ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่281ติดพิษ
หลังออกจากบ้าน หลินหยางก็ขับรถแลนด์โรเวอร์ออกจากชุมชนไป แล้วเริ่มท่องไปตาท้องถนน
ที่เขาออกมาก็ไม่ได้มีธุระอะไร แค่อยากจะหลบออกจากส้งซูยี่เท่านั้น ถ้ายังอยู่ในบ้านเดียวกับเธอทุกคนต่างก็อึดอัดเขาจึงตัดสินใจหลบออกมาดีกว่า
ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว หลินหยางขับรถเข้าไปที่ไนท์มาร์เก็ต เอารถไปจอด จากนั้นก็หาร้านอาหารร้านหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปข้างใน
“เถ้าแก่ ขอเมนูขึ้นชื่อของร้านสองอย่าง กับเครื่องดื่มอีกขวดหนึ่งครับ”
หลินหยางสั่งอาหารอย่างลวกๆ ไม่นาน อาหารก็มาเสิร์ฟ เป็นอาหารที่ธรรมดามาก แต่หลังจากที่ยุ่งมาทั้งวัน แถมเมื่อกี้ก็เพิ่งผ่านศึกใหญ่กับฉีเยนเอ๋อร์และซินเสี่ยวลื่อมา หลินหยางก็รู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน ว่าแล้วเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกันทันที
แต่ในตอนที่หลินหยางใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานเข้าปากไปนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแรง เขารีบคายหมูเส้นผัดพริกออกมา
หลินหยางหรี่ตาลง จ้องไปที่หมูเส้นชิ้นนั้น ดูภายนอกมันก็ดูปกติดี ความจริงทั้งรสกลิ่นสีก็ดูครบ แต่สำหรับหลินหยางแล้ว มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย!
ในตอนที่ลิ้นสัมผัสกับหมูเส้นนั้น หลินหยางก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ รสชาติมันผิดปกติ!
ถึงมันจะเป็นรสชาติของเนื้อหมู แต่ในรสชาตินั้นมันมีอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย!
ของสิ่งนั้นคนอื่นไม่มีทางนึกถึง แต่หลินหยางกลับสามารถแยกแยะมันได้ทันที มันเป็นยาพิษที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง เรียกว่า เบญจพิษ!
ในหมูเส้นผัดพริกนี้ถึงคนผสม เบญจพิษลงไปด้วย!
เบญจพิษเป็นพิษชนิดหนึ่งที่น่ากลัวมาก แค่เพียงปริมาณอันน้อยนิดก็สามารถทำให้ติดพิษได้ ถ้าอาการไม่หนักก็แค่ท้องร่วงอ่อนแรง แต่ถ้าอาการหนักก็อาจถึงขั้นไตวาย ไม่ถึงชั่วโมงก็อาจถึงตายได้!
หลินหยางไม่ได้แสดงท่าทีออกมา ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองได้ติดพิษไปแล้วก็ตาม ในทางกลับกัน เขาได้หยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคีบอาหารอีกจานที่เป็นพริกชี้ฟ้าลายเสือขึ้นมา
เขาแค่คีบพริกชี้ฟ้าลายเสือขึ้นมาดม หลินหยางก็วางพริกชี้ฟ้าลายเสือกลับไปที่เดิม เขาได้ยืนยันแล้วว่าพริกชี้ฟ้าลายเสือจานนี้ก็มีพิษผสมอยู่ด้วยเหมือนกัน!
อาหารทั้งสองอย่างต่างก็ถูกคนใส่เบญจพิษเข้าไป นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ ไม่มีทาง!
หรือจะเป็นความผิดพลาดของคนเตรียมวัตถุดิบงั้นเหรอ? หลินหยางเชื่อว่า ถ้าต้องการปรุงรสละก็ คนเตรียมก็มีตั้งหลายคน แต่ เบญจพิษนี่ จะมีพ่อครัวเอามาใช้ประกอบอาหารด้วยอย่างนั้นเหรอ? นี่ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!
