ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 100-2 ส่งความหวังดี
***
ความมืดที่คิดว่าจะกัดกินพระราชวังอยู่ตลอดไป พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ต้องล่าถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในคืนที่ยาวนาน พระอาทิตย์ก็มักจะขึ้นอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเสมอ วันนี้เป็นทั้งวันฉลองวันคล้ายวันราชสมภพของแทฮวางกุน โดฮวาน และยังเป็นวันประกาศการเป็นผู้สืบทอดราชวงศ์ ฮวางแทซนอีกด้วย
“ท่านแม่ขอรับ?”
โดฮวานในวัยเยาว์ขยี้ตา พลางเรียกหามารดาของตน แต่ก็ไม่มีใครพาแม่บังเกิดเกล้ามาหาเขาเลย ทุกคนพากันหันหน้าหลบสายตาโดฮวานด้วยสีหน้าลำบากใจ แม้แต่ของขวัญวันเกิด หรืออาหารอร่อยๆ ที่ถูกจัดไว้ให้ด้านหน้าก็ไม่มีอะไรทำให้เด็กน้อยพอใจได้ เขาเพียงแค่คิดถึงมารดาของตนเท่านั้น ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดพามารดามาหาตนได้
“ท่านแม่เล่า ทำไมท่านแม่ถึงไม่มา”
โดฮวานทำตัวเป็นเด็กขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนของเขาที่ยังคงเป็นเด็กนั้นมีไม่มากนัก แม้จะมีงานเฉลิมฉลองโอ่อ่าจัดอยู่ตรงหน้า แต่โดฮวานหาได้สนใจสิ่งใดไม่ ไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำของนางรำ หรือบทเพลงของนักดนตรี ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นและพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
“โด…ดัมกัง”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับมือหนักที่เลื่อนลงมาลูบหัวโดฮวาน โดฮวานที่ยังคงน้ำตารื้นอยู่ใช้ดวงตากลมโตจากความตกใจแหงนหน้าขึ้นมองทางต้นเสียง บีพาอันเองก็กำลังจ้องมองโดฮวานอยู่ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเรียกเด็กน้อยด้วยชื่อจริงแทนชื่อที่ได้รับการแต่งตั้ง เขาเรียกชื่อจริงของโดฮวานว่าดัมกัง เฉกเช่นเดียวกับที่แม่แท้ๆ ของโดฮวานชอบใช้เรียกเด็กน้อยด้วยความรักใคร่
“ท่านพ่อ”
โดฮวานงอแงรบเร้าเป็นเด็กๆ พร้อมกับเกี่ยวเกาะมือของบีพาอันไว้แน่น โดฮวานเป็นคนเดียวที่สามารถปฏิบัติตัวเช่นนี้กับบีพาอัน ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องความน่ากลัวและเย็นชาต่อทุกคนในพระราชวังได้ แม้เขาจะไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่กับโดฮวานเท่าไรนัก เนื่องจากต้องคอยวิ่งวุ่นอยู่กับกิจการบ้านเมืองตลอด แต่กับโดฮวานนั้น บีพาอันแสดงความอ่อนโยนออกมาเสมอ
“มารดาของโดฮวานมีอาการป่วยทางใจ เอาไว้หากมารดาหายป่วยแล้ว เราค่อยไปพบนางด้วยกันดีหรือไม่”
บิดาของเด็กน้อยจับมือคู่เล็กของโดฮวานไว้อย่างอ่อนโยน ต่างจากใบหน้าที่น่าเกรงขามอย่างสิ้นเชิง โดฮวานที่พอจะสงบลงจากคำพูดของคนเป็นพ่อขยี้ตาของตัวเองลงกับปลายแขนเสื้อ โดฮวานที่ตากลมแป๋วถามออกมา
“ท่านแม่ทรงป่วยหนักหรือขอรับ”
ใบหน้าที่กำลังช้อนขึ้นมองช่างคล้ายคลึงเหมือนพิมพ์เดียวกันกับใบหน้าของคนเป็นมารดานัก คนเป็นพ่อลูบหัวโดฮวานขึ้นลงโดยไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป ใบหน้าของบิดาที่เฝ้ามองเด็กน้อยช่างเศร้าหมอง เป็นสีหน้าที่ยากเกินกว่าเด็กเล็กอย่างโดฮวานจะเข้าใจ เด็กเล็กที่เพียงแต่คิดว่ามารดาของตนป่วยหนัก เริ่มมีสีหน้าเหยเกอีกครั้ง
