ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 18-2 กลิ่นบุปผาแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 18-2 กลิ่นบุปผาแห่งฤดูใบไม้ผลิ
บีพาอันเยาะเย้ยออฮยูลเจอยู่ในใจ ไหนบอกว่าองค์จักรพรรดินั้นต้องไม่แสดงความรู้สึกในใจออกมาอย่างไรเล่า มิใช่ว่าตอนนี้ตนเองกำลังอาละวาดโมโมโกรธาอยู่หรือ แต่ทว่าภายนอกนั้นบีพาอันเพียงนั่งรองรับอารมณ์ของออยูลเจเท่านั้น ไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมา และในตอนที่ออฮยูลเจระบายความโกรธออกมาจนเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว บีพาอันก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
“การมีบุตรมากล้วนแต่จะมาห้ำหั่นกันเองในภายหลังพ่ะย่ะค่ะ”
หากฟังดูให้ดีแล้วคำพูดนี้แอบซ่อนการวิพากษ์วิจารณ์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันอยู่ ออฮยูลเจเองก็มีพี่น้องอยู่มากมาย และเขาก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิจากการห้ำหั่นฆ่าฟันพี่น้องของตนจนสิ้น การเสียดสีตนนั้นถือว่ายังไม่เท่าไร แต่คนที่เป็นฮวางแทจากลับเสียดสีตัวเองเสียเองนั้นทำให้ออฮยูลเจโมโหเป็นอย่างยิ่ง ออฮยูลเจกำมือตนเองแน่นพร้อมถามออกมาว่า
“แล้วฮวางแทจาคิดจะทำเช่นไรกับทายาทของตน”
บีพาอันตอบออฮยูลเจทันทีโดยไม่หยุดคิด
“กระหม่อมจะให้น้องชายสืบทอดพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของเขานั้นไร้ซึ่งความลังเล ใช่แล้ว บีพาอันได้วางแผนอนาคตของตนเองไว้ตั้งนานแล้ว เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้ บีพาอันจึงต้องบอกแผนการของตนที่วางไว้ให้ออฮยูลเจได้รับรู้ส่วนหนึ่ง
“หม่อมฉันจะไม่ไปเยือนตำหนักชายาอีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจะไม่มีการแบ่งอำนาจไปยังฝ่ายมารดา อำนาจจะอยู่ที่กระหม่อมเพียงผู้เดียว ในเมื่อไม่มีโอรสก็จะไม่มีการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสองฝ่ายจากคนผู้เป็นมารดา กระหม่อมจะปกครองอย่างเข้มงวด ทำให้อำนาจของจักรพรรดิมั่นคง ให้ทุกเมืองปฏิบัติตามแนวทางของจักรพรรดิเพียงเท่านั้น และเมื่อกระหม่อมทำให้มกกุกเป็นประเทศที่แข็งแกร่งไม่หวั่นแม้ศึกภายในหรือภายนอกแล้ว หม่อมฉันจะมอบบัลลังก์ให้แก่น้องชายของกระหม่อม มกกุกที่จักรพรรดิเรืองอำนาจเนื่องด้วยความเข้มงวด ในสมัยต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่ด้านวัฒนธรรมพ่ะย่ะค่ะ เมืองที่มุ้งเน้นแต่ในด้านการทหารนั้นย่อมขาดแคลนในด้านเกียรติยศของเหล่านักประพันธ์ และเมืองที่มุ้งเน้นแต่ด้านศิลปะวรรณกรรมนั้นง่ายต่อการหลงระเริงอยู่กับความหรรษา เช่นนั้นกระหม่อมจึงวาดแนวทางให้อาณาจักรเรามีพร้อมทั้งสองด้านพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น จักรพรรดิคนต่อไปที่ฮวางแทจาวาดหวังไว้คือใครกัน”
“รูแฮพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบ ทันใดนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ออฮยูลเจระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมตบเข่าฉาด เขารับรู้ได้ถึงเหงื่อที่ไหลอยู่บนแผ่นหลังตน นี่หรือบุตรชายของตน หากบีพาอันไม่ใช่ลูกชายแต่เป็นพี่น้องตนล่ะก็ เขาคิดว่าตนนั้นอาจจะไม่ได้นามของจักรพรรดิเช่น ‘ออฮยูลเจ’ ก็เป็นได้ ในตอนนี้บีพาอันมั่นใจนักว่าตนจะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นยังคิดวางแผนถึงคนที่จะสืบทอดตำแหน่งของตนไว้แล้วด้วย และแผนของบีพาอันที่บอกแก่ออฮยูลเจนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ดูแล้วยังคงเป็นเพียงรูปธรรม เป็นที่น่าตกใจนักที่บีพาอันที่ยากจะเข้าใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่มาตั้งแต่เด็กจะคิดวางแผนอันยิ่งใหญ่นี้ได้ อีกทั้งบีพาอันยังรับรู้ถึงความสามารถของเหล่าน้องชายตนเองได้ดีกว่าตนที่เป็นพ่อเสียอีก
