ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่279 ช่างไม่น่ารักเลย
หลินหยางขึ้นไปชั้นบน เดินไปทางห้องของฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อ
เดิมทีผู้หญิงสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกันมากอยู่แล้ว นับตั้งแต่ที่ได้เข้ามารับใช้หลินหยางพร้อมกัน ก็รู้สึกเหมือนสองคนนั้นกลายเป็นแฝดที่มีร่างกายติดกันไปเลย ตัวติดกันตลอด ตอนนี้พวกเธอกำลังนอนคุยเรื่อยเปื่อยกันอยู่บนที่นอน
หลินหยางเดินเข้าไป จากนั้นเขาก็จงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจออกมา “เมื่อกี้พวกคุณสองคนก่อเรื่องไว้ดีเลยนะ!”
ฉีเยนเอ๋อร์แสร้งทำเป็นงง “เราทำอะไรเหรอคะ?”
หลินหยางเดินถึงข้างเตียง “ไม่ช่วยผมอธิบายไม่พอ ยังทำให้ผมดูแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก ถ้าผมเกิดถูกจับเป็นคนร้ายจริงผมก็จะลากพวกคุณสองคนตามเข้าไปด้วย!”
ซินเสี่ยวลื่อพูดไปยิ้มไป “ถูกจับยังลืมเราสองคนไม่ได้ นี่คุณอยากให้เราตามไปบำเรอคุณถึงในคุกเลยรึไงคะ?”
เด็กสาวคนนี้ไม่เพียงร้อนแรง แต่การพูดการจาหรือการกระทำก็ยังกล้ามากอีกด้วย ตอนแรกที่หลินหยางกับฉีเยนเอ๋อร์กำลังมีอะไรกันอยู่นั้น เธอก็เข้ามาร่วมวงด้วยตัวเองเลย
หลินหยางหรี่ตาลง แสร้งยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ถ้าอยากให้พวกคุณบำเรอผม ต้องรอให้ถึงตอนนั้นด้วยเหรอ?”
พูดจบ หลินหยางก็กางแขนออก แล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวทั้งสอง
หญิงสาวทั้งสองกรีดก๊าดออกมา แล้วมั่วกับหลินหยางจนเป็นก้อนเดียวกัน
“ไม่ได้นะคะ เมื่อกี้คนเขาเพิ่งถูกคุณกระทำจนเกือบตายแล้ว ตอนนี้ยังไม่หายเหนื่อยเลย ถ้าคุณอยากก็ไปหาเสี่ยวลื่อไป!”
ฉีเยนเอ๋อร์ร้องขอความเมตตา เพราะตอนนี้หลินหยางกำลังทำตัวเป็นหมาป่าในร่างคนที่ปลดเสื้อผ้าของเธออยู่
“ฮ่าฮ่า! ฉันคนเดียวก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน เยนเอ๋อร์ เธอเอาก่อนดีกว่า รอเธอไม่ไหวแล้วฉันค่อยตามไปสมทบ!” ซินเสี่ยวลื่อนั้นกลับไม่ปฏิเสธหลินหยางเลย สาวน้อยคนนี้ก็ถูกหลินหยางกระทำจนหมดแรงเหมือนกัน แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่หนำใจอยู่ดี
“พวกคุณสองคนจะขาดใครไม่ได้เด็ดขาด!” หลินหยางเกิดอารมณ์ และได้กดหญิงสาวทั้งสองไว้ใต้ร่างกายของตัวเอง
“คึกคักกันจริงๆ เลยนะคะ!” ในขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่นั้น เสียงของจางเยว่ก็ดังเข้ามาจากตรงประตู
“ว้าย!”
พอฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกอับอายขึ้นมา แล้วยื่นขาออกมาคนละข้างถีบหลินหยางจนตกเตียงไป แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังตัวเองไว้อย่างมิดชิด แม้แต่หัวยังไม่กล้าโผล่ออกมาเลย
หลินหยางค่อยๆ ลุกขึ้นมา ตบๆ ตูด ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันไปพูดกับจางเยว่ว่า “ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ครับ?”
