ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 4-1 ระลอกคลื่น
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 4-1 ระลอกคลื่น
เช้าอันเงียบสงบของพระราชวังตะวันออก บีพาอันที่ตื่นแต่เช้ากำลังทำงานต่างๆ อยู่ในห้องหนังสือที่ตำหนัก วันทั้งวันของฮวางแทจานั้นยุ่งอยู่เสมอ เขาจัดการงานเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเรียนหนังสือในตอนเช้า หลังจากอาหารเที่ยงก็เข้าเรียนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พิจารณางานราชการของวังตะวันออกที่ได้รับมอบหมาย องค์จักรพรรดิออฮยูลเจได้มอบหมายงานต่างๆ ในการบริหารบ้านเมืองให้กับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดทุกคน ในช่วงบ่ายก็ฝึกศิลปะการป้องกันตัว ยิงธนู ขี้ม้า ฝึกฝนความแข็งแรงของร่างกาย แล้วก็เข้าเรียนหนังสืออีกครั้ง หลังจากนั้นจึงใช้เวลาส่วนตัวแล้วเข้านอน แต่ละวันเต็มไปด้วยกำหนดการแน่นหนาต่างๆ ที่ต้องทำ และบีพาอันก็ทำงานทุกอย่างในแต่ละวันได้เป็นอย่างดีไม่มีข้อบกพร่อง
“ฝ่าพระบาท ฮวางแทจา พระชายาฮวางแทจาเสด็จมาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ชายาหรือ?”
บีพาอันวางกระดาษและพู่กันที่ถืออยู่ลง เขาบอกให้ขันทีพากโยซึลเข้ามา ตารางชีวิตที่ซ้ำจำเจเหมือนกันในทุกวันของบีพาอันนั้นได้ถูกเปลี่ยนแล้ว
“เมื่อคืนทรงนอนหลับสบายหรือไม่เพคะ?”
หญิงสาวที่ใส่ชุดผ้าแพรซ้อนทับกันหลายชั้น บนศีรษะใส่วิกผมคาเชน่ามอง นางเดินเข้ามาและทำการคำนับบนเบาะรองนั่งเล็กๆ เป็นกโยซึลที่ยังคงไม่ชินกับเครื่องทรงและเครื่องประดับของชายาฮวางแทจา กโยซึลเอ่ยทักทายยามเช้าด้วยเสียงสั่นๆ แล้วนั่ลงบนเบาะรองนั่ง
“เมื่อคืนทรงบรรทมเป็นอย่างไรบ้างเพคะ แล้วได้เสวยอาหารเช้าหรือยังเพคะ”
ในตอนแรกคิดว่านางจะทักทายอย่างเรียบง่าย แต่ทว่าคำพูดกลับหลั่งไหลออกมาราวกับว่าเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว และสายตาของนางที่กวาดไปทั่วไม่สามารถจดจ่อไปที่ใดที่หนึ่งได้ ทำให้รับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นของนาง บีพาอันสูดหายใจลึก บังคับลมหายใจอย่างอยากลำบาก การที่เขาไม่หลุดหัวเราะออกมาก็เป็นเพราะการฝึกฝนการวางตัวให้สงบนิ่งมาอย่างยาวนาน เขายังคงทำสีหน้านิ่งๆ ราวกับกำลังสวมหน้ากากอยู่ และบีพาอันที่กำลังจ้องมองกโยซึลอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ทราบว่าชายากำลังทำอันใดอยู่หรือ”
“หม่อมฉันมาถวายคำทักทายยามเช้าน่ะ… เพคะ”
กโยซึลเผลอลืมตัว แล้วเปลี่ยนไปพูดลงท้ายอย่างสุภาพในทันที แต่หูที่เฉียบแหลมของบีพาอันนั้นคาดเดาความผิดพลาดนั้นได้อยู่แล้วจากเสียงลมหายใจที่หลุดออกมา
“ชายามิกลัวเราหรือ”
“เพคะ?”
