ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 1-2 กลิ่นน้ำตา
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 1-2 กลิ่นน้ำตา
ท้องฟ้าสีคราม บางคราวก็มองเห็นก้อนเมฆสีขาว นกน้อยที่จับคู่หยอกล้อกันมิรู้ว่ามีสิ่งใดที่ทำให้เพลินเพลินนักถึงส่งเสียงร้องจิ๊บๆ โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เหล่าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่งดงามกำลังยิ้มแย้มและตะโกนร้องบอกผู้คนริมทางให้หันมาชมตน ลมในฤดูใบไม้ผลิที่หอมหวานที่ไม่รู้ว่าพัดผ่านมาจากที่ใด โบกโบยหยอกเย้าเคล้ากับชายเสื้อของผู้คนที่เดิสัญจรไปมา และในวันที่แสนสงบสุขในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้นั้น
องค์หญิงอูรึม องค์หญิงหนึ่งเดียวแห่งอาณาจักรฮวากุกกำลังเดินทางไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่จักรวรรดิมกกุก
องค์หญิงแห่งสายฝนเย็นฉ่ำ[1] กำลังเดินทางจากอาณาจักรเบิร์ชสีขาว[2] ไปยังอาณาจักรแห่งพฤกษา[3]เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรส
ขณะนี้ใกล้จะถึงจักรวรรดิมกกุกแล้ว มิรู้เลยว่านางนั่งเกี้ยวมานานเพียงใดแล้ว เมื่อแม่นมบอกให้ลงมาพัก นางก็ลงมาพักและกินอาหารเพียงแค่เล็กน้อย แล้วก็กลับเข้าไปนั่งในเกี้ยวแล้วร้องไห้อีกพักใหญ่ แล้วก็ลงมาพักแล้วก็กลับขึ้นไป วนเวียนอยู่อย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในระหว่างที่เดินทางไปจักรวรรดิมกกุกนั้นน้ำตาของนางไหลไม่หยุด และไม่มีเค้าเลยว่ามันจะหยุดลง ยิ่งเดินทางออกห่างฮวากุกไปมากเท่าไร หยดน้ำตาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดประตูของเกี้ยวก็เปิดออก ด้านนอกปรากฏชายผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่
***
ณ ตำหนักที่มีขนาดกว้างตกแต่งอย่างสวยงามดูดีกว่าตำหนักทั่วไป ผ้าสีทองและสีแดงห้อยระย้าลงมาจากเพดาน ของประดับที่ดูมีราคาวางอยู่ทั่วทุกมุมห้อง ในห้องกว้างนี้ ส่วนลึกที่สุด จุดที่อยู่สูงที่สุดมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่
เขาคือองค์จักรพรรดิออฮยูลเจแห่งจักรวรรดิมกกุก และผู้ที่นั่งต่ำลงมาอีกขั้นหนึ่งคือฮวังฮู[4] นามว่า
แทรยอง ด้านข้างมีชายหนุ่มที่นั่งก้มศีรษะลงเล็กน้อยตามธรรมเนียมอยู่ เขาคือ ฮวางแทจา[5] แห่งจักรวรรดิมกกุก
“ราชอาณาจักรฮวากุกกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้”
เสียงขององค์จักรพรรดิทั้งเคร่งขรึมและทุ้มต่ำ ในวัยเยาว์เขาเคยกลัวเสียงนี้มากเพียงไร ตัวสั่นด้วยความกลัวเพราะเสียงนี้มากแค่ไหน ทว่าในตอนนี้ฮวางแทจาได้เติบโตพอที่จะรับฟังเสียงนี้ได้อย่างมิรู้สึกรู้สาอันใด ถ้ามิใช่เพราะธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติตามตนก็กล้าพอที่จะสบตากับเขาเสียด้วยซ้ำ ผู้ที่หาได้มีความเกรงกลัวที่จะสบตากับองค์จักรพรรดิและหาได้รู้สึกอันใดต่อคนผู้นั้นไม่ เขาคนนั้นคือฮวางแทจา บีพาอัน
“กระหม่อมได้ยินมาว่านางยังคงเป็นเพียงแค่เด็กสาวผู้หนึ่ง”
เสียงของเขาทุ้มต่ำและเคร่งขรึมเหมือนกันกับพ่อของเขา ฮวังฮู แทรยองโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
“ไม่เลย ฮวางแทจา ได้ยินมาว่านางเพิ่งก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ได้ไม่นาน และอายุของนางก็สามารถอภิเษกสมรสได้แล้วด้วย”
บีพาอันถอนหายใจเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับออฮยูลเจว่า
“พระองค์มีเหตุผลอันใดที่ต้องรับเด็กสาวผู้นั้นมาเป็นชายาของกระหม่อมกันพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงอยู่ที่ความเป็นเด็กของนางนั้นอาจจะเป็นข้อเสีย ทว่าก็มิมีเหตุผลอื่นใดที่จะปฏิเสธนางมิใช่หรือ”
“…”
บีพาอันไม่มีคำพูดใดต่อเพราะคำพูดของออฮยูลเจนั้นถือว่ามีส่วนถูก ถึงแม้นางจะอายุยังน้อย แต่การรับมาเป็นพระชายานั้นย่อมเป็นผลดีต่อฮวางแทจา เพราะหญิงสาวเหล่านี้จะมาอยู่ในจุดสำคัญที่คอยช่วยขยายอำนาจราชบัลลังก์ของจักรพรรดิองค์ต่อไปในภายภาคหน้า
