ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่228 หัวใจสาวน้อย
บทที่228 หัวใจสาวน้อย
ฟ้าฝนหยุดลง หลินหยางมองดูอานเสี่ยวซิงด้านล่างตัวที่กำลังสั่นเทาอยู่ ในใจก็รู้สึกแปลกใจมาก เขายกมือขึ้นมาดู ตะลึงอย่างมาก ฝ่ามือที่เป็นสีม่วงก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“ทำไมเหรอ?” อานเสี่ยวซิงถาม
“เหมือนยาพิษจะสลายไปเล็กน้อยนะ!” หลินหยางยิ้ม
หลินหยางนึกถึงภาพตอนที่หนานกงหยูนรักษาให้ตัวเอง หรือว่าพลังมังกรและหงส์ของตัวเองยังมีคุณสมบัติแบบนี้ด้วยเหรอ!
“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกยาพิษเลย มีภาพหลอนด้วย!” อานเสี่ยวซิงกอดเขาไว้และพูด
หลินหยางพูดอย่างแปลกใจ: “เธอเห็นอะไรเหรอ? เจ้าชายขี่ม้าขาว?”
“ใช่ ตัวนายเปล่งแสงสีทองออกมาและขี่ตัวฉันอยู่” อานเสี่ยวซิงพูดอย่างเขินอาย
ทั้งสองเสร็จภารกิจแล้ว แต่อารมณ์ค้างในร่างกายทำให้ทั้งสองรู้สึกสบายตัวมาก และสบายใจด้วย ตอนนี้เธอพึ่งรับรู้ได้ถึงความวิเศษระหว่างชายหญิง
หลินหยางจูบหน้าผากเธอเบาๆ: “เกรงว่านี่คงจะเป็นเหตุผลที่ยาพิษในตัวฉันอ่อนลง!”
หลินหยางกอดหญิงสาวร่างนุ่มไว้แน่น รับรู้ถึงความสงบนี้เงียบๆ
วันที่สอง หลินหยางกลับไปโรงเรียน พวกเพื่อนในทีมบาสต่างก็พูดถึงการแข่งขันเมื่อวานกับหลินหยางอย่างตื่นเต้น นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเอาชนะสาขาเภสัชได้ แข่งจนพวกนั้นแพ้อย่างราบคาบ
หลัวอี้เจ้าหมอนั่นยังกลายเป็นตัวตลกอีก อับอายขี้หน้าจริงๆ รายการด้านหลังในงานวรรณกรรมและกีฬาของวันนี้เขาไม่ได้เข้าร่วมเลย แต่พี่สาวเขาหลัวหยุนวันนี้กลับแต่งตัวเต็มยศ มาเข้าร่วมการแข่งขันเขียนพู่กันจีน
หลินหยางไม่คิดจะเข้าร่วม แต่เจอหลัวหยุนในโรงเรียนเข้า เห็นสีหน้าที่ภาคภูมิของเธอเหมือนกำลังพูดว่านายกล้ามาหรือเปล่า!
