ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 105-1 บาดแผลของเนินเขา
บีพาอันตัดสินใจที่จะจดจ่ออยู่กับหน้าที่ของตนเท่านั้น เรื่องเกี่ยวกับหัวใจนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะกับเขาเท่าไร เขาคิดว่าในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ตนไม่เคยคาดหวัง ดังนั้นตนคงจะปล่อยวางมันได้โดยง่าย
“หนังสือที่เรามองหามักอยู่ด้านบนเสมอเลย”
ขณะที่บีพาอันกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือของวังตะวันออก เขาก็ได้ยินเสียงเล็กๆ กำลังบ่นพึมพำบางอย่าง การกระทำนั้นไวกว่าความคิด บีพาอันลุกขึ้นเดินไปตามหาต้นเสียงนั้นก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
นี่เรากำลังทำเรื่องน่าเกลียดอะไรอยู่
หลังจากที่เย้ยหยันตัวเองในใจ เขาก็ตั้งใจจะหันหลังกลับไป ทว่าบีพาอันก็เห็นกโยซึลที่ทำท่าจะตกลงมาจากบันไดเล็กๆ ผ่านช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือเสียก่อน แม้นางจะใช้บันไดเพื่อหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการ ทว่านางก็ยังคงเอื้อมไม่ถึง
หึ บีพาอันหยุดยิ้มออกมาให้กับภาพนั้น ความสนใจทั้งหมดของเขาในตอนนี้ไปอยู่ที่กโยซึลทั้งหมดแล้ว บีพาอันซ่อนตัวอยู่ระหว่างชั้นหนังสือ แล้วคอยจ้องมองนาง กโยซึลยืดแขนออกไปด้านบน พร้อมกับเขย่งเท้า
“โอ๊ะ”
ไม่รู้ว่าเพราะออกแรงเยอะเกินไป หรือเพราะมันสูงเกินไป ปลายนิ้วของนางจึงไปกระแทกกับตัวกั้นชั้นเข้าให้ ทำให้นางเสียสมดุลเซไปมา และปลายเท้าก็เสียสมดุลไปด้วย ทันทีที่เห็นว่ากโยซึลทรงตัวไม่อยู่ บีพาอันก็พุ่งตัวออกไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
ตึง กโยซึลตกลงมาจากขาบันไดไม้เล็กๆ และภายในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น บีพาอันก็เข้าไปรับตัวนางด้วยแขนทั้งสองข้าง กลิ่นหอมหวานของเด็กสาวลอยเข้าจมูก บีพาอันใจหายวาบ
“เพิ่งจะทราบหรือว่าที่วังตะวันออกก็มีห้องหนังสือ”
บีพาอันพยายามจะควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในขณะนี้ จึงเผลอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเกินความจำเป็น เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวของกโยซึลกำลังสั่น
ให้ตายเถอะ เอาอีกแล้ว เราทำให้ชันบี ผู้ที่ยังเยาว์วัยและเปราะบางกลัวอีกแล้ว เรามักจะเผลอทำเช่นนี้ทุกครั้งไป เป็นแบบนี้อีกแล้ว
บีพาอันเม้มริมฝีปากของตนอย่างขมขื่น
“ท ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี ถวายบังคมฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ”
กโยซึลย่อเข่าลงเล็กน้อยอย่างเก้ๆ กังๆ นางเอียงหน้ากลับไปมองด้านหลัง ท่าทางของนางดูตลกมากด้วยเพราะความรู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูกของนาง เท้าข้างหนึ่งของนางอยู่บนขาบันได อีกข้างหนึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศ อีกทั้งยังทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดเอนลงไปหาบีพาอัน
“ดูเหมือนว่าท่าทางนี้ จะไม่ใช่ท่าทางที่เหมาะต่อการทำความเคารพเสียเท่าไร”
“ดูไม่เหมาะเท่าไรใช่หรือไม่เพคะ”
กโยซึลหลุดขำ บีพาอันกระตุกคิ้วเล็กน้อย เขาส่งแรงไปยังมือที่กุมต้นแขนของนางเอาไว้มากขึ้น กลิ่นกายอ่อนๆ ของสตรีอ่อนวัยลอยเข้าจมูก เนื้อนุ่มนิ่มเสียดสีอยู่ที่แผ่นอก ตัวของนางไม่หนักเกินกว่าจะประคองเอาไว้ ทว่าตัวบีพาอันนั้นไม่อาจรับมือกับความรู้สึกอื่นที่ปะทุขึ้นมาได้ เขาออกแรงดันตัวนางขึ้น ตัวของกโยซึลเบาจนน่าขัน
อา จะหัวเราะออกไปไม่ได้
สีหน้าของบีพาอันนิ่งเรียบมากกว่าเดิม เท้าของกโยซึลแตะพื้นดังเดิม แม้นางจะลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงยังคงรู้สึกหวั่นใจอยู่ กโยซึลรีบหันหลังไปมองบีพาอัน
“ขอบพระทัยเพคะ”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“อะไรหรือเพคะ” คำถามที่เอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้กโยซึลสะดุ้งเฮือก ไหล่ของนางสั่นเทา
“ห้องหนังสือ” บีพาอันตอบสั้นๆ แล้วกัดริมฝีปากตน
ไม่ถูก เช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เหตุใดเราถึงต่อบทสนทนากับนางไปเสียได้
แม้บีพาอันจะบ่นการกระทำของตน ทว่าเขาก็ยังคงไม่หยุดพูด ก่อนหน้านี้ร่างกายขยับไปเองตามใจชอบ ครั้งนี้ก็เป็นลิ้นของตน อวัยวะพวกนี้ช่างทำอะไรตามอำเภอใจซึ่งตรงข้ามกับความต้องการของเจ้าของได้เก่งนัก สิ่งเดียวที่บีพาอันบังคับได้อย่างใจหวังนั้นมีเพียงสีหน้าเท่านั้น
