ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่264 สั่งสอน
สถานการณ์ที่อึดอัด หลินหยางคิดไม่ถึงว่าพี่สาวในปากของเสี่ยวสิ่วจะเป็นชิวซิงเยว่ที่พึ่งมีอะไรกับตัวเองไปเมื่อกี้
เสี่ยวสิ่วพูดด้วยแก้มที่แดงขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ พี่ช่วยดูแผลของเขาให้หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ต้องดูแล้ว ฉันเป็นหมอรักษาประจำตัวเขาเอง การผ่าตัดฉันก็เป็นคนผ่าเอง” ชิวซิงเยว่เองมองหลินหยางแล้วพูดด้วยแฝงความหมาย
คอของหลินหยางหดลงไปทันที เสี่ยวสิ่วพูดอย่างแปลกใจว่า “ที่แท้ก็บังเอิญขนาดนี้นี่เอง พวกพี่คุยกันเลยนะ หนูขอนอนหน่อย”
เห็นหลินหยางแกล้งตาย ชิวซิงเยว่ลากเสี่ยวสิ่วแล้วออกไป เถียนเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างระวังว่า “ทำไมพี่ถึงกลัวขนาดนี้?”
“เธอไม่รู้สินะ?ความชอบของหมอชิวคนนี้แปลกมาก แต่ว่าตอนนี้ถูกฉันแก้ให้ปกติแล้ว เดิมทีเธอ……ชอบเด็กผู้หญิง พี่สาวของเสี่ยวสิ่วเป็นพี่สาวที่อันนั้นผู้หญิงจริงๆ” หลินหยางหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
เถียนเสี่ยวเสี่ยวอึ้งไปสักพักถึงจะเข้าใจในความหมายที่หลินหยางพูดว่าคืออะไร พูดด้วยหน้าที่แดงว่า “พี่ชายโรคจิตจังเลย”
“ฉันโรคจิตตรงไหนเนี่ย เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ” หลินหยางรีบอธิบาย
เถียนเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปจับ ตรงนั้นของหลินหยางได้แข็งตัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ด้วย เธอหัวเราะฮิฮิแล้วพูดว่า “พี่ชาย เมื่อกี้พี่ได้ทำเรื่องไม่ดีกับพี่สาวคนนั้นแล้วใช่ไหม?ตรงนี้ยังเปียกๆ อยู่เลย”
หลินหยางหันหลังกลับ แล้วเงียบอย่างรู้สึกผิด สักพักเสี่ยวสิ่วก็เดินเข้ามาพร้อมกับร้องไห้ มองหลินหยางด้วยสีหน้าที่ร้องทุกข์แล้วพูดว่า “พี่หลินหยาง หนูเกลียดพี่”
พูดจบเด็กสาวก็ปิดประตูอย่างแรกแล้วจากไป ทิ้งให้หลินหยางกับเถียนเสี่ยวเสี่ยวมองหน้ากัน
หลังจากทรมานในโรงพยาบาลมานานสองวัน หลินหยางออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด เขาก็กลับไปที่เซียนเฉ่าเก๋อ หลายวันมานี้ทางนั้นยุ่งกันจนหัวปักหัวบำ
อย่างแรกเลยคือผลิตภัณฑ์หลายตัวที่หลินหยางทดลองได้ถูกสร้างขึ้นมาในระดับหนึ่ง และจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เพื่อขยายเปอร์เซ็นต์ในการครองตลาดเรื่องใหญ่พวกนี้ ไป๋เซียนเฉ่ายุ่งจนหัวหมุนไปหมดแล้ว เห็นหลินหยางกลับมาแล้ว ในใจก็โล่งไปไม่น้อย
ปกติไป๋เซียนเฉ่าเข้มแข็งและแบกทุกอย่างไว้คนเดียว หลังจากที่ยุ่งเกี่ยวกับหลินหยางแล้ว ไป๋เซียนเฉ่าก็เหมือนกับว่ามีที่พึ่งเข้ามา ไม่ได้ตั้งท่าเป็นหญิงแกร่งแบบนั้นตลอด
หลินหยางเห็นไป๋เซียนเฉ่ายุ่งขนาดนี้แล้วปวดใจไปหมด กำลังจะบอกให้เธอไปพัก ส้งเจียวก็เดินเข้ามาแล้ว
เธอถามอย่างเย็นชาว่า “ประธานหลิน ตัวคุณฟื้นฟูดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
“ทำนองนั้นแหละ ประธานส้งคุณมีธุระหรอ?”
