าคุณยังคิดเรื่องการใหญ่สำหรับเรื่องตลอดชีวิตของลูกอีก เราจะได้เห็นดีกัน” เซี่ยหยวนหยวนโกรธ เดินกลับเข้าไปในบ้าน ปิดประตูดังโครม
“เอาหล่ะ เอาหล่ะ เสี่ยวเยว่เจ้าเด็กนี่ทำตัวสูงส่ง ผู้ชายทั่วไปนางไม่แลชายตามองหรอก หลินเป็นคนเมืองเจียงหลิงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่อย่างนั้นผมไหว้วานคนให้ย้ายเสี่ยวเยว่ไปประจำการเป็นตำรวจที่เมืองเจียงหลิงเลยเป็นอย่างไร” จางเหอนั่งสูบบุหรี่ที่โซฟา
“ฉันว่าแบบนี้ก็ดี แต่ว่ายังไงก็ต้องดูเสี่ยวเยว่ด้วย รอนางกลับมาแล้วค่อยถามนางดูดีกว่า”
หลินหยางไม่ได้ซื้อของอะไรมากมาย ซื้อเพียงแค่เสื้อผ้าสองสามตัว ตอนนี้หลินหยางหาเงินเองได้สักหน่อยแล้ว เสื้อผ้าที่ซื้อก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อที่ถนนคนเดินรวมกันแล้วจะไม่ถึงสองร้อยหยวน แต่ก็ไม่ได้ซื้อแพงจนเกินไป เสื้อผ้าชุดหนึ่งก็สามสี่ร้อยหยวนได้
หลังจากที่ส่งจางเยว่กลับบ้าน หลินหยางก็ตรงไปที่โรงแรม จอดรถเรียบร้อย หลินกำลังจะเดินกลับไปโรงแรม ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะวิวาทกันจากที่ไม่ไกลมากนัก
“ที่นี่ของแกมันเป็นคลินิกเถื่อน รักษาไม่หายยังจะมาเก็บเงินอีก เดี๋ยวกูเอาคนมาทุบให้ร้านพังไปเลย” เสียงด่าดังขึ้นมา หลินหยางหันหัวกลับไปดู เห็นหน้าประตูคลินิก มีวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังหันหน้าไปด่าที่ข้างในอยู่
“มาตรวจไข้ที่ไหนไม่ต้องจ่ายเงินหล่ะ โรคของคุณเดิมก็หนักอยู่แล้ว จะหายง่ายๆได้อย่างไร ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยความโมโห อีกคนก็อายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้า มือข้างหนึ่งเท้าสะเอวชี้หน้าด่าผู้ชายคนนั้น
“ก่อนหน้านี้พวกแกบอกว่า รักษานิดหน่อยก็หายแล้ว รักษาไม่หายไม่รับเงินไม่ใช่เหรอ กูไม่ได้ไม่มีเงินหรอก แต่ดูว่าแกเป็นหมอที่ใจดำอย่างนี้ก็ทนไม่ได้ ความสามารถแค่นี้ยังจะมีหน้ามาเปิดคลินิกอีก รีบปิดไปเลยนะ” ชายวัยกลางคนคนนั้นด่าเกรี้ยวกราด ดูเหมือนว่าแขนข้างซ้ายจะเจ็บ มือขวากอดแขนซ้ายกำลังจะหันตัวเดินกลับไป
“คุณมาตรวจแล้วทำไมไม่ยอมจ่ายเงิน ทำไมถึงเป็นแบบนี้หล่ะ” หมอผู้หญิงไม่ยอมจบ จะดึงแขนชายวัยกลางคนนั้นให้ได้
“ไปไกลๆ” อารมณ์ของชายคนนั้นดูเหมือนจะแย่มาก มือขวาปัดไปมาจะตีผู้หญิงให้ออกไป
“คุณทำไมเป็นคนแบบนี้ มีเหตุผลหน่อยสิ” ผู้หญิงคนนั้นพุ่งตัวเข้าไปด้วยความโกรธ น้ำตาคลอเบ้าเกือบจะไหลออกมา
