ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 26-1 โชคชะตาแห่งวังเหนือ
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 26-1 โชคชะตาแห่งวังเหนือ
“พระชายา พระชายากโยซึลเพคะ!”
แม่นมเข้ามาในห้องบรรทมด้วยอาการตัวสั่น ก่อนหน้านี้กโยซึลบ่นว่าเบื่อ แม่นมจึงอาสาออกไปหาขนมมาให้นางเคี้ยวให้หายเหงาปาก
“แม่นม ไหนล่ะขนม”
“ตอนนี้ขนมไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยเพคะ!”
“แล้วมันมีเรื่องอะไรกันหรือ จึงได้เอะอะโวยวายเพียงนี้”
“ทรงทราบหรือไม่เพคะ”
“เรื่องอะไร”
แม่นมพูดจาอย่างสับสนไม่มีขั้นมีตอน ส่วนกโยซึลถามอย่างสงสัย
“ได้ยินมาว่าเหลืออีกไม่กี่เดือนพระชายาเซจาแห่งวังเหนือก็จะถึงกำหนดคลอดแล้วเพคะ!”
แม่นมแผดเสียงออกมาอย่างรีบร้อนตกใจ แต่กโยซึลก็ยิ้ม และตอบอย่างใจเย็น
“ตายแล้ง อย่างนั้นหรือ เราไม่รู้เลย เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง ตอนนี้ในเชื้อพระวงศ์มีพระราชนัดดาเพียงแค่องค์เดียวใช่หรือไม่ แต่นี้มีพระราชนัดดาชายแล้ว หากได้พระราชนัดดาหญิงอีกสักคน ราชสำนักคงจะมีสีสันมากขึ้น”
คำตอบที่แสนจะใจเย็นของกโยซึลช่างตรงกันข้ามกับท่าทีอันสั่นเครือของแม่นมเสียจริง แม่นมถึงกับหลุดอุทานออกมากับท่าทีนั้น พลางเอามือก่ายหน้าผากในความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของกโยซึล และดึงแขนของนาง
“นี่ไม่ใช่เวลามาทำเช่นนี้นะเพคะ รีบเสด็จไปเถิดเพคะ”
“ไปไหนหรือ”
“จะที่ใดกันล่ะเพคะ ก็ต้องเป็นวังเหนือสิเพคะ พระชายาเซจามิได้เพิ่งจะตั้งครรภ์ หากแต่ใกล้ทรงใกล้คลอดแล้วเพคะ ที่ผ่านมาพระชายาเองก็ทรงไม่เคยเสด็จไปเยี่ยมเพื่อไต่ถามสารทุกข์สุกดิบใดเลยไม่ใช่หรือเพคะ เรื่องนี้จะนิ่งเฉยไม่ได้นะเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ”
“พระชายาทรงเข้ามาในวังนี้ก็หลายวันแล้ว แต่เพิ่งจะเสด็จไปแสดงความยินดีเอาตอนนี้แล้ว มิรู้ว่าทางวังเหนือจะว่าอย่างไรบ้างเพคะ”
แม่นมพูดไม่หยุดพลางลากดึงตัวกโยซึลไป กโยซึลไม่เข้าใจว่าเรื่องนั้นมันสำคัญถึงเพียงนั้นเลยหรืออย่างไร นางเอียงคอไปมาหลายครั้ง กโยซึลและแม่นมเดินมาจนถึงระเบียงไม้ แม่นมรบเร้าให้กโยซึลรีบสวมรองเท้า กโยซึลสะบัดจากมือของแม่นมและรีบหนีกลับเข้าห้องไป แม่นมได้แต่มองตามอย่างเหม่อลอยพลางตะโกนเสียงดังว่า
“พระชายา! จะไปไหนเพคะ รีบเสด็จไปที่วังเหนือเถิดเพคะ!”