“ทรงเคยถามเราเกี่ยวกับห้องหนังสือของวังฝ่ายนอก เราเลยคิดว่าชายาไม่รู้ว่ามีห้องหนังสืออยู่ที่วังตะวันออกด้วย เป็นอย่างไร ทรงไม่คิดหรือว่าห้องหนังสือแห่งนี้มีหนังสือมากกว่า และน่าสนใจกว่าห้องหนังสือของวังฝ่ายนอก”
อา…” กโยซึลไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ จึงได้แต่กลอกตาไปมา
บีพาอันที่เห็นว่านางตื่นตระหนกอย่างน่าสงสาร ก็กัดฟันกรามแน่น นี่มันคำถามโง่เง่าอะไรกัน ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังโอ้อวดกับนางว่าวังตะวันออกนั้นดีกว่าวังฝ่ายนอก ที่ที่นางคุ้นเคย รวมทั้งรูแฮด้วย บีพาอันรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
“หม่อมฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือของที่นี่ แต่ก็มีหนังสือที่น่าสนใจอยู่มากมายเพคะ”
“ทรงจะทำตัวเหมือนกระต่ายทุกครั้งที่กำลังจะเอ่ยตอบสิ่งใดเลยหรือ”
“กระต่าย…หรือเพคะ”
“ทุกครั้งที่พูดเห็นทรงจะขยับไหล่ตลอด”
กระต่ายอย่างนั้นหรือ บีพาอันอยากจะปิดปากตัวเองไว้นัก ยิ่งพูดก็ยิ่งมีแต่สิ่งที่อยากลบเลือนมันไปมากขึ้น เขากัดกรามแน่น แม้จะกัดริมฝีปากของตนเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอ่ยพูดอะไรออกไปอีก ทว่าแค่มี
กโยซึลอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างก็สูญเปล่า เขาไม่สามารถทนได้เพราะทุกท่าทาง คำพูด และสายตาของนางช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน บีพาอันยื่นมือออกไป เมื่อเห็นว่ากโยซึลถอยหลังหลีกเลี่ยง ก็เจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก
กลัวเราถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
บีพาอันหยิบหนังสือเล่มที่นางต้องการยื่นให้นาง หลังจากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว
“นี่…”
กโยซึลรับหนังสือเล่มนั้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วถามบีพาอันด้วยดวงตาราวกับกระต่ายนั่น
“ทรงทราบได้เช่นไร ว่าหม่อมฉันอยากอ่านหนังสือเล่มนี้เพคะ”
“ตอนที่ชายาจะล้มลงจากการพยายามหยิบหนังสือเล่มนี้ เราไม่ได้เป็นคนรับชายาเอาไว้หรอกหรือ”
“ออ เป็นเช่นนี้เอง ทรงเห็นก่อนแล้วนี่เอง” กโยซึลยิ้มให้บีพาอันอย่างเก้ๆ กังๆ
จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรกับหญิงสาวที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูผู้นี้ดี
บีพาอันต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อที่จะไม่ยิ้ม ไม่พูดอะไรแปลกประหลาดกับนาง และไม่แตะต้องตัวนางตามใจชอบ ต้องอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีสิ่งใดยากไปกว่าต้องอดกลั้นเช่นนี้อีกแล้ว
“เช่นนั้นเราขอตัว”
บีพาอันหันหลังกลับอย่างยากลำบาก ทว่ากโยซึลก็รั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าภายในใจของบีพาอันในตอนนี้นั้นร้อนรุ่มเพียงใด
“ฝ่าพระบาทเพคะ”
บีพาอันหยุดชะงักโดยทันที แต่เขาก็ไม่ได้หันหลังกลับไป หากหันกลับไปเกรงว่าคงจะหันกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันล้มป่วยไป”
“ตอนนี้ก็ทรงดูหายเป็นปกติแล้วมิใช่หรือ”
ข้ารู้ดี สีหน้าของเจ้าดูดีขึ้นมาก ข้าไปหาเจ้าในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่งมาแล้ว
บีพาอันไม่สามารถพูดสิ่งเหล่านั้นออกไปได้ จึงทำได้เพียงเปล่งวาจาเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นนั้นออกไป หากใจของเขากระสับกระส่ายเมื่อใด เขาก็มักจะเอ่ยคำพูดร้ายกาจออกไปทุกครั้ง หากพยายามปิดซ่อนความรู้สึกของตน ก็มักจะแสดงออกในสิ่งที่ตรงข้ามเสมอ มันเป็นกลไกการป้องกันตัวที่เหมือนกับเป็นโรคเรื้อรัง ที่ซึ่งเขาไม่คุ้นชินกับการแสดงความรู้สึกของตน
“เรื่องที่ทรงให้ทำตามใจได้ รวมถึงเรื่องของหัวใจด้วยหรือไม่เพคะ”
“เรื่องของหัวใจหรือ”
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง
เสียงที่มักจะไร้โทนสูงต่ำของบีพาอันสั่นเครือ เพราะใจที่ว้าวุ่นจึงทำให้หางเสียงแหลมและยกสูงขึ้น บีพาอันไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เลย ไม่คิดว่านางจะถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ ไม่สิ มันอาจจะเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว บีพาอันนึกถึงสายตาของกโยซึลที่มองรูแฮ หัวใจของนางนั้นเลือกแล้วว่าจะไปทางไหน
เพราะเหตุนี้นางจึงมาถามเรา