หลินหยางเห็นป้ายว่าเป็นคลินิกแพทย์แผนจีน จึงส่ายหัว ตัดสินใจเดินเข้าไป
“พี่ครัย ผมขอดูแขนของพี่หน่อยได้ไหมครับ” เห็นสองคนยังจะทะเลากันอีก หลินหยางเดินเข้าไปตบที่ไหล่ของผู้ชาย
ชายวัยกลางคนหันตัวมาเห็นหลินหยาง พูดอย่างไม่ไยดีว่า “แกเป็นใคร”
“ผมเป็นหมอคนหนึ่ง อยากจะขอดูแขนของพี่หน่อย รักษาหายแล้วพี่ก็จ่ายเงินให้เขา หากไม่หายผมจะจ่ายแทนให้เอง ”
ราวกับว่ารอยยิ้มของหลินหยางมีแรงดึงดูด ชายวัยกลางคนคนนั้นพยักหน้า สายตามองเหยียดหยามผู้หญิงคนนั้น ถามขึ้นมาว่า “แกรู้จักมันเหรอ”
“ไม่รู้จัก” หลินหยางส่ายหัว
ชายหนุ่มคนนั้นเดินตามหลินหยางเข้าไปในคลินิก ให้หลินหยางดูแขน ตรวจชีพจรบริเวณโดยรอบของแขน
“แขนของคุณนี่ถูกทุบมาใช่ไหมใช่หรือเปล่า” หลินหยางตรวจดูแล้วถาม
ชายคนนั้นได้ยินแววตาเป็นประกายทันใด รีบตอบกลับไปว่า “ใช่ ถูกของหนักทำร้ายมา ไอน้อง รักษาได้ไหม”
“รักษาได้แน่นอน” หลินหยางยิ้มพลางเอากล่องฝังเข็มออกมาจากกระเป๋า พูดว่า “ถอดเสื้อผ้าออก”
“ฝังเข็มอีกแล้วเหรอ เมื่อกี้แม่นี่ก็เพิ่งจะฝังเข็มให้ฉันไป ไม่มีประโยชน์” ชายคนนั้นมองไปที่หมอผู้หญิง ปากเบะใส่ พูดด้วยความไม่พอใจ
หมอผู้หญิงคนนั้นโกรธที่ถูกชายวัยกลางคนทำให้อับอาย ด่ากลับไปว่า “ถุย การรักษาแบบแพทย์แผนจีนมันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้ว คุณจะให้รักษาทีเดียวหายมันจะเป็นไปได้อย่างไร จะชักดาบก็พูดมาตรงๆเถอะ”
“แกว่าใครชักดาบหา แกมันก็เป็นไอหมอกำมะลอ ” ชายวัยกลางคนเบิ่งตาด่ากลับ
“พอแล้ว พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว” หลินหยางห้าม เอาเข็มออกมาฝังไปตรงที่ทรวงอกของชายวัยกลางคน
“เธอรักษาเป็นหรือเปล่า แขนเขามีปัญหา จะไปฝังอะไรบนตัวของของเขา” หมอหญิงรีบพูดเมื่อเห็นหลินหยางฝังเข็ม
“แขนบาดเจ็บจากโดนทุบของอาวุธ เส้นเลือดลมที่แขนไม่นิ่ง คุณทำเพียงแค่ฝังเข็มบนไหล่ โดยธรรมชาติแล้วจะไม่เห็นผล คำโบราณกล่าวไว้ว่าดึงผมเส้นเดียวสะเทือนไปทั่วร่าง ตอนนี้มีเพียงแค่ปรับสมดุลในร่างกาย ถึงจะทำให้แขนกลับมามีความรู้สึกได้อีกครั้ง ” หลินหยางพูด แต่มือก็ฝังเข็มไม่หยุด แป๊บเดียวก็ฝั่งไปสิบหกเข็มทั่วร่างบนตัวของชายคนนั้น
บิดเข็มเงินไปตามเส้นลมปราณ ไม่นานชายคนนั้นก็เริ่มขยับคิ้วได้ ตะลึงจนพูดออกมาว่า “มีความรู้สึกแล้ว แขนมีความรู้สึกแล้ว”
“
“ใจเย็น เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” หลินหยางยิ้ม ใช้มือบิดเข็มเงินอีกรอบ ถึงจะถอนเข็มเก็บ พลางพูดว่า “เสร็จแล้ว จ่ายค่ารักษาด้วย”