หลินหยางจะเสียหน้าไม่ได้ และไปลงสมัครเข้าแข่งขันด้วย
การแข่งขันพู่กันจีนงานนี้คนที่เข้าแข่งขันกันส่วนใหญ่มีแต่พวกนักเรียนตัวท๊อป พวกผู้ชายผู้หญิงที่หมกตัวอยู่แต่ในบ้านมีบางส่วนเท่านั้นที่สนใจพู่กันจีน ภายในนักเรียนท๊อปก็ไม่เห็นใครที่หน้าตาดีเลย แต่นอกจากหลัวหยุน
วันนี้หลัวหยุนสวมชุดเดรสเหลืองอ่อน ไม่เหมือนกับสไตล์ชุดยีนในวันนั้นเลย จากมัดหางม้าก็ปล่อยสยายผมลงมา ผมยาวพลิ้วสลวยสไตล์เหมือนนักศิลปะ
ใบหน้าเรียวยาวของหลัวหยุนดูสวยมาก ใบหน้าก็ยังดูอ่อนโยนอีก ภายในงานการแข่งขันเธอดูโดดเด่นที่สุดแล้ว
หลินหยางเห็นเธอในหมู่ผู้คนได้อย่างชัดเจน ทั้งสองพยักหน้าทักทายกัน หลินหยางหาผู้จัดงานมาและยืมพู่กันกับหมึก นี่ทำให้หลัวหยุนที่สังเกตการณ์เขาตลอดถึงกับอึ้ง
โดยปกติแล้วการแข่งขันตัวเองต้องเตรียมหมึกและพู่กันมาเอง ต้องเอาสภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาและใช้พู่กันที่ตัวเองถนัดที่สุด ถึงจะเขียนออกมาได้ดี
ทำให้หลัวหยุนตกใจกว่าก็คือหลินหยางกลับใช้มือข้างซ้ายเขียน เธอรู้ว่าหลินหยางไม่ใช่คนถนัดซ้าย หลัวหยุนวางพู่กันและกระดาษในมือตัวเองลง ขยับไปตรงหน้าหลินหยาง
“มือของนาย” หลัวหยุนถาม
“บาดเจ็บน่ะ เลยต้องใช้มือข้างซ้ายไปก่อน!” หลินหยางยิ้มอ่อน
หลัวหยุนมองดู ก็เห็นบาดแผลน่าตกใจที่มือข้างขวาของเขา แม้แผลจะปิดแล้วแต่ก็ยังน่าตกใจอยู่ดี
หลัวหยุนรีบพูดว่า: “ทำไมนายไม่พันแผลหน่อยล่ะ?”
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ใช้มือข้างซ้ายได้!” หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
เขียนด้วยมือข้างซ้าย หลินหยางบดหมึกเสร็จแล้ว จุ่มพู่กันลงไปสักพักก็เริ่มเขียนทันที
เขียนบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียง [แดงทั่วธาร] หลินหยางเขียนบรรทัดแรกก็ทำเอาหลัวหยุนนับถือ
โกรธจนผมตั้งชันชี้ดันหมวกขึ้น เมื่อพิงระเบียงอยู่ ฝนแรงเพิ่งหยุด
จากโครงสร้างตัวหนังสือของหลินหยาง กล้ามเนื้อจนไปถึงโครงทุกตัวอักษรทำให้หลัวหยุนอุทาน เธอมองอย่างไม่ละสายตา
หลินหยางเขียนพู่กันจีนไม่หยุดมือ เขียนจนหมดอย่างง่ายดาย หยุดสักพักหลินหยางถึงรู้สึกว่าผู้คนโอบล้อมเข้ามากันหมด
“เขียนดีจัง!”
“นี่มันเป็นอักษรที่มีทรวดทรงสวยมาก เขียนแบบนี้ได้ต้องฝึกนานเท่าไหร่กันเนี้ย!”
“สุดยอดเลย เขียนต่อสิ!” มีคนเร่งเขา
หลินหยางประสานมือพูดว่า: “ไม่หรอก ที่เขียนมายังไม่ถือว่าดีหรอก อีกครึ่งหนึ่งมีสไตล์ที่ต้องเปลี่ยน ฉันกำลังคิดอยู่!”
“นี่ยังไม่ถือว่าดีเหรอ ที่พวกเราเขียนน่ะไม่ควรเอาแข่งขันด้วยซ้ำ!” คนอื่นก็พูดกัน
“นั่นสิ! นี่ นายถนัดข้างซ้ายเหรอ? ถึงว่าคนถนัดซ้ายเก่งกันหมดไง!” มีคนถาม
หลัวหยุนส่ายหน้าพูดว่า: “มือข้างซ้ายของเขาบาดเจ็บน่ะ เขาเลยต้องใช้มือข้างซ้าย!”