ดังนั้น นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ ผิดพลาด ยิ่งไม่มีทางเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเด็ดขาด!
หลินหยางจึงเข้าใจได้ทันทีว่า มีคนต้องการทำร้ายเขา
เข้าลุกพรวดขึ้นมา มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครที่น่าสงสัยทั้งในและนอกร้านอาหารเลย
เขาหันไปเปิดม่าน แล้วเดินเข้าห้องครัวไป
“คุณจะทำอะไร?”
พ่อครัวคนหนึ่งที่กำลังผัดอาหารอยู่ในกระทะใบใหญ่ถามขึ้นด้วยความสงสัยหลินหยางแค่กวาดตามองที่เดียวก็สามารถจดจำทุกอย่างในห้องครัวมาไว้ในสายตาหมดแล้ว ในนี้มีคนอยู่แค่ไม่กี่คน ทุกคนต่างกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร โดยไม่มีใครที่ดูผิดปกติเลย
หลินหยางลองคิดๆ ดู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาจารย์ครับ เมื่อกี้ผมสั่งอาหารไปสองจาน จานหนึ่งคือหมูเส้นผัดพริก และอีกจานคือพริกชี้ฟ้าลายเสือ รสชาติของมันโดดเด่นมากเลยครับ! ไม่ทราบว่าเชฟคนไหนเป็นคนทำเหรอครับ?”
สำหรับคนที่เป็นพ่อครัวนั้น สิ่งที่มีความสุขที่สุดก็คือการถูกลูกค้าชมนี่แหละ แล้วพ่อครัวคนนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เขาพูดไปยิ้มไปว่า “ขอบคุณครับ ผมเป็นคนทำเอง ถ้ามันถูกปากละก็ คุณก็กินให้เยอะๆ เลยครับ!”
หลินหยางยิ้มแล้วพยักหน้า จ้องมองพ่อครัวคนนี้ และไม่ได้รู้สึกว่าเขามีอะไรที่ผิดปกติเลย เขาแอบไตร่ตรอง จากนั้นก็พูดไปว่า “ท่านอาจารย์ครับ เมื่อกี้คุณใช้กระทะใบไหนทำอาหารสองจานนั้นเหรอครับ?”
“ใบนี้นี่แหละ! ทำไมเหรอครับ? คุณสนใจแม้แต่เรื่องนี้เลยเหรอ คุณคงไม่ใช่นักข่าวหรอกใช่มั้ยครับ? ฮ่าฮ่า!”
หลินหยางไม่อยากมากความ เขารีบพูดไปว่า “แล้วหลังจากที่คุณทำอาหารสองจานนั้นให้ผมเสร็จ คุณได้ทำอะไรต่ออีกรึเปล่าครับ?”
“มีสิ! คุณไม่เห็นรึไงว่าผมยุ่งจะตายอยู่แล้ว? หลังจากนั้น ผมก็ได้ทำอาหารเสิร์ฟไปข้างหน้าสี่จานแล้ว!”
“แย่แล้ว!” หลินหยางได้ยินแบบนั้น ก็ต้องตกใจทันที เขาไม่สนใจที่จะพูดอะไรกับพ่อครัวคนนั้นต่อ และรีบพุ่งออกจากห้องครัวไป
“หยุดกินเดี๋ยวนี้!” หลินหยางตะโกนออกไป
เนื่องจากร้านอาหารร้านนี้ไม่ได้ใหญ่มาก พอหลินหยางตะโกนออกไป มันก็สามารถดึงความสนใจของทุกคนได้ทันทีบรรดาตะเกียบของพวกลูกค้าตามโต๊ะได้หยุดชะงักลง แล้วหันมามองหลินหยางด้วยความสงสัย และไม่รู้จะพูดอะไรดี
“นี่พ่อหนุ่ม จะตะโกนทำไมเหรอ?” ชายท่าทางเหมือนเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์ได้เดินเข้ามา แล้วกล่าวทักทายหลินหยาง” มีคนวางยาในอาหารครับ รีบบอกให้พวกเขาหยุดกินเดียวนี้!”