จางเยว่มองบนใส่เขา แล้วพูดไปว่า “คุณไม่ชอบใจที่ฉันมาขัดจังหวะพวกคุณใช่มั้ยคะ? เดี๋ยวฉันค่อยมาทีหลังก็ได้เชิญพวกคุณสนุกกันต่อเลย!”
พูดจบ จางเยว่ก็ทำท่าจะไป
หลินหยางรีบเดินเข้าไปดึงตัวเธอไว้ และไม่มีอารมณ์จะพูดเล่นอีก เขาถามไปว่า “เสี่ยวชัยหงล่ะครับ?”
จางเยว่ตอบ “อยู่ข้างล่างค่ะ ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าคุณนี่มันเป็นสัตว์รึไง? ทางนั้นยังมีปัญหาเรื่องทำร้ายความบริสุทธิ์ของคนอื่นต้องเคลียร์อยู่เลย ยังมีอารมณ์มาก่อปัญหาทางนี้อีกนะ?”
หลินหยางพูดไปขำไป “ผมก็แค่เบื่อ เลยหาอะไรทำเท่านั้น?”
พอเห็นจางเยว่สีหน้าไม่ดี หลินหยางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที และถามไปว่า “ผลตรวจเป็นยังไงบ้างครับ?”
จางเยว่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณจบแล้ว หลักฐานชัดเจน ไม่นานคุณก็จะถูกจับไปยิงหัว ไม่สิ ต้องถูกจับไปทำหมันต่างหาก”
หลินหยางได้ยินอย่างนั้น ก็รู้ทันทีว่าจางเยว่กำลังหยอกเขาเล่น เขาจึงพูดไปว่า “คุณยอมได้เหรอครับ?”
จางเยว่เหลือบมองเขาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกนับหมื่น “ถ้าจะยอมให้คุณไปไล่ทำร้ายหญิงสาวมากมาย สู้ให้คุณล้มเลิกความคิดแบบนั้นไปอย่างสมบูรณ์เลยดีกว่า!”
“แล้วคุณจะทำยังยังกับความสุขของชั่วชีวิตที่เหลือล่ะครับ?”
“ฉันก็แค่ไปแต่งงานกับใครสักคนก็ได้ แล้วจะแคร์คุณไปทำไมอีก?”
หลินหยางพูดไปขำไป “ถ้าอย่างนั้นแต่งกับผมดูจะเข้าท่ากว่านะ! ในโลกใบนี้ยังมีผู้ชายคนไหนที่สามารถให้ความสุขกับคุณได้มากเท่าผมอีกเหรอครับ?”
จางเยว่จ้องเขม็งมาที่เขา ด้วยสายตาที่ซับซ้อน แต่สุดท้าย เธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดไปว่า “ไม่ล้อเล่นแล้ว ผลออกมาแล้ว เธอยังบริสุทธิ์อยู่ ส่วนคุณก็บริสุทธิ์เหมือนกันค่ะ”
ตอนนี้เธออยู่ข้างล่าง ไปดูเธอหน่อยเถอะค่ะ”
“เธอไม่โกรธแล้วเหรอครับ?” หลินหยางเดินลงบันไดไป กระซิบถามไป
จางเยว่ตอบอย่างเหวี่ยงๆ ว่า “คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว เธอไม่ยอมเชื่อหรอกว่าคุณตั้งใจจะรักษาให้เธอจริงๆ จึงได้ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด ดังนั้น ถึงผลตรวจจะบอกว่าพวกคุณทั้งสองบริสุทธิ์ก็จริง แต่แค่การที่คุณถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด แถมยังนอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ เธอก็ไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่นอน” หลินหยางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น” เธอคงไม่ได้คิดที่จะให้คุณลงโทษผมอีกใช่มั้ย?”
