ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่253 ปรับอารมณ์
อานเสี่ยวซิงตัวสั่นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มก่อนแบบนี้
ร่างเล็กบอบบางของเธอขย่มเบา ๆ สาวน้อยให้ร่างกายของตัวเองกลืนกินอาวุธหนักของเขาจนหมด ใบหน้าของหลินหยางขึ้นสีแดงเรื่อ
“ใช่แบบนี้รึเปล่า?” อานเสี่ยวซิงเอ่ยถาม
“ไม่เลว ทำได้ดีมาก มีความเข้าใจเป็นอย่างดี สมกับเป็นนักศึกษาปริญญาเอกเลย!” หลินหยางยิ้ม
ร่างกายที่เพิ่งจะค้ำยันขึ้นมาอ่อนยวบลงทันที อานเสี่ยวซิงทรุดลงบนตัวของเขาพูดอย่างแง่งอน “น่ารำคาญ! ฉันหมดแรงอีกแล้ว!”
“เอาล่ะ ผมไม่ล้อคุณแล้ว ความสามารถในการเข้าใจของคุณดีมาก ความสามารถในการควบคุมตนเองนั้นไม่เลวอย่างแน่นอน!” หลินหยางให้กำลังใจ
“ควบคุมอะไรกัน ตอนนี้ฉันขยับไม่ไหวแล้ว!” อานเสี่ยวซิงหน้ามุ่ย
หลินหยางพูดชี้ทางออก “ปรับอารมณ์ของคุณสิ! ขอแค่คุณไม่ประหม่ามากขนาดนั้น ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่! คุณกำลังช่วยผมฟื้นฟูเจินชี่ไง!”
บางทีคำพูดของหลินหยางคงได้ผลขึ้นมา อารมณ์ของอานเสี่ยวซิงมั่นคงขึ้นเล็กน้อย กำลังกายฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างอ้อนแอ้นขย่มเบา ๆ ซาลาเปาเนื้อสองลูกที่เด้งขึ้นลงน่าดึงดูดนั้นเย้ายวนอย่างมาก
หลินหยางเอื้อมมือไปบีบมัน เจินชี่ของพลังมังกรและหงส์ที่ฝ่ามือ ค่อย ๆ กลายเป็นกระแสย้อนกลับอย่างไม่คาดคิด! นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในใจของหลินหยางปีติยินดี เขายิ้ม “ไม่นึกเลยว่าเจินชี่จะสามารถไหลจากร่างกายของคุณกลับมายังมือของผมได้ คุณสุดยอดมาก!”
เมื่ออานเสี่ยวซิงได้รับกำลังใจ การเคลื่อนไหวของเธอก็รุนแรงขึ้น ท่าทางดื้อรั้นของสาวน้อยพาให้เอ็นดู ไฟในใจของหลินหยางลุกโชน ความเหนื่อยล้าของร่างกายได้หายไปนานแล้ว เขาพลิกตัวแล้วกดอานเสี่ยวซิงเอาไว้ใต้ร่างกาย อำนาจการรุกได้มาอยู่ในกำมือเขาแล้ว
เขาจับก้อนเนื้อทั้งสองแล้วกระตุ้นมัน อานเสี่ยวซิงกัดนิ้วเอาไว้ แต่เสียงครวญครางก็ยังเล็ดลอดออกมา
“ปล่อยเสียงออกมาเถอะ ฉนวนกันเสียงนี้ได้ผลดีมาก ที่ประตูไม่มีใครได้ยินหรอก!” หลินหยางยิ้ม
“ฉัน…จะไม่ร้อง! คนร้ายกาจ คุณแค่ต้องการแกล้งฉัน!” อานเสี่ยวซิงเอ่ยอย่างเขินอาย
นี่ไม่ใช่การล้อเล่น แต่เป็นการสื่อสารทางร่างกายและจิตใจระหว่างกัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอีกด้วย การเคลื่อนไหวที่รุนแรงของทั้งสองคนทำให้อานเสี่ยวซิงเข้าใกล้จะถึงจุดสูงสุด เธอบีบแขนของหลินหยางแน่นร่างกายแอ่นตึงจนเกิดส่วนโค้ง หลังจากครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา เธอจึงผ่อนคลายลง
หลินหยางยังคิดจะทำต่อ แต่อานเสี่ยวซิงนั้นตาลอยไปแล้ว เขาจึงหยุดลงแค่นั้น
“เป็นยังไงบ้าง?” หลินหยางถามอย่างเป็นห่วง
อานเสี่ยวซิงใช้เวลาสักพักจึงเอ่ยตอบอย่างเหนื่อยหอบ “เหมือนตายไปแล้วครั้งหนึ่งแหนะ! คุณทรมานฉันแทบตาย!”
