ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 12-1 สัมผัส
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 12-1 สัมผัส
ช่วงสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลิที่แจ่มใสใกล้เข้ามาแล้ว ธรรมชาติเตรียมบอกลา ร่องรอยของดอกไม้งามที่ผลิบานจางหายไปทีละน้อย สายลมเย็นที่เคยโบกพัดกลับแผ่ไออุ่น แต่กระนั้นฤดูใบไม้ผลิก็ยังคงไม่สิ้นสุดลง
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ รูแฮ ผู้ปกครองตำหนักนัมชอนแห่งวังใต้กำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือด้วยใบหน้าที่ซูบเซียวลง สีหน้าของเขาในตอนนี้นั้นหากจะกล่าวว่าอีกไม่นานคงล้มลงไปก็คงไม่เกินไปนัก และสาเหตุที่ทำให้เขาซูบซีดลงถึงเพียงนี้ก็คือบุคคลผู้หนึ่งที่ไม่แม้แต่จะสามารถเอ่ยนามออกมาได้ตามอำเภอใจ
รูแฮนั้นก่อนหน้านี้มีสหายคนหนึ่งที่ชอบพบไปเจอกันอยู่บ่อยๆ สหายคนนั้นคือกโยซึล พระชายา
ฮวางแทจา ผู้ที่เดินทางจากราชอาณาจักรฮวากุกมาเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรส ส่วนใหญ่เขามักจะไปพบเจอกับนางโดยมิได้นัดหมายที่สวนหลังวังฝ่ายนอก แต่ทว่าบีพาอันที่เป็นดำรงตำแหน่งฮวางแทจาก็ได้มาเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันเข้าโดยบังเอิญ และความลับที่ว่าเขานั้นปกปิดสถานะฮวางเซจาของตนเองก็ถูกเปิดเผยด้วย
สีหน้าของนางที่มองเราในตอนนั้น…
สายตา แววตา และสีหน้าของกโยซึลที่มองตรงมายังเขา หลังจากที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือฮวางเซจา และชื่อของเขามิใช่ยูอึลจินหากแต่เป็นมก ยูอึลจินนั้น รูแฮไม่สามารถลืมมันลงได้เลยแม้เพียงชั่วครู่ ทุกครั้งที่หลับตาลง แววตาของกโยซึลมักจะผุดขึ้นมาทำให้หัวใจของของเราอึดอันทรมาน
ทั้งหมดถือว่ากรรมตามสนองแล้ว จะโทษผู้ใดได้
นี่คือโทษที่ตนเองควรได้รับ เขาควรจะบอกนางไปตามตรงตั้งแต่แรก ควรจะเปิดเผยสถานะตนตั้งแต่แรก หากทำเช่นนั้นไม่แน่ว่านางที่เป็นคนจิตใจซื่อตรงบริสุทธิ์อาจจะยอมรับเขาโดยง่ายก็เป็นได้ หากแต่รูแฮนั้นเกิดความกลัว กลัวว่านางที่เป็นพระชายาฮวางแทจาจะวางตัวเหินห่างกับเขาที่เป็นฮวางเซจา ปัญหาการแย่งชิงราชบัลลังก์อันดุเดือดในมกกุกทำให้เขากลัวไปก่อน
“สิ่งที่เรากระทำไปทั้งหมดเหตุเพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสีย แต่ทว่ากลับยิ่งทำให้สูญเสียเร็วขึ้นสินะ”
รูแฮที่เอาแต่วนเวียนคิดถึงสิ่งที่ตนเองทำพลาดพลั้งไปพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมถอนหายใจ
“มิแน่ว่าแท้จริงแล้วเราอาจจะเป็นดั่งที่ท่านพี่ตรัส…”
รูแฮหวนนึกถึงคำเหน็บแนมของบีพาอัน
‘เวลาที่ได้ยินพระชายาฮวางแทจาที่มิได้รู้ถึงธรรมเนียมของมกกุก เรียกตนเพียงแค่ชื่อแล้วรู้สึกพึงพอใจเช่นนั้นรึ คงจะคิดไปถึงขั้นว่าตนนั้นคือคนรู้ใจของพระชายา หลงละเมอถือดีไปว่าตนคือฮวางแทจา จึงมิคิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดของนางเช่นนั้นสินะ’
เป็นเพราะตนเพียงแค่พึงใจที่กโยซึลเรียกตนแค่ชื่อจริงหรือ
‘ยูอึลจิน’
พลันนึกถึงเสียงของกโยซึลที่เรียกตนเองพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสขึ้น น้ำเสียงของนางที่เปล่งเสียงเรียกชื่อของตนในแต่ละตัวอักษรช่างน่าฟังและน่าเอ็นดูนัก รวมทั้งสิ่งที่ติดเป็นนิสัยอย่างการลากเสียงยาวในตอนท้ายก็ช่างน่ารักจนมิอาจลืมลง แต่ทว่าบัดนี้คงจะไม่มีโอกาสได้ยินมันอีกแล้ว ไม่เพียงแต่น้ำเสียงที่เรียกชื่อตน แม้แต่เสียงของนางก็คงจะไม่มีวันได้ยินอีก หลังจากวันที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย กโยซึลก็ไม่มาที่สวนหลังวังฝ่ายนอกอีกเลย แต่กระนั้นรูแฮก็ยังไม่ละทิ้งความหวังอันน้อยนิด แวะเวียนไปที่สวนหลังวังฝ่ายนอกอยู่บ่อยครั้ง