“คุณไปคุยกับเธอเอาเองแล้วกัน ดูว่าคุณจะสามารถแก้ปมที่ผูกไว้ในใจออกได้รึเปล่า”
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน ก็ลงมาถึงชั้นล่างแล้ว ส้งซูยี่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา เหมือนเธอกำลังเหม่ออยู่ จางเยว่เองก็พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว
“ส้งซูเยว่ ฉันขอตัวก่อนนะคะ พวกคุณสงบคนก็ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คุยกันให้เข้าใจนะคะ ถ้ามีใครรังแกคุณจริงๆ คุณก็บอกฉันได้เลย ฉันจะช่วยคุณแน่นอนค่ะ”
จางเยว่เดินไปแนะนำส้งซูยี่ แต่พอพูดได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็หันไปถลึงตาใส่หลินหยาง การกระทำนั้นแสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการเตือนให้หลินหยางทำตัวดีๆ หน่อย
หลินหยางลูบๆ จมูก และไม่กล้ารับปากเท่าไหร่
“ขอบคุณค่ะ พี่จางเยว่ รบกวนพี่แล้วนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวก่อน แล้วฉันจะมาหาคุณอีกนะคะ”
จางเยว่พูดไป ก็หันมาส่งสายตาให้หลินหยาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และจากไปทันที
จู่ๆ บรรยากาศในห้องรับแขกก็กดดันและอึดอัดลงทันที
หลินหยางเดินไปข้างๆ ส้งซูยี่ แล้วลองพูดไปว่า “เสี่ยวชัยหง……”
“ฉันไม่ใช่เสี่ยวชัยหงอะไรนั่น คุณไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันเลย!”
ส้งซูยี่ทำเหมือนกำลังหลบตัวอะไรอยู่ เธอไปขดอยู่ที่มุมโซฟา แล้วมองหลินหยางด้วยสายตาที่ทั้งระแวงทั้งโมโห
หลินหยางเห็นแบบนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าเธอยังไม่ไว้ใจเขา แต่เขาก็รู้ว่าปมในใจนี้จำเป็นต้องแก้มันให้ได้เขาจึงเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามเธอ แล้วพูดไปว่า “คุณยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอครับ? ผมเป็นหมอจริงๆ ที่ผมต้อง……ทำแบบนั้นก็เพื่อรักษาโรคให้คุณเท่านั้น!”
ส้งซูยี่ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ต่อให้คุณจะไม่ได้ทำอะไรร่างกายฉันจริง และต่อให้พี่จางเยว่จะพูดแบบเดียวกับคุณก็ตาม แต่ว่า ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่า มีการรักษาที่ต้องถอดเสื้อผ้าของตัวเองและคนไข้ออกจนหมดจากนั้นก็นอนด้วยกันอยู่ด้วย!”
คำพูดของส้งซูยี่นั้นแฝงไปด้วยการเยาะเย้ย และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอยังกัดหลินหยางไม่ยอมปล่อย
หลินหยางยักไหล่ แล้วพูดไปว่า “จะเชื่อหรือไม่ก็อยู่ที่คุณ ผมบอกได้แค่ว่า โรคที่คุณเป็นผมสามารถรักษาด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่สำคัญ การที่ผมนอนกับคุณนั้น ไม่ได้อยากจะล่วงเกินคุณเลยสักนิด มันเป็นเพราะหลังทำการรักษาให้คุณแล้วผมรู้สึกเหนื่อยมาก ใครจะไปคิดว่าคุณจะฟื้นขึ้นมาได้เร็วขนาดนั้น และจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ได้เลยสักนิด?”
ส้งซูยี่ค่อยๆ เงียบลงไป เหมือนคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากเงียบไปสักพัก เธอก็กัดฟันแล้วต่อว่าเบาๆ ว่า “คนเจ้าเล่ห์!”