“ที่ไหนกัน ผมยังฝืนอยู่เลยนะ!” หลินหยางสีหน้าเหมือนถูกใส่ร้าย
เมื่อเงยหน้ามอง ตรงส่วนนั้นยังแข็งเหมือนเหล็กอยู่จริง ๆ ปืนใหญ่สีแดงกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ
“ไม่เชื่อฟังกันจริง ๆ เลย ทำไมถึงปรนนิบัติยากเย็นนัก?” อานเสี่ยวซิงบ่นอุบ
หลินหยางกอดเธอแน่น “ใครใช้ให้คุณกระจอกขนาดนั้นกันล่ะ ผมเพิ่งจะออกแรง คุณก็ไม่ไหวซะแล้ว!”
อานเสี่ยวซิงกระบิดกระบวน เธอไม่อยากยอมรับว่าเป็นสาเหตุจากตัวเธอเอง เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “งั้นคุณจะทำยังไง?”
“ว่ากันว่ามีแต่วัวที่เหนื่อยจนตาย ไม่มีนาที่ไถจนเสีย! ผืนนานี้กว้างใหญ่ไพศาล วัวอย่างฉันจะไม่ทันอุ่นเครื่องเลย!” หลินหยางทอดถอนใจ
“คุณนี่น่าเกลียดจัง! คุณคิดจะให้ฉันช่วยทำให้มันออกมาใช่มั้ย?” อานเสี่ยวซิงเอ่ยอย่างลังเล
หลินหยางหัวเราะร่า “คุณทำได้มั้ย?”
สาวน้อยยื่นมือออกไป กุมส่วนนั้นไว้แน่น พยายามนวดคลึงให้เจ้าปืนใหญ่ แต่มันใหญ่เกินไปและลื่นมากจึงจับไว้ไม่ได้เลย
“ได้ยินว่า….ใช้ปากก็ได้เหมือนกัน!” อานเสี่ยวซิงกัดริมฝีปากพูด
“คนโง่ ด้านล่างนี้เป็นสิ่งที่ผสมปนเปกันในตัวของผมและคุณ คุณยังกล้าใช้ปากได้อีกเหรอ?” หลินหยางพูดขำ ๆ
อานเสี่ยวซิงเม้มปากยิ้ม “ฉันมีวิธี!”
สาวน้อยหมุนตัวหยิบกระดาษทิชชู่เปียกออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วเช็ดเบา ๆ ที่ลำปืนใหญ่ หลินหยางสูดหายใจลึก เป็นรสชาติที่ยากจะอธิบาย ทั้งเย็นสดชื่นและสบาย เยี่ยมยอดไปเลย!