“ว่าไงนะ!? นี่คุณอย่ามาพูดบ้าๆ นะ! ที่นี่มันร้ายเป็นร้านอาหารนะ อาหารก็อร่อยจะตาย จะไปวางยาทำไม!?”
พอเจ้าของร้านได้ยินแบบนั้น เข้าก็ตกใจทันที แต่หลินหยางพูดได้ไม่ชัดเจนนัก ส่วนเจ้าของร้านก็ไม่เข้าใจสิ่งที่หลินหยางต้องการจะสื่อ
“อ้า! ท้องของฉัน มันปวดมากเลย!”
“ปวดมาก อาหารนี่มันปัญหาใช่มั้ย?”
ทันทีที่คำพูดของเจ้าของร้านสิ้นสุดลง ก็ได้มีลูกคนจากสองโต๊ะจำนวนห้าคน ล้มลงกับพื้นพร้อมกัน เอามือกุมท้องกลิ้งอยู่ตรงพื้น
เมื่อลูกค้าคนอื่นภายในร้านเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี กรีดร้องแล้วเขวี้ยงตะเกียบทิ้ง จากนั้นก็วิ่งออกไปตามสัญชาตญาณ
“นี่! ห้ามไปนะ ยังไม่ได้เช็กบิลเลย!” ในเวลาแบบนี้ เจ้าของร้านยังมีกะจิตกะใจมาคิดถึงเรื่องแบบนี้อีก เขารีบวิ่งไปขวางประตูไว้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าออกไปได้
“คุณคิดจะทำอะไร? อาหารของคุณมีปัญหา ยังคิดจะให้เรากินต่ออีกรึไง?” ลูกค้าคนหนึ่งตะโกนออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกใจมาก
หลินหยางก้าวไปข้างหน้า ตบๆ ไปที่ไหล่ของคนคนนั้น แล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่านครับ ที่ไม่ให้พวกคุณไป ไม่ใช่จะบังคับพวกคุณกินอาหารต่อสักหน่อย แต่มีคนวางยาในอาหาร เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน พวกคุณจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจทันทีครับ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องให้พวกเราออกไปสิ เราจะได้ไปโรงพยาบาลไง!” ลูกค้าอีกคนพูดขึ้น
“ถ้าไปถึงโรงพยาบาลก็คงไม่ทันแล้ว ให้ผมมาตรวจให้พวกคุณเถอะครับ”
หลินหยางไม่มีอารมณ์พูดกับพวกเขาต่อ ข้างเขามีลูกค้าที่ติดพิษพอดี เขานั่งลงไปแล้วพูดไปว่า “ผมเป็นหมอ แลบลิ้นออกมาให้ผมดูหน่อยครับ”
คนคนนั้นกำลังตกอยู่ในภาวะที่ป่วยจนร้อนรน พอได้ยินหลินหยางพูดมาแบบนั้น เขาก็แลบลิ้นออกมาทันที
“โอเคครับ พิษไม่ได้ร้ายแรงมาก พอรักษาได้”
พูดจบ หลินหยางก็หยิบเข็มเงินที่เขาพกติดตัวออกมา แล้วแทงมันลงไปที่ท้องของชายคนนั้นเล่มหนึ่ง แล้วท้องของชายคนนั้นก็ได้ร้องครวญครางออกมาราวกับเสียงฟ้าร้อง
“ถ้าอยากอ้วกก็อ้วกอะไรมาเลยครับ หลังอ้วกเสร็จสามารถดื่มน้ำได้มากเท่าไหร่ก็ดื่มเข้าไปเลยครับ จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้วครับ”
หลินหยางลุกขึ้นยืน ให้คำแนะนำชายคนนั้นไป จากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มอ้วนออกมาเป็นการใหญ่
“คุณหมอรีบตรวจให้ฉันหน่อย!”