นับวันรูแฮยิ่งผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาจับพู่กันด้วยสีหน้าอันเหนื่อยล้า ขันทีก็เข้ามาแจ้งว่า
“ฝ่าบาทฮวางเซจาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาฮวางเซจาทรงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้นางเข้ามา”
เพียงถ้อยคำสั้นๆ ประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออก ปรากฏหญิงงามตรงหน้า ใบหน้างามกลมเล็กขาวใสไร้จุดด่างพร้อยดั่งลูกเกาลัดที่ถูกปลอกอย่างประณีต เส้นผมเงางามจากการทาด้วยน้ำมันต้นชาถูกเกล้าอย่างเรียบร้อย หน้าผากมนครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยผมหน้าม้าที่จัดแต่งให้งุ้มดั่งกลีบบุปผา บนใบหน้างามหมดจดไร้ซึ่งลูกผมบดบัง
ยอมิน พระชายาฮวางเซจา กุลสตรีที่ไม่ว่าเมื่อใดก็มิเคยขัดคำพูดของรูแฮ สามีของตนเลยสักครั้ง พระชายายอมินเสด็จเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมถวายคำนับ
“เข้าเฝ้า ฝ่าบาทฮวางเซจาเพคะ”
หลังจากถวายคำนับ ยอมินมองสำรวจใบหน้าที่ซูบซีดของรูแฮก่อนอย่างเป็นนิสัย แล้วจึงค่อยๆ เดินเข้าไปหารูแฮอย่างช้าๆ นางยืนลังเลอยู่ระหว่างที่นั่งด้านในข้างเบาะรองนั่งและที่นั่งด้านตรงข้ามโต๊ะหนังสือครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปนั่งที่ด้านตรงข้ามโต๊ะหนังสือในที่สุด
“ฝ่าบาทฮวางเซจาเพคะ มิทราบว่าทรงมีเรื่องกังวลอันใดหรือเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันได้ยินว่าพระองค์ทรงเสวยไม่ค่อยได้เลย”
“ไม่มีอันใด เราสบายดี เป็นเพราะว่ามีเรื่องกวนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พระชายาฮวางเซจาทรงอย่าใดกังวลพระทัยเลย”
“ฝ่าบาทฮวางเซจา”
น้ำเสียงเศร้าที่เปล่งออกมานั้นมีความเสียใจเจืออยู่ คำพูดของรูแฮนั้นทำให้หัวใจของยอมินเ**่ยวเฉา ไม่ว่าเมื่อใดรูแฮก็ปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพเสมอ ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกขอบคุณที่รูแฮให้เกียรติตนเอง แต่ทว่าการปฏิบัติต่อชายาอย่างสุภาพนั้นช่างดูเหมือนว่าสามีของตนต้องการทิ้งระยะห่างระหว่างตน นั่นจึงทำให้นางเจ็บปวดหัวใจอยู่เสมอ ยอมินถามออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องถูกปฏิเสธกลับมาอย่างแน่นอน
“เป็นเรื่องที่ทรงตรัสกับยอมินมิได้หรือเพคะ”
รูแฮมองไปที่ดวงตาของยอมิน ดวงตาใสที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย ในตอนแรกยอมินคิดว่าอีกฝ่ายอาจลังลงสักนิด แต่ทว่าครั้งนี้ก็เหมือนเช่นทุกครั้ง รูแฮส่ายหน้า ใบหน้านั้นยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่
“ขอบพระทัยพระชายาฮวางเซจา แต่ทว่ามันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยของเราเท่านั้น มิได้เป็นเรื่องที่ทรงต้องสนพระทัยอันใด”
รูแฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลแต่กลับเฉือดเฉือนใจอย่างนิ่มนวลนัก อย่างน้อยก็มิควรยิ้มออกมา มุมปากที่ยกยิ้มนั่นกลับดูเศร้ายิ่งกว่า รูแฮปฏิบัติกับยอมินอย่างอ่อนโอนเสมอแต่ความอ่อนโยนนั้นบางครั้งกลับทำให้นางเจ็บปวด ดังเช่นตอนนี้
อีกแล้ว
ใบหน้าของยอมินกลับหม่นลงทุกครั้งที่เห็นรูปแฮยิ้ม เขามักพยายามที่จะเว้นระยะห่างกับนางเสมอ ไม่ว่าเมื่อใดก็จะคอยระมัดระวัง และพยายามผลักไสยอมินออกห่างจากตัวเอง เขาช่างมีน้ำอกน้ำใจนัก