สาวน้อยย่อตัวลงแล้วหลับตา อ้าปากห่อหุ้มส่วนหน้านั้นไว้ น่าเสียดายที่ปากสีเชอร์รี่เล็ก ๆ นั้นสามารถอมส่วนนั้นเอาไว้แน่น บวกกับนี่เป็นครั้งแรก เธอจึงระมัดระวังอย่างมาก
หลินหยางได้รับความพึงพอใจโดยสมบูรณ์ เพียงแต่เก้อเขินที่จะพูดออกมา เขาลูบแก้มของเธอเบา ๆ แล้วเพลิดเพลินกับปรนเปรอของเธอ
อานเสี่ยวซิงเป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง เธอสังเกตุปฏิกิริยาของหลินหยางแล้วปรับการเคลื่อนไหวของตัวเองไปด้วย ลิ้นเล็กห่อหุ้มส่วนนั้นอย่างคล่องแคล่วทำให้หลินหยางพอใจอย่างมากทั้งกายและใจ
“คุณ….ระวัง!” หลินหยางฝืนอดทนแล้วเอ่ยเตือน
อานเสี่ยวซิงกลับไม่สนใจ แล้วอมไว้แน่นต่อไป หลินหยางทนไม่ไหว จึงปลดปล่อยทุกอย่างไป จากนั้นอานเสี่ยวซิงก็เช็ดปากของเธอแล้วมองไปยังหลินหยางด้วยรอยยิ้ม
“แม่สาวน้อย ผมยังไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ ผู้ชายจะไปเป็นคู่มือผู้หญิงได้ยังไง!” หลินหยางทอดถอนใจ
อานเสี่ยวซิงโอบเขาไว้แล้วหัวเราะร่า “นั่นน่ะ ฉันก็แค่อยากทำให้คุณรู้ถึงความสุดยอดของผู้หญิงอย่างเรา!”
วันนี้ยุ่งวุ่นวายมาก ทั้งสองใช้พลังกายไปมาก แล้วยังต้องเตรียมเครื่องยาปรุงให้คุณหนูส้งต่ออีก แม้จะเป็นเพียงผลลัพธ์สนับสนุน แต่ด้วยวิธีการของหลินหยางมันสามารถได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
ในตอนกลางคืน หลินหยางได้นำยาต้มไปให้ส้งซูยี่ สาวน้อยได้กลิ่นก็บีบจมูก “กลิ่นเหม็นขนาดนี้ คุณคงไม่ให้ฉันดื่มใช่มั้ย?”
“ดื่มแล้วจะเป็นผลดีกับตัวเธอ เป็นเด็กดีนะสาวน้อย!” ส้งเจียวเอ่ย
“ไม่เอาไม่เอา!” สาวน้อยโบกมือแล้วถอยไปหลบหลังหลินหยาง
หลินหยางรีบพูด “เธอยังจำคำที่พูดกับฉันได้มั้ย? อยากรักษาให้หายรึเปล่า?”
ส้งซูยี่ยู่ปากแล้วบ่นพึมพำ “ฉันก็อยากรักษาให้หาย แต่เจ้านี่กลิ่นเหม็นเกินไปแล้ว ไม่งั้นคุณก็ลองดื่มดูสักคำสิคะ!”
หลินหยางถอนหายใจ เขาเป่าชามยาสีดำข้นแล้วจิบคำเล็ก ๆ คำหนึ่ง เมื่อเห็นหลินหยางไร้อารมณ์ใด ๆ สาวน้อยจึงโน้มตัวเข้ามาบีบจมูกแล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นเธอก็อ้วกออกมา
“สัตว์ร้าย คุณมันคนนิสัยไม่ดี! โกหกฉัน ยารสชาติแย่ขนาดนี้คุณดื่มเองเถอะ!” ส้งซูยี่พูดอย่างรุนแรง
หลินหยางส่ายหัว พูดกลั้วหัวเราะ “ยาก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ยาดีมีรสขมจะเป็นผลดีต่อโรคนะ เชื่อฟังเถอะนะ!”
ส้งเจียวเองก็เกลี้ยกล่อม “เด็กน้อย หนูจะเอาแต่ยึดติดอยู่กับวัยเจ็ดขวบไม่ได้นะ เชื่อฟังประธานโจวแล้วดื่มยา!”