หลินหยางขมวดคิ้ว รู้สึกหมดความอดทน ทำไมส้งซูยี่ที่ได้สติปัญหากลับมาแล้วนั้นถึงได้ไม่น่ารักแบบนี้นะ ไม่มีเหตุผล ไม่รู้จักแบ่งแยกชั่วดี? สู้ฉีดยาให้เธอสักเข็ม แล้วทำให้เธอกลับไปเป็นเสี่ยวชัยหงเหมือนตอนนั้นยังจะดีซะกว่าเลย!
หลินหยางพูด “ถ้าอย่างนั้นคุณลองพูดมาซิ ว่าทำไมทุกคน รวมถึงแม่ของคุณด้วยถึงได้เชื่อใจผม? ทำไม่จู่ๆ คุณถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่? แล้วทำไมพวกเราทุกคนถึงรู้จักคุณหมด แต่คุณกลับไม่รู้จักเราเลย? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะคุณป่วยจนถูงรักษาจนหา จากนั้นความทรงจำก่อนหน้านั้นก็หายไป แล้วผลมันจะออกมาเป็นอย่างตอนนี้ได้ยังไง?”
ความจริงคำพูดของหลินหยางนั้นได้พูดเข้าไปถึงประเด็นสำคัญแล้ว เขาคิดว่าต่อให้ส้งซูยี่จะไร้เหตุผลยังไง ขอแค่สมองยังปกติดี ก็สามารถเข้าใจประเด็นเหล่านี้ได้แน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะคิดได้ว่ามันมีบางอย่างในนั้นที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้
แต่สิ่งที่หลินหยางคาดไม่ถึงก็คือ จู่ๆ ส้งซูยี่ก็ดีดตัวขึ้นมา กรีดร้องแล้วคำรามออกมาว่า “อย่าพูดถึงแม่ฉันนะ! แม้แต่คำพูดของแม่ฉันยังไม่เชื่อเลย แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย?”
สิ้นเสียง ส้งซูยี่ก็เดินจากไป
หลินหยางรีบเดินตามไป ขวางเธอไว้ “คุณห้ามไปไหนทั้งนั้น”
ส้งซูยี่พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ทำไม คุณล่วงเกินฉันไปแล้วไม่พอ ยังจะควบคุมอิสระของชีวิตฉันอีกเหรอ?”
หลินหยางส่ายหน้า “นอกจากอยู่ที่นี่ คุณยังจะไปไหนได้อีก? กลับบ้านเหรอ? คุณเกลียดแม่ตัวเองจนถึงขั้นนั้นแล้ว ยังจะกลับไปอีกนะเหรอ?”
“ถ้าไม่กลับบ้าน คุณเพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่แดงเดียวแล้วคุณจะไปไหนได้?”
ส้งซูยี่กัดริมฝีปากล่าง แล้วพูดไปว่า “คุณคิดว่าจะขวางฉันได้รึไง!?”
หลินหยางพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “คุณไม่อยากรู้รึไงว่าตัวเองพลาดความทรงจำอะไรไปบ้าง? คุณไม่อยากรู้รึไงว่าตกลงแล้วคุณถูกผมล่วงเกินไปจริงๆ รึเปล่า?”
ส้งซูยี่สายตาเป็นประกาย ลังเลไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า “แล้วมันจะทำไม?”
หลินหยางตอบ “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง! ไม่อย่างนั้นการที่ผมต้องถูกตราหน้าว่าเป็นล่วงเกินสาวน้อยบริสุทธิ์อย่างคุณ ผมก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันนะ! เอาแบบนี้แล้วกัน ผมว่ายังไงคุณก็ไม่กลับไปหาแม่ที่บ้านอยู่แล้ว คุณก็พักอยู่ที่นี่ซะเลย แบบนี้ ผมก็สามารถช่วยทำให้คุณเข้าใจปัญหาพวกนั้นได้ และคุณก็ยังมีที่ให้พักพิงอีกด้วย คุณคิดว่าไงครับ?”