“การรักษาของซูยี่ได้ยื้อมาสองวันแล้ว” ส้วเจียวพูดอย่างไม่พอใจ
หลินหยางเกาหัวแล้วพูดว่า “บริษัทตอนนี้ยุ่ง ให้ผมจัดการให้เสร็จแล้วค่อยไปรักษาให้ซูยี่ได้ไหม?”
“ไม่ได้ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของพวกนาย ใช้เวลาไม่เยอะ ปล่อยให้คนของฉันช่วยเถอะ นายมีหน้าที่รักษาให้ซูยี่ก็พอแล้ว” ส้งเจียวพูดอย่างคิดเองเออเอง
ในใจของไป๋เซียนเฉ่าไม่พอใจแล้วหึทีหนึ่งพูดว่า “ประธานส้ง ถึงแม้ว่าเซียนเฉ่าเก๋อในสายตาคุณจะใหญ่เท่างาก็เถอะ แต่ว่าหุ้นส่วนของฉันดูเหมือนจะไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อคุณ โรคของซูยี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ในวันสองวัน ยิ่งไปกว่านั้นหลินหยางพึ่งออกจากโรงพยาบาลคุณก็จะให้เขาทำงานทันทีเลยหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงสองคนนี้ปะทะกันแบบนี้ หลินหยางอึ้งไปเลย ส้งเจียวเองก็ประหลาดใจมาก ไป๋เซียนเฉ่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาด นึกไม่ถึงว่าจะพูดคำพูดที่ขัดล่วงเกินและผิดใจแบบนี้ออกมาเพราะเรื่องความรู้สึกส่วนตัว
“เซียนเฉ่า เธอเปลี่ยนไป ไป๋เซียนเฉ่าที่ฉันรู้จักต้องเป็นคนที่มุ่งมั่นต่องาน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ซะอย่างนั้น” ส้งเจียวพูด
“ขอบคุณประธานส้งที่ชม ฉันชอบสถานะของฉันตอนนี้มาก” ไป๋เซียนเฉ่ามองหลินหยางอย่างภูมิใจแล้วพูด
หลินหยางเองก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานส้ง เรื่องของซูยี่ เริ่มจากวันนี้ผมก็จะเริ่มฟื้นฟูการรักษาของเธอเลย คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“อย่างนั้นก็ดี ฉันไม่รบกวนพวกนายแล้ว” ส้งเจียวเดินออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ไป๋เซียนเฉ่ารีบไปนั่งบนน่องของหลินหยางแล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้หยิ่งจนชินแล้ว ก็เลยชอบใช้งานคนอื่น”
“เธอเองก็ไม่กลัวที่จะขัดใจเธอเลย เมื่อกี้เธออุตส่าห์ใจดีจะช่วยเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของพวกเรา ทำไมเธอไม่ตอบตกลงล่ะ?” หลินหยางถามอย่างแปลกใจ
“เรื่องการงานสามารถค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้ ผู้ชายจะทิ้งไปมั่วไม่ได้ ฉันว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาไม่ดีฝังอยู่” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างไม่พอใจ
เจตนาไม่ดี?หลินหยางแทบจะหัวเราะออกมา ส้งเจียวถ้ามีเจตนาร้ายต่อใคร สงสัยคนที่อยากจะต่อคิวจากที่นี้น่าจะยาวไปถึงยันจิงแล้ว