เมื่อส้งซูยี่ถูกผู้ใหญ่สองคนบังคับเช่นนั้น จึงหมดหนทาง เธอขมวดคิ้วอดทนต่อความทรมานแล้วดื่มยาจนหมดชาม หลินหยางรีบหยิบมาร์ชเมลโลว์ออกมาอย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้ “ทำได้ดีมาก แบบนี้สิเด็กดี!”
ส้งซูยี่เคี้ยวมาร์ชเมลโลว์แล้วพูดด้วยความทุกข์ “ต้องดื่มยานี้ไปอีกนานเท่าไหร่คะ? ถ้าฉันดื่มต่อไปแบบนี้ถึงจะหายป่วยการรับรสก็คงพังไปแล้ว!”
“ขอแค่เธอเชื่อฟังมุ่งมั่นรักษา ฉันก็จะทำให้เธอหายดีโดยเร็ว!” หลินหยางเอ่ย
แม้จะไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่ก็จนปัญญา ดูเหมือนยาขมขนาดนี้คงจะตามติดเธอแล้วล่ะ
“ฉันขอให้รางวัลสักหน่อยได้มั้ยคะ?” ส้งเจียวดึงแขนของหลินหยางแล้วพูดขึ้น
“ไปหาคุณแม่สิ!” หลินหยางเอ่ย
ส้งเจียวเอ่ยอย่างจนใจ “เด็กน้อย หนูอยากได้อะไรเดี๋ยวคุณแม่ซื้อให้!”
“เล่นเป็นเพื่อนหนูวันนึงนะ!” สาวน้อยร้องขอ
“พรุ่งนี้ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนหนูนะ!” หลูยี่ฝืนพูดขึ้นมา
ส้งซูยี่จ้องไปที่เขา “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
หลินหยางแทบจะปรบมือให้เธอ สาวน้อยพูดได้ไร้ความปรานีจริง ๆ
หลูยี่ยังจะทนได้ยังไงอีก ถูกคำพูดนั้นทำร้ายแล้ว จึงนั่งลงอย่างเก้อ ๆ ส้งเจียวกลับพูดขึ้น “เด็กน้อย ประธานโจวงานยุ่ง จะมีเวลาเล่นกับลูกได้ยังไง ถ้าลูกอยากเล่นก็ให้หลูยี่อยู่เป็นเพื่อน! สิ่งที่เขามีก็คือเวลา!”
“เขารู้จักเจียงหลิงมั้ย? หนูไม่รู้จักเขาสักหน่อย แล้วก็ไม่อยากให้เขามาเล่นเป็นเพื่อนด้วย หนูอยากให้เจ้าสัตว์ร้ายมาอยู่ด้วย!” ส้งซูยี่กำชายผ้าของหลินหยางแน่น
หลินหยางเห็นประกายเย็นวาบในแววตาของหลูยี่ ครุ่นคิดว่าชายคนนี้คงจะใกล้ระเบิดแล้วสิ ดังนั้นเขาจึงราดน้ำมันเติมเข้าไป “เสี่ยวชัยหง ทำไมถึงอย่างให้ฉันอยู่ด้วยล่ะ? ฉันเป็นเจ้าสัตว์ร้ายนะ!”
“สัตว์ร้ายก็ยังดีกว่าคนเลว เขาไม่ใช่ของดีอะไรหรอก!” ส้งซูยี่เอ่ยสาบาน
“พอแล้ว นังหนูน้อยยิ่งพูดยิ่งอุกอาจใหญ่แล้วนะ ผู้ช่วยหลูทำให้ลูกไม่พอใจตรงไหนกัน? เสี่ยวหลู พรุ่งนี้เธอไปเดินเล่นกับเด็กคนนี้ให้ทั่ว อย่าให้รบกวนประธานโจวอีก!” ส้งเจียวดุ
ส้งซูยี่เบะปาก น้ำตารื้นขึ้นมาที่เบ้าตาของเธอ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ดุด่าแบบนี้กับเด็กที่มีความคิดเพียงเจ็ดปีคนหนึ่งมีแต่จะต่อต้านเท่านั้น ตอนนี้ส้งเจียวยังคงมองเธอเป็นผู้ใหญ่ น่ากลัวว่าจะมีแต่ได้ผลตรงกันข้าม
หลินหยางรีบเกลี้ยกล่อม “เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้หลังจากที่ทำการรักษาให้เธอเสร็จแล้ว พวกเราสองคนจะไปเล่นเป็นเพื่อนเธอด้วยกันดีมั้ย?”