หญิงสาวที่เคยถูกรับมาเป็นพระชายาของฮวางแทจาก่อนหน้านี้คือมกกุก แทคงชิน ลูกสาวของข้าราชบริพารมือหนึ่งของจักรวรรดิมกกุก และหญิงสาวที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องจะรับมาเป็นพระชายานั้น ไม่สิ หญิงสาวที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นพระชายานั้นก็คือองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างฮวากุก อาณาจักรที่กำลังแผ่ขยายอำนาจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลในการรับนางมาเป็นพระชายาก็คือนางเป็นองค์หญิงที่อาจจะเติบโตมาพร้อมกับการเอาใจ ถูกประคบประหงมจากเหล่าพี่ชายและน้องชายรอบตัว ทว่าฮวางแทจานั้นดูไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับการเอาแต่ใจของนางได้ เกรงว่านางจะลำบากแล้วในภายภาคหน้า
“กระหม่อมคิดน้อยไปเอง กระหม่อมพร้อมน้อมรับคำสั่งของพระองค์ด้วยใจที่ปิติเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“กลับไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากกล่าวอำลา บีพาอันก็เดินหันหลังกลับออกมามุ่งหน้าไปยังตำหนักของตนทันที
ไม่กี่เดือนผ่านไปหลังจากการถกเถียงกันเรื่องพระชายาของฮวางแทจา บีพาอันกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องพักที่ตำหนักของตนเอง
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา”
“มีเรื่องอันใด”
“องค์หญิงลำดับที่หนึ่งแห่งฮวากุกเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อบีพาอันได้ยินสิ่งที่ขันทีบอกเขาก็ปิดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบไม่กี่เดือนที่เขาคิดถึงเรื่องขององค์หญิงแห่งฮวากุก องค์หญิงที่ต้องจากบ้านเกิดมาคนเดียวเพื่อมารับตำแหน่งพระชายาในอาณาจักรอื่น
“ผู้ใดออกไปรับนางหรือ”
เป็นคำถามที่ถามออกไปเพราะตนมิได้คิดที่จะออกไปรับด้วยตัวเองอยู่แล้ว
“ฝ่าบาทฮวางเซจา[6]ที่ทรงกำลังเดินเล่นอยู่ที่สวนหลังวังฝ่ายนอกเสด็จออกไปรับเสด็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“รูแฮอย่างนั้นหรือ”
บีพาอันเลิกคิ้วขึ้น ฮวางเซจา รูแฮ เป็นคนที่มีบุคลิกตรงข้ามกับบีพาอันอย่างสิ้นเชิง มีความคิดต่างกัน เป้าหมายต่างกัน เขาไม่เคยสนใจเรื่องบัลลังก์ทั้งๆ ที่ตนเอาชนะเหล่าองค์รัชทายาททั้งหลายจนขึ้นมาเป็นฮวางเซจาได้ และเขายังมักมอบรอยยิ้มให้แม้กระทั่งเหล่านางในพร้อมกับสีหน้าที่อ่อนโยนอยู่เสมอ ถึงว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่รูแฮก็เป็นคนเดียวที่บีพาอันพึงพอใจ เพราะการที่รูแฮไม่สนใจในราชบัลลังก์ ถึงแม้ว่าตนจะเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่สามก็ตามน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีได้ในภายภาคหน้า
“หากรูแฮออกไปรับแล้วเช่นนั้นก็วางใจ”
บีพาอันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ หลังจากนั้นหญิงสาวที่จะมาเป็นพระชายาของตนก็ได้หายออกไปจากความสนใจอย่างสิ้นเชิง
หน้าประตูใหญ่นอกพระราชวังเต็มไปด้วยเกี้ยวจากอาณาจักรฮวากุก ด้านหน้ามีทหารของจักรวรรดิยืนเรียงแถวอยู่ ส่วนตรงกลางนั้นมีขันธีกับรูแฮยืนรออยู่
รูแฮกำลังยืนดูเกี้ยวที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาช้าๆ อย่างเหม่อลอย ริมฝีปากของเขาแต้มรอยยิ้มอ่อนๆ ตามนิสัย
องค์หญิงจากฮวากุกอยู่ในนั้นหรือเปล่านะ จากที่ได้ฟังมาฮวากุกมีองค์หญิงเพียงแค่องค์เดียว องค์ราชาแห่งฮวากุกคงตัดสินใจอย่างอยากลำบากน่าดู
ทหารจากฮวากุกที่ได้พาองค์หญิงมาถึงมกกุกได้เข้าทำความเคารพแก่รูแฮ เมื่อรูแฮรับการเคารพแล้วก็เดินเข้าไปใกล้เกี้ยวที่ถูกวางลง คนแบกเกี้ยวค่อยๆ เปิดประตู้เกี้ยวออกอย่างระมัดระวัง
“ทรงเดินทางมาไกล…”
กลิ่นน้ำตา
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวและกลิ่นของน้ำตาฟุ้งกระจายไปทั่วเกี้ยวที่เปิดออก ภายในมีหญิงสาวที่สวมชุดผ้าแพรสีแดง คลุมด้วยผ้าสีขาวบางนั่งอยู่ เมื่อรูแฮได้เห็นหญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา และเนื้อตัวของนางที่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำตา เขาก็ลืมสิ่งที่ตนจะพูดไปชั่วขณะ ลืมกระทั่งว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน เขามองนางอย่างเหม่อลอย ขณะนั้นเองหญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาคนนี้ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในใจของรูแฮโดยไม่รู้ตัว
——
[1] สายฝนเย็นฉ่ำ ความหมายของชื่อ อูรึม (雨凜)
[2] อาณาจักรเบิร์ชสีขาว ความหมายของชื่ออาณาจักร ฮวา (樺) กุก
[3] พฤกษา ความหมายของชื่อจักรวรรดิ มก (木) กุก
[4] ฮวังฮู จักรพรรดินีเอก
[5] ฮวางแทจา องค์รัชทายาทอันดับที่ 1
[6] ฮวางเซจา องค์รัชทายาทอันดับที่ 3