“ให้ตายสิ หลินหยางถ้านายใช้มือข้างขวาเขียน พวกเราคงไม่ต้องมาแข่งกันแล้วล่ะ?” มีคนรู้ตัวและพูดขึ้น
และมีคนรีบพูดเสริมว่า: “นายคือหลินหยางเหรอ วันนั้นได้ยินชื่อนายตลอด ได้เห็นตัวจริงสักที! ไอดอลจริงๆ!”
ตอนนี้มีคนมามุงดูกันเยอะมากขึ้น แต่ก็เว้นที่ว่างให้หลินหยางอย่างมีมารยาท ไม่กล้าเข้าใกล้ในตอนที่เขาเขียนมาก
หลินหยางรู้สึกชะงักขึ้นมาทันที อารมณ์เหมือนถูกขัด เขียนพู่กันจีนก็เป็นการฝึกฝนแบบหนึ่งของเขา เขายังไม่ชินกับการมีคนมุงดูแบบนี้เลย
หลัวหยุนยิ้มและพูดว่า: “สู้ๆ ให้พวกเราเห็นนายในแบบนี้ที่ดีที่สุดนะ!”
หัวใจอบอุ่น คิดว่าสาวคนนี้น่ารักจริงๆ ฮอร์โมนถูกกระตุ้นออกมา ถือพู่กันขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้หลินหยางไม่หยุดอีกต่อไป เขียนตลอดทาง จนกระทั่ง “ณ ทวารา” เสร็จแล้วก็ถึงหยุดลง
ผู้คนที่มาเฝ้าดูก็ต่างปรบมือพร้อมกันเสียงดัง รู้สึกนับถือจากใจจริง ตัวหนังสือแบบนี้เอาไปที่ไหนก็คงจะได้แต่คำชมแบบนี้ หลัวหยุนมองดูหลินหยางไม่กะพริบตา เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอย่างนั้น
พวกกรรมการมากันอย่างเชื่องช้า พวกคนแก่ที่ถือพัดเดินเข้ามา ในปลายฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ไม่กลัวว่าจะหนาวตายเหรอ
พวกคนแก่เก็บผลงานการแข่งขันมาจนหมด เชยชมทุกแผ่นช้าๆ หลินหยางไม่สนใจผลของการแข่งขัน กลับหลังหันก็เดินออกไปเลย หลัวหยุนรีบตามเขาไป
“เดี๋ยวก่อน!” หลัวหยุนตะโกนเรียก
“ทำไม? มีอะไรเหรอ?” หลินหยางถาม
หลัวหยุนกัดริมฝีปาก อารมณ์ปั่นป่วน เหมือนครั้งแรกตอนที่เธอเห็นตัวหนังสือของหลินหยาง ไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดอะไรก่อน
“ใช่แล้ว ครั้งก่อนเธอบอกว่าเคยเห็นตัวหนังสือฉัน เธอไปเห็นที่ไหน?” หลินหยางถาม
หลัวหยุนทำเสียงอ้อ ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ก้มหน้ามองปลายเท้า พูดเสียงเบาว่า: “ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ ฉันเห็นนายมีครั้งหนึ่งเขียนตัวอักษรลงบนใบประกาศก็เลยเห็นน่ะ”
หลินหยางเกาหัวก็ถึงนึกเรื่องเมื่อก่อนได้ บนใบประกาศที่ประกาศเรื่องตัวเองถูกลงโทษ เขาก็เลยเขียนตัวหนังสือบนนั้นสักหน่อย
“ฮ่าๆ ฉันเขียนเล่นเอง เธอเห็นได้ยังไงกัน?” หลินหยางถาม
“ฉันฝึกเขียนตัวอักษรมาตั้งแต่เด็ก แม้ตอนแรกจะไม่ชอบ แต่ต่อมาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวอักษรวิเศษมาก เริ่มมีระดับการเขียนมากขึ้น ฉันก็รู้สึกภูมิใจ แต่จนกระทั่งเห็นนายเขียนเล่นๆไม่กี่คำ ฉันถึงรู้ว่าตัวเองมีขนาดเล็กมากแค่ไหน!” หลัวหยุนพูด
หลินหยางพูดว่า: “เธอประเมินฉันสูงไปแล้ว แต่ฉันก็ภูมิใจนะ ขอบใจมากที่ชม! ตัวหนังสือพวกนั้นก็ของฉันไม่คุ้มกับที่เธอชมแบบนี้หรอก!”