นั่นเองสาวน้อยจึงยิ้มออกแล้วพยักหน้าตกลง เธอยื่นนิ้วออกก้อยออกมา “เกี่ยวก้อยกัน ห้ามกลับคำนะ!”
หลินหยางยื่นนิ้วก้อยออกมา ทั้งสองเกี่ยวก้อยสัญญากัน
“ซูยี่ การรักษาของวันนี้เป็นยังไงบ้าง?” ส้งเจียวเอ่ยถาม
“เริ่มต้นครั้ง ต้องรอสังเกตุผลการรักษาครับ” หลินหยางบอกตามความจริง
หลูยี่กลับฮึกฮัดอย่างเย็นชา “ประธานโจว คุณต้องรู้ว่าประธานส้งเชื่อใจคุณ ถ้ารักษาไม่หาย คุณจะอธิบายให้ประธานส้งยังไง?”
“ผมจะอธิบายกับประธานส้งยังไง มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คิดว่าตัวเองเป็นใคร?” หลินหยางยืมคำพูดของส้งซูยี่มาพูด
บาดแผลของหลูยี่ราวกับถูกเปิด เขาลุกขึ้นมาจ้องไปที่หลินหยางอย่างโกรธเคือง ส้งเจียวตำหนิ “ทำอะไร? พวกเธอมาช่วยฉันนะ ยังจะก่อปัญหาเพิ่มอีกเหรอ? นั่งลง!”
หลูยี่ไม่เต็มใจนัก แต่ก็นั่งลงอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นหลินหยางจึงพูดต่อ “ผมมีวิธีการวินิจฉัยและการรักษาเฉพาะอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของเด็กหญิงและการฟื้นตัวของเธอเองด้วย เพราะปัญหานี้จะไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น”
ส้งเจียวพยักหน้า เธอเองก็เข้าใจว่าต้องวางแผนกับสงครามที่ยืดเยื้อนี้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของลูกสาวและยังมีเรื่องของตัวเองอยู่ด้วยเธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
“ฉันจะร่วมมือกับคุณอย่างเต็มที่ เจ้าสัตว์ร้าย วันนี้ฉันยังเชื่อฟังมากเลย!” สาวน้อยรีบแสดงเจตจำนงของเธอ
หลินหยางยิ้มบาง ๆ ให้กับเธอ แล้วไม่ได้พูดอะไร
คนหลายคนตกอยู่ในความเงียบ เมื่อหลินหยางคิดจะยืนขึ้นและกล่าวลา ทันใดนั้นสีหน้าของส้งซูยี่ก็ย่ำแย่อย่างมาก หน้าผากเริ่มมีเหงื่อออก
หลินหยางเป็นคนแรกที่สังเกตุเห็นอาการนี่ก่อน เขารีบถาม “เสี่ยวชัยหง เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหน?”
“ฉัน….ปวดท้องมากเลย!” ส้งซูยี่กุมหน้าท้องเอาไว้แล้วพูดอย่างสั่นระริก
หลินหยางจับชีพจรของเธอ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังไปยังเส้นลมปราณหลายจุดของเธอทันที
“อะไรกันน่ะ?” ส้งเจียวถามอย่างตื่นตระหนก
“ถูกพิษ!” หลินหยางส่งเสียงลอดไรฟัน