กโยซึลไม่สนใจการร้องเรียกของแม่นม นางเข้าตำหนักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินออกมา นางเปิดประตูและออกมาพร้อมกับกล่องใบเล็กที่ห่อผ้าแพรไว้
“นั่นคือสิ่งใดหรือเพคะ”
“ของขวัญแสดงความยินดีสำหรับการตั้งครรภ์อย่างไรเล่า”
นางกล่าวพลางสวมรองเท้าและเดินลงบันไดไปยืนรออยู่
“แม่นม ไหนว่ารีบมิใช่หรือ เรารีบไปกันเถอะ”
“อา เพคะ”
แม่นมเดินนำและจูงมือกโยซึลผู้ไม่รู้ทางไปวังเหนือ ในครั้งนี้มีเหล่าซังกุงและนางรับใช้กลุ่มหนึ่งติดตามไปด้วย เป็นการเหมาะสมที่เหล่าข้ารับใช้จะติดตามพระชายาฮวางแทจาในการไปแสดงความยินดีเรื่องตั้งครรภ์ของพระชายาเซจา วังที่อยู่ทางเหนือของวังหลวงนั้นไกลเอาการ เพราะเดิมทีพระราชวังทั้งหมดก็กว้างมากอยู่แล้ว ดังนั้นการเดินไปจากวังตะวันออกสู่วังเหนือก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน เมื่อถึงยังภายนอกของประตูใหญ่วังตะวันออกแล้ว จึงเลี้ยวซ้ายแล้วเดินต่อไปอีกสักพัก และเมื่อเข้าไปในเขตวังเหนือและทำการเลี้ยวซ้าย ก็จะถึงยังตำหนักขององค์ชายาเซจา ซึ่งก็คือตำหรักบุกบีนั่นเอง พวกเขาเดินเข้าประตูหลักและเมื่อมองเห็นตัวอาคารหลักแล้ว แม่นมจึงนำหน้าเข้าไปกล่าวรายงาน
“องค์พระชายาฮวางแทจา กโยซึลเสด็จ”
คำรายงานนี้ได้ถูกส่งต่อผ่านซังกุงและข้ารับใช้ไปยังห้องบรรทมชั้นใน กโยซึลก้าวย่างไปบนบันไดหิน ถอดรองเท้าและตั้งใจที่จะขึ้นไปบนระเบียงไม้ แต่ที่ปลายระเบียงนั้นกลับมีเส้นทองคำเส้นหนาล้อมอยู่โดยรอบ เส้นทองคำนี้มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลังชั่วร้ายย่างกรายเข้ามาได้ นางก้าวขึ้นไปยังระเบียงไม้อย่างระมัดระวังไม่ให้เหยียบเส้นทองคำ เมื่อขึ้นไปถึงแล้วนางจึงก้าวผ่านประตูตำหนักซึ่งเหล่าซังกุงเปิดให้ เนื่องจากเป็นตำหนักของชายาเซจา จึงมีจำนวนประตูบานน้อยกว่าตำหนักของกโยซึลซึ่งเป็นชายาฮวางแทจา ทำให้นางก้าวผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ประตูก็ถึงห้องบรรทมชั้นในแล้ว แน่นอนว่าบนประตูของห้องบรรทมชั้นในก็มีเส้นทองคำอยู่ด้วยเช่นกัน ขณะที่กโยซึลเข้าไปในห้องบรรทมพลางมองไปยังเตียงนอนด้วยใบหน้าแย้มยิ้มนั้น สายตานางก็ได้พบกับสตรีผิวสีเข้ม ผมสีดำประกายครามกำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น นางคือพระชายาเซจา นามว่า ‘ฮเยจิน’ ผู้ซึ่งมาจากอาณาจักรอื่น
เนื่องจากมกกุกนั้นเป็นจักรวรรดิกว้างใหญ่ จึงมีรัฐบรรณาการมากมาย หนึ่งในนั้นมีอาณาจักรที่ชื่อว่า ‘จินซองกุก’ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมกกุก เนื่องจากเป็นอาณาจักรที่อยู่ทางใต้จึงทำให้ผู้คนมีสีผิวเข้มกว่าชาวมกกุกที่อยู่ทางเหนือ สีผิวของคนทางนั้นจะมีลักษณะออกเป็นสีน้ำตาลเหลืองเข้ม จินซองกุกที่มีกำลังอ่อนแอนั้นมักจะถูกรุกรานโดยอาณาจักรรอบๆ อยู่บ่อยครั้ง เพื่อที่จะสามารถพึ่งพาการอารักขาจากมกกุกได้มากยิ่งขึ้น