จักรพรรดิที่มุ้งเน้นด้านวัฒนธรรมงั้นหรือ คนที่จะทำให้มกกุกรุ่งเรืองในด้านวัฒนธรรมได้นั้นมีเพียงแค่รูแฮเท่านั้น ทว่ารูแฮนั้นอ่อนโยนเกินกว่าจะรับตำแหน่งอันทรงเกียรติอย่างจักรพรรดิได้ หากบีพาอันสร้างอำนาจให้ขึ้นตรงกับจักรพรรดิได้จริง ถือว่ายากนักที่รูแฮจะสานต่ออำนาจนั้นได้
บีพาอันไม่เพียงแต่คิดถึงบัลลังก์ของตน แต่ยังคิดถึงอนาคตของ ‘มกกุก’ ในภายภาคหน้าด้วย ออฮยูลเจที่ก้มมองไปยังลูกชายของตนที่ยังคงตีหน้านิ่งสนิท พลันรู้สึกกลัว แต่เขาก็มิได้แสดงมันออกมา จ้องมองไปยังบีพาอันด้วยแววตาชื่นชมราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
“ทว่าอย่าปล่อยให้ชายาฮวางแทจาและชายารองฮวางแทจาเหงาเกินไปนัก มิเคยได้ยินหรือว่าหากสตรีขุ่นแค้นแล้วนั้น แม้แต่ในเดือนห้าหรือเดือนหกน้ำค้างแข็งก็ตกได้”
ออฮยูลเจพูดหยอกล้อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก็ยังคงกดดันบีพาอันไปด้วย
“พวกนางยังสาว หากค่ำคืนยาวนานเกินไปแล้วเผลอใจให้ชายอื่นเข้า ผู้ใดเลยจะรู้”
เป็นการหยอกเอินที่มุ่งเป้าไปที่ข่าวลือครั้งก่อนอย่างชัดเจน ความสนิทสนมระหว่างกโยซึลกับรูแฮ จากที่ได้ฟังคำที่ออฮยูลเจบอกแก่ตน และจากที่ตนสืบมานั้น ในตอนนี้มีหลายคนที่เห็นรูแฮอุ้มกโยซึลมุ่งหน้าไปยังตำหนักดงบี แต่เรื่องที่ว่าบีพาอันเป็นคนไปพบเจอทั้งคู่ที่สวนหลังวังฝ่ายนอกนั้นยังไม่มีคนรู้ ด้วยเหตุที่ปกติแล้วบีพาอันเองก็ไม่ค่อยได้ไปที่นั่นเท่าใดนัก
หลังจากที่ได้ยินคำหยอกล้อที่แฝงความนัยของออฮยูลเจแล้ว บีพาอันก็พูดขึ้นว่า
“เป็นคำสั่งของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”
“คำสั่งงั้นหรือ”
“เพราะอาการของชายาไม่ค่อยดี กระหม่อมจึงสั่งให้รูแฮพานางกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ คงเพราะระหว่างทางไปตำหนักดงบี อาการของชายาคงจะแย่ลง รูแฮจึงเผลอทำสิ่งไม่ควรเข้าด้วยความเป็นห่วงสหายพ่ะย่ะค่ะ
“เช่นนั้นหรือ”
ออฮยูลเจลูบคางพร้อมกับพยักหน้าให้กับคำบอกกล่าวของบีพาอัน มิใช่ว่าเขาเชื่อคำพูดนั้น ทว่าเป็นบีพาอันที่ออกหน้าแทนเช่นนี้ ตนจะยังคงมีคำพูดอันใดก็กระไรอยู่
“ขอทรงอย่าได้หลงเชื่อคำพูดเจ้าเล่ห์ที่หวังทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียเกียรติพ่ะย่ะค่ะ”
บีพาอันค้อมหัวลงอย่างนอบน้อม
“ข้าพเจ้าจะลงโทษคนที่ทำให้ฮวางแทจาเสื่อมเสียชื่อเสียงเอง”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาท”
บีพาอันก้มหน้าลง หลังจากเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นว่าองค์จักรพรรดิโบกมือเป็นเชิงไล่ให้เขาออกไปได้
“ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะขอให้พระวรกายแข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว บีพาอันก็เดินออกมาจากตำหนักขององค์จักรพรรดิ ออฮยูลเจที่เอนตัวลงบนเตียงไม้อย่างผ่อนคลายจ้องมองไปที่เพดานตำหนัก พร้อมพึมพำว่า
“จักรพรรดิที่มุ้งเน้นด้านวัฒนธรรมงั้นหรือ…”
พลันใบหน้าของน้องชายตนที่ตายด้วยน้ำมือตัวเองก็ผุดขึ้นมา หากว่าตนฉลาดเฉลียวกว่านี้ น้องชายของตนก็คงไม่ตายและคงกำลังช่วยตนบริหารบ้านเมืองอยู่เป็นแน่ และลูกชายของตนที่เหมือนกับน้องชายคนนั้นก็คือรูแฮ