“นายไม่ต้องดูถูกตัวเอง ฉัยว่าเธอมีเจตนาอย่างอื่นต่อนายแน่ ถึงจะไม่มั่นใจว่าเธอคิดยังไงกับนาย แต่ไม่แน่ว่าอยากจะหาลูกเขยให้ตัวเองล่ะ” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างคาดเดา
หลินหยางอึ้งไปเลย แล้วด็ตั้งใจคิดดู โอกาสที่ส้งเจียวจะมีความคิดแบบนี้มันก็เยอะ ตอนนี้ส้งซูยี่พึ่งพาตัวเองขนาดนี้ ถึงแม้ว่ารักษาหายแล้วนิสัยก็ยังแก้ไม่ได้อยู่ดี คนอย่างส้งเจียวที่ชอบวางแผนล่วงหน้าอาจจะมีโอกาสที่อยากจะรวมตัวตนไป
หลินหยางได้หัวเราะตามหลัง “ผู้ชายของเธอนี่ขายดีจริงๆ”
“นายอย่าได้ใจ ปีใหญ่กลับบ้านไปกับฉัน ไม่แน่นายท่านที่บ้านฉันอาจจะไม่ชอบนายก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นนายยังพูดให้เขาเปลี่ยนใจไม่ได้ ฉันคงจะถูกขังอยู่ในบ้าน จากนั้นก็แต่งงานกับคนไม่รู้จักแล้ว” ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยหน้ามุ่ย
ตอนนี้ก็ปลายฤดูใบไม้ร่วงเข้าต้นฤดูหนาวแล้ว อีกสองเดือนก็เป็นตรุษจีนแล้ว หลินหยางปลอบว่า “ขอแค่พวกเราทำให้ดี นายท่านที่บ้านของเธอก็ไม่ใช่คนที่ไม่ยอมขนาดนั้น ฉันจะต้องพาเธอกลับมาที่เจียงหลิงอย่างปลอดภัย
“ก็ได้ ในเมื่อนายเชื่อฟังขนาดนี้ ฉันก็ปล่อยให้นายไปรักษาโรคให้คุณหนูตระกูลส้งเลยละกัน” ไป๋เซียนเฉ่าพูดเอย่างเข้าใจ
หลินหยางถึงหันไปหาส้งเจียว นี้ยังเช้าอยู่ ส้งซูยี่ยังไม่ตื่นเลย ส้งเจียวให้หลินหยางรออยู่ที่ห้องรับแขก หลังจากที่หลูยี่หนีไปครั้งก่อน เธอก็ซื้อตึกข้างเซียนเฉ่าเก๋อไว้หนึ่งชั้น เปลี่ยนเป็นที่พักชั่วคราวของเธอ การใช้อุบายที่หรูหราแบบนี้ หลินหยางถึงได้เข้าใจว่าอะไรคือครอบครัวไฮโซแล้ว
หนึ่งในชั้นของตึกนี้ เปลี่ยนไปหมดจนออกมาเป็นสภาพแบบตรงหน้า ทุกการตกแต่ง ของประดับ เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ส่งมาจากยันจิงหมดเลย ของล้ำค่าพวกนี้ถึงหลินหยางจะดูราคาที่เป็นรูปธรรมไม่ออก แต่ก็สามารถมั่นใจได้ว่าต่างเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดา ขนาดโต๊ะตรงหน้าก็ยังมีความเก่าแก่อยู่อย่างชัดเจน ตระกูลส้งนี่เป็นวัดที่ใหญ่จริงๆ สงสัยวันนี้ส้งเจียวมีคำพูดที่จะพูดกับเขาไม่น้อยแน่ๆ
ผ่านไปสักพักส้งเจียวถึงถือแก้วกาแฟออกมา เธอยิ้มแล้วพูดว่า “หลินหยาง ตอนนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย หวังว่านายจะพูดกับฉันอย่างจริงใจ”
หลินหยางตกใจ นี่เรียกชื่อจริงของเขาซะขนาดนี้ ดูจากท่าทางของเธอแล้วหรือว่าจะเริ่มสั่งสอนตัวเอง?เขาพูดอย่างเฉยๆ ว่า “ประธานส้ง มีเรื่องอะไรคุณพูดมาตรงๆ เลยก็ได้ ผมเป็นคนตรงไปตรงมา”