หลังจากงานเลี้ยงจบลง โดฮวานถูกเรียกไปด้านหน้าองค์จักรพรรดิ ออฮยูลเจ และแล้วการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชวงศ์ ฮวางแทซนก็เริ่มขึ้น โดฮวานที่ยังเด็กอยู่มากไม่อาจเข้าใจความหมายและความสำคัญของพิธีที่ดำเนินอยู่ตรงหน้าได้ เด็กน้อยเพียงแต่รับรู้ว่าชื่อเรียกของตนเปลี่ยนจากแทฮวางกุนไปเป็นฮวางแทซนเพียงเท่านั้น ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้าใจถึงน้ำหนักของมงกุฎทองคำบนศีรษะของตนนั้น พระราชวังแห่งนี้คงจะได้ยกย่องเขาเป็นจักรพรรดิเสียก่อน การแต่งตั้งผู้สืบทอดราชวงศ์ ฮวางแทซนนั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญของอาณาจักร ไม่ใช่แค่พระราชวังหลวงเพียงเท่านั้น หากแต่เมืองหลวงทั่วทั้งอาณาจักร ยังอึกทึกครึกโครมฉลองให้กับการเป็นผู้สืบทอดราชวงศ์ของโดฮวาน หลังจากเสร็จสิ้นการจัดงานเลี้ยงฉลองในพระราชวังกลางแล้ว ยังมีการจัดเตรียมเสลี่ยง คันใหญ่ประดับด้วยทองคำและผ้าแดงเอาไว้
“ว้าว!”
โดฮวานตื่นเต้นไปกับเสลี่ยงคันใหญ่ที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน จนลืมความเศร้าที่ไม่ได้เจอมารดามาทั้งวัน โดฮวานที่ยังคงเด็กเกินกว่าจะนั่งบนเสลี่ยงคนเดียวได้ ปีนขึ้นเสลี่ยงไปพร้อมกับบิดาของตน
“ท่านพ่อก็จะทรงนั่งไปด้วยกันหรือขอรับ ไปถึงที่ใดหรือ เราจะไปหาท่านแม่กันหรือไม่”
โดฮวานที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่นั้นพูดออกมารัวๆ เด็กน้อยที่กำนิ้วมือของบิดาไว้แน่นด้วยมือเล็กๆ ของตน ยิ้มออกมาอย่างสดใสพลางมองไปรอบข้าง เสลี่ยงสีทองอร่ามคันใหญ่ที่โดฮวานและบีพาอันนั่งอยู่นั้น มุ่งหน้าออกจากพระราชวังไปวนรอบเมืองหลวง
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี ขอทรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน!”
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา ทรงพระเจริญ!”
“ฝ่าบาทฮวางแทซน ทรงพระเจริญ!”
เกสรดอกไม้ปลิวว่อนตามมาด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี ไพร่ฟ้าทั่วทั้งราชอาณาจักรได้ออกมาอวยพรให้กับฮวางแทซนวัยเยาว์ โชคดีที่โดฮวานไม่ใช่คนตื่นฝูงชน เขายิ้มรับอย่างสดใสพลางโบกมือให้ผู้คนที่ออกมาแสดงความยินดี เด็กน้อยมองไปรอบทิศด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกภายนอกเป็นครั้งแรก ดวงตาคู่เล็กเป็นประกายสดใสเหมือนกับจะเก็บโลกทั้งใบเอาไว้ในนั้น คนเป็นบิดาที่นั่งอยู่คนเดียวข้างๆ ลูกนั้นได้แต่มองไปที่เด็กน้อยราวกับไม่สนใจโลกภายนอก
มีสายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องมองไปที่ขบวนเสลี่ยงของฮวางแทซน หญิงสาวที่อยู่เบื้องหลังฝูงชนจำนวนมาก ซ่อนตัวอยู่ในตรอกมืดๆ เหยียดลำตัวที่เหมือนจะทรุดลงท่ามกลางฝูงชนขึ้นพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นปิดปากไว้แน่น
“…ขอทรง…”