พวกเขาจึงส่งองค์หญิงคนสุดท้องมาสมรสกับองค์ชายแห่งมกกุก เดิมทีทางมกกุกเองตั้งใจที่จะให้องค์หญิงแห่งจินซองกุกนี้สมรสกับองค์ชายที่ไร้อำนาจใดๆ และอาศัยอยู่นอกวังหลวง และแม้จะเป็นองค์หญิงจากรัฐบรรณาการแต่ก็ถือว่ามีศักดิ์และศรี ดังนั้นจึงได้เข้ามาพำนักในวังหลวงในตอนแรก นางจึงได้พบกับองค์เซจา ‘บินซอง’ เข้า ด้วยผิวสีน้ำตาลเหลือง นัยน์ตาสีฟ้า ผมที่มีประกายสีครามอันสดใสน่าหลงใหล บินซองเคยพบเจอมาแต่คนที่ผิวขาว ตาสีเข้ม และผมสีดำ ทำให้เขาตกหลุมรักองค์หญิงจากต่างแดนคนนี้เข้าอย่างจัง เขารบเร้าร้องขอต่อองค์จักรพรรดิ ออฮยูลเจ และพระสนมเจยง พระสนมรองซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของตนอยู่หลายวันหลายคืน จนที่สุดเขาจึงได้องค์หญิงสุดท้องแห่งอาณาจักรจินซองมาเป็นพระชายาเอกของตน
ซึ่งนางผู้นั้นก็คือฮเยจิน พระชายาเซจานั่นเอง นางผู้ซึ่งกำลังเอนกายอยู่บนเตียง ค่อยๆ ประคองท้องที่ตั้งครรภ์ของตน ลุกขึ้นมาอย่างนิ่มนวล
“ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี เข้าเฝ้าพระชายาฮวางแทจา กโยซึลเพคะ ขออภัยด้วยที่ไม่อาจคำนับท่านได้ เนื่องจากร่างกายที่ไม่ค่อยสะดวกสบายนี้”
“ไม่เลย ไม่เป็นไรเลยเพคะ”
กโยซึลผู้ซึ่งกำลังตะลึงไปกับรูปลักษร์แปลกตาของชาวแดนใต้ เข้าไปใกล้ฮเยจินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ครรภ์ของฮเยจินก็ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันขออภัยที่เพิ่งได้ข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของพระชายาเซจา และเพิ่งจะได้มาเยือนท่านเอาตอนนี้”
“หม่อมฉันจะบังอาจถือโทษหรือให้อภัยพระชายาฮวางแทจาได้อย่างไรกันเพคะ”
ฮเยจินน้อมศีรษะลงด้วยความนอบน้อม กโยซึลผู้ซึ่งจ้องมองท้องที่มีครรภ์ของฮเยจินก็ได้ถามไปอย่างระมัดระวังว่า
“ขอเราสัมผัสได้หรือไม่”
ได้ฟังเช่นนั้นฮเยจินก็จ้องกโยซึลโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนกโยซึลก็รู้สึกขายหน้าจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่จ้องตาฮเยจินเช่นกัน เป็นดวงตาสีฟ้าที่เยือกเย็นราวกับว่าตนจะถูกดูดกลืนเข้าไป ส่วนลูกตาข้างในที่ดูเข้มกว่าของฮเยจินนั้นหดเล็กลง ฮเยจินจ้องมองกโยซึลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผงกหัวตอบรับ กโยซึลรู้สึกดีใจพลางเอามือของตนค่อยๆ วางลงบนท้องของฮเยจินอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาจากภายในครรภ์
“ในนี้มีเด็กอยู่ใช่หรือไม่เพคะ ช่างอัศจรรย์จริงๆ”
“ในอนาคตพระชายาเองก็จะทรงมีเด็กน้อยในครรภ์เช่นกันเพคะ”
เสียงอันไพเราะกระทบหูของกโยซึล ดวงตาของกโยซึลที่จ้องมองฮเยจินเผยความเศร้าหมองชั่วครู่ จากนั้นนางก็หัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน
“เช่นนั้นหรือเพคะ ไม่รู้สิเพคะ หม่อมฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้”