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น หลังจากที่ซูยี่เกิดเรื่อง นายช่วยฉันไว้ไม่น้อย ฉันจะขอบคุณนายแทนตระกูลส้ง ฉันโตกว่านายไม่น้อย นายเรียกฉันว่าน้าส้งก็ได้” ส้งเจียวยิ้มให้เพื่อไม่ให้กังวล
เริ่มแล้วสินะ หลินหยางไม่สบายใจเล็กน้อย ครุ่นคิดว่าเธอกำลังขุดหลุมให้ตัวเองกระโดดรึเปล่า เขาตั้งสมาธิแล้วพูดว่า “คุณเองก็ไม่ได้อายุเยอะเท่าไหร่ น่าจะเล็กกว่าหย่าจิ้งอีกด้วยซ้ำ”
ส้งเจียวชะงักเล็กน้อย แล้วพูดด้วยหน้าที่แดงว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณจ้าวกับนายจะมาถึงขั้นนี้แล้ว”
“นี่ก็เป็นโชคมั้ง ที่จริงเธอไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกับคุณ เพียงแต่ตลอดที่ผ่านมาถูกคุณกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก แค่โกรธเท่านั้นเอง” หลินหยางพูดทั้งยิ้ม
ผู้ชายตรงหน้าทำหน้าตาเหมือนไม่จริงจังทำให้ส้งเจียวรู้สึกอบอ้าวเล็กน้อย เธออยากจะคุยกับเขาดีๆ อยากให้เขารู้จักครอบครัวของตัวเองและสามารถรับความคิดของตัวเองได้แล้วเป็นคู่ชีวิตของลูกสาว นี่เป็นสิ่งที่เธอคิด เพราะหลังจากที่ผ่านการคบหามาหลายวันเธอรู้ว่าหลินหยางเป็นอัจฉริยะที่พบได้ยาก คนแบบนี้ถ้าสามารถมาช่วยลูกสาวได้ ในอนาคตก็จะทำให้ตระกูลต้องรุ่งเรืองต่อ
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของผู้ชายคนนี้ก็แค่มีโชคในด้านผู้หญิงเท่านั้น ขนาดนั้นเพื่อนตั้งแต่เด็กของตัวเองก็เป็นคนรักของเขาแล้ว ถ้าอยากจะควบคุมเขาต้องเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแน่ๆ แต่ว่าผู้หญิงที่ทนมานานขนาดนี้ ต้องการผู้ชายที่มาช่วยตัวเองเหลือเกิน วันนี้เธอต้องโน้มน้าวใจเขาให้ได้
“หลินหยาง ฉันรู้ว่านายมีอุดมคติและสังกัดของตัวเอง แต่ว่าฉันอยากบอกนายว่า ถ้านายเข้าสู่ชั้นที่ใหญ่กว่านั้นนายถึงจะสามารถแสดงความสามารถของตัวเองได้มากที่สุด” ส้งเจียวคิดแล้วพูด
“แล้ว?คุณกำลังโน้มน้าวให้ผมออกมาจากเซียนเฉ่าเก๋อ แล้วเข้าร่วมในตระกูลส้งของพวกคุณหรอ?” หลินหยางถามตรงๆ
การสื่อสารระหว่างคนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย คำเดียวก็สามารถเจาะเข้าแกนกลาง คำพูดของหลินหยางทำให้ส้งเจียวเงียบไปสักพัก
“ฉันรู้ว่านายอาจจะมีอคติต่อพวกตระกูลใหญ่ๆ อย่างเช่นตระกูลจ้าว แต่ว่านายต้องรู้ว่าตระกูลส้งของพวกเราไม่เหมือนกัน ตระกูลของฉันอยู่ในการดูแลของฉัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้หญิงเป็นของเสริมสำหรับผู้ชาย ในตระกูลของพวกเรานั้นเป็นข้อยกเว้น ข้อยกเว้นนี้ทำให้ฉันถูกตกอยู่ในฐานะที่โดดเดี่ยวบ่อยครั้ง ขนาดซูยี่ก็ยังถูกบังคับแบบนี้ เพราะอย่างนั้นเธอจึงหนีออกจากบ้าน ก็เลยเกิดเรื่องมากมายขึ้นขนาดนี้ ตอนนี้ฉันหวังว่าจะแก้สถานการณ์แบบนี้ได้ นายช่วยฉันได้ไหม?” ในตาของส้งเจียวเต็มไปด้วยความตั้งตารอคอย