เมื่อทุกคนได้เห็นการกระทำของหลินหยาง ก็เหมือนเห็นทางรอดแล้ว จึงได้พากันมุงเข้ามาทันที
“ไม่ต้องรีบร้อนครับ ต้องรักษาให้คนที่อาการหนักก่อน ส่วนคนอื่นก็ช่วยอดทนไปก่อนครับ มีผมอยู่ด้วย ทุกท่านจะไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ”
หลินหยางยกมือขึ้นมาเพื่อบอกให้ทุกคนสงบลง จากนั้นก็เดินไปยังกลุ่มคนข้างๆ ที่ดูจะอาการหนักที่สุด เขาตรวจดูอาการก่อนรอบหนึ่ง จากนั้นก็ทำการรักษาอย่างรวดเร็ว
พอรักษาให้พวกนั้นเสร็จแล้ว หลินหยางก็ได้ตรวจให้ทุกคนที่เหลือในร้านอีกรอบหนึ่ง โชคดีที่นอกจากสองโต๊ะนั้นแล้วลูกค้าคนอื่นที่ยังไม่ได้แสดงอาการก็ไม่มีใครติดพิษทั้งนั้น
“ถ้ายังรู้สึกไม่สบายใจละก็ สามารถไปตรวจดูที่โรงพยาบาลได้เลยนะครับ” หลินหยางโบกมือ
“พวกคุณรีบไปเถอะ ผมไม่คิดเงินพวกคุณแล้ว” เจ้าของร้านก็ถือว่ายังพอมีสมองอยู่บ้าง เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินอีก และเปิดประตูออกให้ลูกค้าได้ออกไป
“คุณหมอ แล้วผมล่ะครับ? ผมจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” ลูกค้าในร้านได้ไปหมดแล้ว เจ้าของร้านก็ไม่กล้าเปิดร้านต่อ เขาตัดสินใจปิดร้านทันที และสั่งให้พนักงานในหลังร้านหยุดทำงาน แล้วเดินมาอยู่ข้างๆ หลินหยางเหมือนกับพวกเขา
หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเจ้าของร้าน คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่มั้ยครับ? งั้นก็ไม่เป็นอะไรแน่นอน แต่พนักงานหลังร้านถ้ามีใครแอบกินอาหารละก็ ทางที่ดีควรให้ผมตรวจดูก่อนนะครับ” พอได้ยินหลินหยางพูดแบบนั้น ก็ได้มีผู้ช่วยพ่อครัวคนหนึ่งชูมือขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำจริงๆ
“เชี่ย! เสี่ยวจิ่วไอ้สาระเลว ถึงว่าละทำไมลูกค้าถึงได้ร้องเรียนตลอดว่าอาหารที่ได้มันน้อยเกินไป ที่แท้ก็เข้าปากแกไปหมดแล้วใช่มั้ย? ถ้าแกตายเพราะพิษก็สมน้ำหน้าแล้ว!” เจ้าของร้านตบใส่หัวของคนที่ชื่อเสี่ยวจิ่วไปทีหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้โกรธจริงๆ เขาลากตัวเสี่ยวจิ่วมาที่หลินหยาง
“อ้าปาก”
หลินหยางพูดจบ พ่อครัวคนนั้นก็อ้าปาก พร้อมกับทำหน้าเลิกลัก
หลินหยางสำรวจช่องปากของเขาไปรอบหนึ่ง แล้วยิ้มออกมา “พี่ชาย เลือดลมของพี่ไม่ดีเลยนะ ขาดสารอาหาร เลยทำให้พี่รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ปกติก็ทำการบ้านให้มันน้อยๆ ลงบ้าง แค่นี้ก็น่าจะค่อยๆ กลับเป็นปกติได้แล้วครับ”
“ฮ่าฮ่า! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
พอทุกคนได้ยินแบบนั้น ก็พากันหัวเราะออกมา ผู้ช่วยพ่อครัวที่ชื่อเสี่ยวจิ่วคนนั้นถูกแซวจนหน้าแดงไปหมด แต่พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ติดพิษก็รู้สึกโล่งอกไปที
พอมั่นใจแล้วว่าในร้านอาหารไม่มีใครเป็นอะไรแล้วหลินหยางก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาออกจากร้าน จากนั้นก็กลับเข้าไปที่รถ
ซิ่ว!