“คุณเป็นคนดีขนาดนั้นเลย?”
หลินหยางพูดไม่ออก การทำตัวเป็นคนดีนี่มันยากขนาดนี้เลยเหรอ? เพื่อที่จะได้ดูแลเธอ แม้แต่เรื่องที่แม่ของเธอขอร้องฉันช่วยดูแลเธอฉันยังไม่กล้าพูดเลย ฉันต้องแบกรับทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก?
หลินหยางไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เขาจึงพูดไปว่า “ถ้าอยากรู้ว่าผมจริงใจรึเปล่านั้น คุณคอยดูก็จะรู้เองครับ?”
“ตกลง! ฉันจะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่อย่าคิดว่าการที่คุณรับฉันไว้ แล้วฉันจะให้อภัยคุณง่ายๆ นะ! ถ้าฉันรู้ธาตุแท้ของคุณเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่นอน!”
ส้งซูยี่พูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
หลินหยางเห็นแบบนั้น เขาก็แอบโล่งอกแล้วถอนหายใจออกมา ขอแค่ปลาร่างกระรอกยังอยู่ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“นี่ จะให้ฉันนอนห้องไหน?”
พอส้งซูยี่เดินไปถึงตรงบันได ถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่รู้เลยว่าห้องไหนเป็นห้องของเธอ
หลินหยางรู้สึกอยากขำขึ้นมา เขาแย้มปากขึ้น “ห้องสุดท้ายทางซ้ายมือ ห้องที่มีฟิกเกอร์เยอะๆ นั่นแหละครับ”
ส้งซูยี่ขมวดคิ้ว “คุณจะให้ฉันไปนอนในห้องของเด็กรึไง?”
หลินหยางเบะปากพูด “เดิมทีคุณก็นอนห้องนั่นอยู่แล้ว ที่สำคัญฟิกเกอร์พวกนั้นก็คุณนี่แหละที่อ้อนวอนให้ผมซื้อให้!”
“คุณ……พูดบ้านอะไร!”
ส้งซูยี่อ้าปากเหมือนอยากจะเถียง แต่สุดท้ายเธอก็กระทืบเท้าแล้วเดินเข้าห้องไป
หลินหยางโทรหาส้งเจียว บอกให้ส้งเจียวสบายใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองทั้งเหนื่อยทั้งร้อนใจ เขาไม่มีกระจิดกระใจไปสนุกกับฉีเยนเอ๋อร์และซินเสี่ยวลื่อที่รอเขาอยู่ชั่นบนแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนมันตรงโซฟานี่ซะเลย
หลายวันนี้ หลินหยางเอาแต่ปรุงยา จึงทำให้ร่างกายเหนื่อยล้ามาก ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไปเปิดศึกใหญ่กับฉีเยนเอ๋อร์และซินเสี่ยวลื่อในห้องน้ำมาแล้วรอบหนึ่ง พร้อมกันนั้นเขาก็เปลี่ยนมาใช้พลังมังกรและหงส์จนสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตขึ้นมาได้บางแล้วก็ตาม แต่การรักษาให้ส้งซูยี่นั้นมันช่างสิ้นเปลืองพลังงานชีวิตมากมายเหลือเกิน
ต่อจากนั้น ก็มาถูกส้งซูยี่โวยวายใส่แบบนั้น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสูญเสียแรงกายแรงใจไปมากเลย ดังนั้น เขาจึงได้หลับไปอย่างรวดเร็ว
หลับไปหลับมา จู่ๆ ก็รู้สึกคันๆ ที่จมูก หลินหยางทนไม่ไหวจนต้องจามออกมา จากนั้นก็กลิ้งลงโซฟามา พอลืมตาขึ้นมาดูก็เห็นฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา เอามือกุมท้องและกำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่