หลัวหยุนมองเขาอย่างจริงจัง: “ไม่เพียงแค่ตัวหนังสือที่เขียนเล่น ฉันเคยไปหาตัวหนังสือที่นายเคยเขียนด้วย!”
“เธอไปหาจากที่ไหนกัน?” หลินหยางถามอย่างสงสัย
หลัวหยุนใบหน้าแดงระเรื่อ พูดเชื่องช้าว่า: “ฉันเคยไปหาป้าแม่บ้าน ไปเอาจากที่ของนายมาน่ะ!”
หลินหยางมองตาค้าง สาวคนนี้เก่งจริง กลับคิดวิธีแบบนี้ได้ หลัวหยุนรีบอธิบายว่า: “ฉันหลงใหลในตัวหนังสือมาก ฉันอยากจะเห็นและวิจัยตัวหนังสือของนายว่าเป็นยังไง นายอย่าโกรธเลยนะ! ตัวหนังสือของพวกเราก็เป็นศิลปะอยู่แล้ว เขียนให้มีชีวิตได้น้อยมาก ตอนที่ฉันเห็นตัวหนังสือนาย ฉันก็ชอบมากจริงๆนะ! ฉันวิจัยอยู่นานมาก ยังเขียนความคิดเห็นลงไปด้วย!!”
หลัวหยุนหยิบสมุดโน้ตสีชมพูในกระเป๋าและยื่นให้เขา หลินหยางเปิดดู หน้าแรกกลับเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่ หลัวหยุนรีบอธิบาย: “ไม่ใช่ตรงนี้ ไม่ใช่ตรงนี้!”
หลินหยางยิ้มอ่อนๆ จากนั้นเปิดดูหน้าต่อไป หลัวหยุนเขียนตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นตัวหนังสือเขา วิเคราะห์ข้อเสียข้อดีตัวหนังสือทั้งหมดของหลินหยางได้อย่างชัดเจน
“เก่งจริงๆนะ ที่ไหนที่ฉันเขียนได้ไม่เต็มที่เธอก็เขียนวิเคราะห์ออกมาได้อย่างชัดเจนเลยนะ ฉันน่าจะรู้จักเธอเร็วกว่านี้ จะได้เดินผิดทางน้อยหน่อย!” หลินหยางพูด
“จริงเหรอ? ฉันก็คิดแบบนี้นะ ฉันน่าจะรู้จักนายเร็วกว่านี้ ตัวหนังสือฉันจะได้พัฒนามากขึ้น! ที่จริงตอนแรกยังหวังว่าวันนี้ที่ฉันฝึกฝนมาเป็นเวลานานจะชนะนายได้ ความคิดเด็กจังเลยนะ!” หลัวหยุนพูดอย่างเขินๆ
หลินหยางส่ายหน้าพูดว่า: “ไม่เหมือนกัน เธอวิเคราะห์ตัวหนังสือได้อย่างชัดเจนละเอียด ฉันไม่รู้จักเยอะขนาดนั้น ยังต้องขอบใจเธอด้วยนะ! สมุดโน้ตของเธอฉันยืมไปอ่านได้ไหม?”
“ได้สิ!” หลัวหยุนพูดอย่างดีใจ ต่อมาก็ส่ายหน้า และแย่งมากทันที
หลินหยางไม่เข้าใจ สุดท้ายเธอก็หันหลังและแอบฉีกหน้าแรกและด้านหลังออกไม่กี่แผ่น จากนั้นก็ส่งคืนให้เขา
“หรือว่ามีความลับอะไรที่ฉันดูไม่ได้เหรอ?” หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ เป็นความลับที่ทำลายนายได้!” หลัวหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินหยางยื่นมือพูดว่า: “ได้ พัฒนาไปด้วยกัน!”