ถ้าเป็นคนปกติ ต้องตอบตกลงที่จะกระโจมเข้าอ้อมกอดของตระกูลส้งโดยไม่ลังเลแน่นอน แต่หลินหยางไม่ เรื่องที่ผกผันแบบนั้นมันอะไรกัน เขาเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีทางที่จะเกาะผู้หญิงกิน
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือของผม ผมก็ยินดีที่จะช่วย แต่ว่าก่อนหน้านั้นคืออย่าเอาผมเป็นหมาก หรือหุ่นเชิดของคุณ” หลินหยางยักไหล่
“ไม่ใช่หมาก นายอย่าคิดผิด ถ้านายยอมช่วยฉัน ฉันเชื่อว่าความสามารถของนายสามารถใช้ในเวทีนี้ต้องมีบทบาทที่สำคัญแน่นอน นายเป็นผู้เดินหมาก นายมีเสรีภาพในตัวเอง” ส้งเจียวปฏิเสธ
หลินหยางหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วพูดว่า “ผมอยากรู้ว่าผมจะเสียอะไรไปบ้าง?”
“นายจะไม่เสียอะไรทั้งนั้น ถ้านายรักษาซูยี่ให้หายดี เธอกับนายเป็นการรวมตัวที่ดีที่สุดในใจฉัน ฉันเชื่อว่าซูยี่เองก็หวังว่านายจะสามารถเดินต่อไปกับเธอ ฉันหวังว่านายจะรับช่วงต่อจากฉันกับเธอ” ส้งเจียวพูดโน้มน้าว
เงื่อนไขอันนี้ยั่วมาก เป็นลูกเขยตระกูลส้ง หลินหยางกลับส่ายหัวแล้วพูดว่า “สงสัยต้องให้คุณผิดหวังแล้ว อันดับแรกผมกับซูยี่ไม่มีความรู้สึกระหว่างชายกับหญิงแบบนั้น ผมช่วยรักษาให้เธอเป็นงานของผม ผมจะทำให้เธอกลับมาเป็นปกติให้ได้ สำหรับการที่เดินต่อไปกับเธอ อันนี้ยังไม่เป็นจริง และยิ่งไม่ใช่หมากที่คุณจะเอามาพูดแบบนี้”
สีหน้าของส้งเจียวบึ้งตึง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงปฏิเสธเธอ ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่จำเป็นต้องให้เขาแต่งเข้ามาในบ้านแล้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ยังไม่หวั่นไหวอีก?ส้งเจียวไม่เข้าใจจริงๆ เธอถามอย่างเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันอยากรู้ว่านายอยากได้อะไรกันแน่?หรือว่านยาจะเหมือนหลูยี่ที่อยากจะครอบครองตระกูลส้งทั้งหมด?”
“นี่มันจะผิดเกินเลยไปแล้ว ผมหลินหยางไม่เคยมีความคิดที่จะแย่งของคนอื่น และยิ่งไม่ยืมอำนาจของใครในการขึ้นตำแหน่ง ผมไม่มีแผนอะไร และจะไม่รับข้อเสนอแบบนี้” หลินหยางส่ายหน้า
เวลานี้เองส้งซูยี่ได้ยืนอยู่หน้าประตูห้องอย่างเงียบๆ มองพวกเขาด้วยตาที่น้ำตาคลอแล้วพูดว่า “ไอ้ชาติชั่ว นายหลอกฉัน ที่นายบอกกับฉันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น นายหลอกฉัน”
หลินหยางรีบลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเจ็บใจ เพราะว่าตัวเองดื้อรั้งเกินไป จนทำให้เขาลืมไปว่าที่เคยสัญญากับผู้หญิงคนนี้ไว้