ไม่มีแม้แต่ความปรารถนาใดๆ เปล่งออกมา ถ้าเป็นการอธิษฐานขอพรให้ลูกน้อยแล้วนั้น นางก็อยากจะอวยพรขอความโชคดีทั้งหมดที่มีในโลกใบนี้ให้กับลูกของตน หากแต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้สักคำ แค่จะกลืนเสียงร้องไห้ที่รังแต่จะหลุดออกมาก็ยากเต็มทีแล้ว
“อูรึม”
ชายหนุ่มที่คอยปกป้องคนรัก คอยอยู่เคียงข้างไม่ห่าง คว้ามือของนางมาจับไว้ สายตาของเขาที่มองไปที่ฮวางแทซนเองก็ไม่ได้ต่างจากสายตาของคนรักของตนเท่าใดนัก
“ท่านพี่ฮวางแทจา…จะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
ท่านพี่ฮวางแทจา รูแฮเรียกบีพาอันว่าท่านพี่ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เอ่ยเรียกมันอีกแล้ว พร้อมกับปลอบประโลมคนรักไปด้วย
หลังจากขบวนเสลี่ยงของโทฮวานย้อนกลับเข้าไปยังพระราชวังหลวง กโยซึลและรูแฮที่มาดูว่าฮวางแทซนเป็นอย่างไรบ้างจากที่ไกลๆ เป็นครั้งสุดท้าย ได้เดินทางออกจากเมืองหลวงมกกุกไป
***
หลังจากงานเฉลิมฉลองทั้งหมดจบลงแทฮวางกุน โดฮวาน ไม่สิ ฮวางแทซน โดฮวานก็ร้องไห้หา
กโยซึลอีกครั้ง ไม่ว่าแม่นมจะปลอบอย่างไร โดฮวานที่ดื้อดึงร้องหาแต่กโยซึลก็ร้องไห้จนเหนื่อยหลับไปในที่สุด
“แม่…ท่านแม่…”
เด็กน้อยที่ผล็อยหลับไปแล้วยังคงเรียกหามารดาของตน กำปั้นที่ถูกกำไว้แน่นผงะอยู่บ่อยๆ ร่อยย่นระหว่างคิ้วและดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาปรากฎอยู่บนหน้าเด็กน้อย
“ดัมกัง…เนินเขาน้อยที่เหมือนกับข้า”
ปลายนิ้วแสนอบอุ่นของบีพาอันไล้ไปตามขอบตาของลูกชายตัวน้อย สายตาของเขาที่มองไปยังลูกน้อยนั้นช่างอ่อนโยนและเป็นมิตรอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน ความโศกเศร้าที่ไม่เหมาะกับเขาก็ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
“เหตุที่ตั้งชื่อเจ้าเป็นว่าเนินเขานั้นอาจเป็นเพราะ…” บีพาอันพึมพำ เขายังพูดไม่จบ ไม่สามารถพูดจนจบได้ ในที่สุดหว่างคิ้วของเขาก็มีรอยย่นปรากฏขึ้น
บีพาอันเบือนใบหน้าอันเจ็บปวดหนีพลางลุกออกจากห้องไป ไม่มีอีกแล้วคนเป็นบิดาที่เฝ้าลูกชายนอนอยู่ข้างเตียง บีพาอันกลับมามีสีหน้าเยือกเย็นอีกครั้ง เขาที่กลับมายังตำหนักทิศตะวันออกได้สั่งให้นำสำรับเหล้าเข้ามาอีกครา บีพาอันถอดชุดเครื่องแบบสีแดงหรูหราออกอย่างลวกๆ และล้มลงนอนบนเตียงพร้อมกับถือแก้วเหล้าเอาไว้ในมือ
นางจากไปแล้ว เขาปล่อยนางไปแล้ว แล้วตอนนี้จะบอกกับลูกว่าอย่างไรดี คงจะต้องบอกว่ามารดาที่ป่วยหนักทางใจได้ไปสบายแล้ว ลูกน้อยจะต้องเสียใจมากเพียงใดกัน บีพาอันรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตรชายนั้นลึกซึ้งเพียงใด เพราะได้เฝ้ามองภาพที่ทั้งสองส่งยิ้มมีความสุขให้กันจากที่ไกลๆ ทำให้คาดเดาได้ว่าเด็กที่เสียแม่ไปจะเสียใจเพียงใด สิ่งนี้ไม่ควรจะกลายเป็นอุปสรรคต่อลูก บุตรของเขาไม่ควรจะต้องมาทุกข์ใจเพราะสาเหตุนี้ ในหัวของบีพาอันสับสนไปหมด เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนมากกว่าปัญหาทางการเมืองใดๆ และดูเหมือนเขาจะไม่สามารถหาคำตอบได้ ในที่สุดบีพาอันก็โยนแก้วเหล้าที่ถืออยู่เข้ากับกำแพง แก้วเหล้าที่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทาบทับผนังจนเป็นสีดำมืด
ความมืดได้คืบคลานเข้ามาอีกครั้ง