หลัวหยุนอึ้ง ถึงยื่นมือออกไปจับมือหลินหยางเบาๆ ต่อมาเขาก็โบกมือลา หลัวหยุนยืนอึ้งอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังของเขา จนกระทั่งไม่ลับสายตาไป หลัวหยุนกรีดร้องเสียงดังอย่างดีใจ เหมือนคนบ้าก็ไม่ปาน
หลินหยางพึ่งเดินออกมาจากประตูโรงเรียน ก็เห็นเบนท์ลีย์คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้า เป็นเซินถูจิงจี๋
“ฉันว่านะพี่เซินถู นายวนเวียนมาเรื่อยๆเลยนะ เมื่อวานให้ไวอากร้าฉัน วันนี้จะให้อะไรฉันอีกล่ะ? ยาเสน่ห์เหรอ?” หลินหยางยิ้มแห้ง
“ขึ้นรถเถอะ พานายไปเจอคนหนึ่ง!” เซินถูจิงจี๋พูด
หลินหยางครุ่นคิด ก็ขึ้นรถตามเขาไป เบนท์ลีย์ขับอยู่บนทางด่วนโค้งไปมา เดินทางไปทางเหนือตลอด
“ฉันว่านะ นายคงไม่ได้จะพาฉันไปยันจิงฉันไหม?” หลินหยางถาม
“ไม่ต้อง พานายไปยันจิงก็นั่งเครื่องบินไปนานแล้ว อยู่ตรงหน้านายนั่นแหละ!” เซินถูจิงจี๋พูดโดยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
หลินหยางสงสัย แต่เขาก็ทนไม่ไหวแล้วรถขับไปทางออกทางด่วนเมืองเจียงหลิง ทางนั้นมีรถหงฉีจอดข้างๆ
เซินถูจิงจี๋เดินลงมา หลินหยางก็เดินตามไปด้วย ทั้งสองไปข้างๆรถหงฉีที่จอดอยู่ หญิงสาวที่แต่งหน้าอ่อนๆเดินลงมาจากรถ ดูท่าน่าจะอายุไม่เกินสามสิบ แต่ท่าทางและบุคลิกทำให้หลินหยางนับถือ คนที่เบียดเธอได้คงมีแต่ผู้หญิงขับเฮลิคอปเตอร์มาส้งเจียว
“นายกเทศมนตรีจ้าว คนผมพามาแล้ว พวกเราหายกันแล้วนะ!” เซินถูจิงจี๋พูด
หลินหยางตะลึง หรือว่าหมอนี่ขายตัวเองเหมือนสินค้างั้นเหรอ?
เซินถูจิงจี๋เดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย ก่อนไปในกระเป๋าหลินหยางมีขวดเม็ดยาสีแดงเพิ่มมาอีกขวด
“นายคือหลินหยางเหรอ?” ผู้หญิงถาม
“ใช่ ฉันคือหลินหยาง ขอถามหน่อย” หลินหยางยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเธอตัดจบเสียก่อน
หญิงสาวจ้องมองเขาพูดว่า: “นายอย่าพึ่งพูดแทรก ฉันถามอะไรนายก็ตอบมาตามนั้นก็พอ! ฉันสกุลจ้าว ตอนนี้ได้รับตำแหน่งเป็นเทศมนตรีเมืองเจียงหลิง!”
คำพูดง่ายๆกลับเผยข้อมูลที่มากมายมาก สกุลจ้าว ได้ย้ายมาในเจียงหลิงรับตำแหน่งเทศมนตรี!
“ใช่แล้ว ฉันเป็นคนตระกูลจ้าว ฉันเป็นน้าของจ้าวกางเถียน!” ผู้หญิงพูดด้วยรอยยิ้ม