ในตอนที่หลินหยางปิดประตูรถนั้นเอง ได้มีลำแสงที่เยือกเย็นเส้นหนึ่งพุ่งมาจากหลังรถ!
หลินหยางตกใจมาก ไม่นึกว่าที่นั่งด้านหลังจะมีคนซ่อนตัวอยู่ด้วย เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่ก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนั้น หลินหยางรีบเอียงหัว หลังหลบคมมีดนั้นได้ เขาก็หันได้สวนด้วยฝ่ามือทันที!
ตุบ!
หลินหยางซัดฝ่ามือใส่ข้อมือของอีกฝ่า มีดสั้นที่อีกฝ่ายใช้ลงมือร่วงหล่นลงไป แต่เขาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เปิดประตูรถแล้วคิดจะหนีไปทันที
หลินหยางนั้นตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขารีบกดล็อกประตู เลือกที่จะขังอีกฝ่ายไว้ให้ได้ก่อน
เหมือนอีกฝ่ายจะรู้แล้วว่านอกจากจะล้มหลินหยางให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงหนีไม่ออกไปไม่ได้ เขาจึงไม่คิดจะหนีอีกต่อไปจึงได้หันมาจ้องตากับหลินหยางโดยมีเบาะขั้นอยู่หนึ่งตัว
“เป็นคุณนี่เอง! ทำไมต้องฆ่าผมด้วย?”
หลินหยางมองเห็นโฉมหน้าของคนคนนั้นแล้ว ที่แท้ก็คือนักฆ่าที่ชื่อเหลิ่นยั่นคนนั้น
“แกฆ่าอาจารย์ของฉัน ฉันจะแก้แค้นให้อาจารย์” เหลิ่นยั่นพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ตอนนี้กระดูกข้อมือของคุณถูกผมซัดจนหักไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือไปหาหมอก่อนดีมั้ย?”
อย่าคิดว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้ แล้วจะมาทำตัวได้ใจแบบนี้นะ นอกจากแกจะฆ่าฉันไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะหาโอกาสฆ่าแกให้จงได้!” เหลิ่นยั่นพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม แล้วแอบกุมข้อมือของตัวเองที่ถูกหลินหยางทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรนใดๆ ออกมา
หลินหยางเองก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดการกับเหลิ่นยั่น เขาพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้คุณเป็นคนวางยารึเปล่า?”
เหลิ่นยั่นกัดฟันพูด “วางยาแกไม่ตาย ก็ถือว่าแก้โชคดีไป” นั่นถือเป็นการยอมรับแล้ว
หลินหยางรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “เชี่ย! ถ้าคิดจะฆ่าผม ก็มาลงที่ผมคนเดียวสิ ทำไมต้องดึงคนบริสุทธิ์มาเกี่ยวด้วย?”
เมื่อกี้ถ้าหลินหยางไม่อยู่ในร้าน อย่างน้อยต้องมีลูกค้าห้าคนที่ต้องตายแน่นอน
เหลิ่นยั่นดูไม่สะทกสะท้าน ยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “แกเป็นเป้าหมายในการล้างแค้นของฉัน คนอื่นจะเป็นตายร้ายดียังไงฉันไม่สน”
นักฆ่าสาวคนนี้นี่ช่างเลือดเย็นจริงๆ ชีวิตของคนบริสุทธิ์ในสายตาเธอนั้นเทียบกับมดยังไม่ได้เลย เพื่อให้ได้แก้แค้นเธอไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าจะทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อนรึเปล่า
หลินหยางก็ไม่ใช่คนที่จะโกรธไม่เป็น ตอนนี้เขาถูกเหลิ่นยั่นยุจนโกรธแล้ว “คุณไม่สนคนอื่น ผมจะสั่งสอนคุณเอง!”
พูดจบ หลินหยางก็ยกมือขึ้นมาโจมตีใส่เหลิ่นยั่นทันที