กโยซึลทำตาโตและจ้องมองไปที่บีพาอัน ดวงตาที่ส่องประกายสดใสมาจากข้างใน สำหรับบีพาอันแล้วมันช่างแปลกเสียเหลือเกิน
“ภรรยาที่ถูกสามีทำร้ายจิตใจในคืนแรกของการเข้าหอ วันต่อมากลับมาทักทายกันตั้งแต่เช้าย่อมเป็นสิ่งที่ใครก็คาดไม่ถึง”
“เอ่อ…”
กโยซึลพยักหน้า นางดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่บีพาอันพูด กโยซึลเม้มปาก ริมฝีปากของนางโค้งลง พลันริมฝีปากของนางก็เผยรอยยิ้มเขินอายออกมา
“กลัวเพคะ”
อะไรกัน นางยังไม่เข้าใจอีกหรือไรถึงได้ตอบออกมาอย่างจริงจังเช่นนี้
“ที่พระองค์ทรงออกจากตำหนักไปเช่นนั้น หม่อมฉันย่อมกังวลว่าพระองค์จะมีเรื่องที่ไม่พอพระทัย หม่อมฉันเกรงว่าจะทรงไม่พอพระทัยที่หม่อมฉันเป็นเพียงเด็กสาวจากฮวากุก…”
ในขณะที่กโยซึลกำลังก้มหน้าอยู่นั้นสายตาของนางก็เหลือบขึ้นไปมองบีพาอัน เกรงว่าที่บอกว่ากลัวนั้นจะไม่ใช่แค่พูดออกมาเฉยๆ เพราะท่าทางของนางเหมือนกับสัตว์ตัวน้อยๆ ที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว บีพาอันกระแอมเบาๆ ในลำคอ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกปวดที่ขมับขึ้นมา เขาตระหนักได้ว่านางเป็นคนประเภทที่เขาไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน การแสดงกลัวอย่างตรงไปตรงมา การถามว่าไม่ชอบหรือไม่ รวมไปถึงการที่แสดงออกมาตรงๆว่าตนรู้สึกอย่างไร ทำให้เขาทั้งงงันและคาดไม่ถึงยิ่งนัก ตลอดชีวิตยี่สิบสามปีที่ผ่านมาของบีพาอัน นางเป็นชายาคนแรกของเขาที่ทำให้เขางงงวยที่สุด
เด็กคนนี้ตกลงแล้วเป็นคนอย่างไรกันแน่
บีพาอันถูกดึงความสนใจทั้งหมดไปที่กโยซึล มันอยากเหลือเกินที่จะหายใจได้อย่างปกติในขณะที่กำลังจ้องดวงตาใสๆ ของนางอยู่ แค่การหลุดกระแอมออกไปนั้นก็ถือว่ามากพอแล้ว
“หากชายากลัว ก็แค่ไม่ต้องมาเจอ”
“แต่ว่า… การทักทายยามเช้าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องทำมิใช่หรือเพคะ”
ถึงแม้นางจะกลัว ทว่าก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เมื่อบีพาอันได้ยินคำตอบของกโยซึล เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงมาทักทายตนในวันนี้ พูดกว้างๆ ก็คือมันเป็นความแตกต่างของธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ถ้าให้พูดง่ายๆ บรรยากาศของอาณาจักรฮวากุกกับจักรวรรดิมกกุกนั้นต่างกันนั่นเอง
“การเจอหน้ากัน ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันในราชวงศ์เล็กๆ ย่อมเป็นเรื่องทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ว่าที่นี่คือมหาจักรวรรดิ ภายในราชวงศ์ของเราแม้แต่จะเดินเฉียดเงาของกันและกันก็เป็นเรื่องที่ยาก แม้แต่สามีภรรยาก็ใช่จะได้พบเจอกันได้ง่ายๆ”
“จริงหรือเพคะ”
“ราชสำนักแห่งจักรวรรดินั้นเป็นที่ที่ยุ่งอยู่เสมอ”
โดยเฉพาะในราชวงศ์มกกุกที่ความสัมพันธ์ภายในราชวงศ์ไม่ดีนัก แม้การทักทายกันตอนเช้าและตอนเย็นจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้อง แต่ในราชวงศ์นี้มักจะหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ งานที่ซับซ้อนภายในราชสำนักถือเป็นข้ออ้างชั้นดีในการจะรักษาระยะห่างระหว่างเชื้อพระวงศ์แต่ละคน
“และเราเป็นคนที่ยุ่งที่สุดเป็นอันดับที่สองของวังแห่งนี้”
“แต่หม่อมฉันเป็นชายาของพระองค์นะเพคะ”
“แล้วอย่างไร”
“ภรรยาควรจะต้องมาหาสามีมิใช่หรือเพคะ”
นางมีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างน่าเหลือเชื่อ ใบหน้าขาวของกโยซึลที่นั่งทำหน้าประหม่าพร้อมกับคลำชายกระโปรงตัวเองไม่หยุดมีความมุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยม
น่าเอ็นดูกว่าที่คิด
คิ้วข้างหนึ่งของบีพาอันกระตุก ตกใจกับความคิดของตนเมื่อครู่
ไม่ได้การณ์แล้ว
บีพาอันตัดสินใจว่าจะหยุดการหยอกล้อนี้ลง เขาเสียเวลาไปสิบห้าหน้าทีก็เพราะกโยซึล การที่กโยซึลมาทักทายยามเช้านี้ไม่ได้อยู่ในแผนงานของเขา
“ชายาเขลากว่าที่เราคิดไว้นัก”
น้ำเสียงของบีพาอันเยือกเย็นลง
“เราเคยบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ต้องรอเรา อยากจะทำอันใดก็ตามใจ ทรงลืมไปแล้วหรือ”
“แล้วก็ทรงตรัสห้ามหม่อมฉันมิให้ขวางทางข้างหน้าของฝ่าพระบาทด้วยเพคะ”
กโยซึลส่ายหน้า และพูดต่อเพื่อที่จะยืนยันว่าตนไม่ได้ลืมสิ่งที่บีพาอันบอกในคืนส่งตัว
“หม่อมฉันจะขวางทางพระองค์เพคะ”
“ครั้งหน้าโปรดระวังด้วย เราไม่ชอบให้เกิดเรื่องเดิมซ้ำๆ”
กโยซึลพยักหน้ารับ
“แต่หม่อมฉันก็จะไม่ลืมหน้าที่หลักของชายาเพคะ”
“ทำตามที่ท่านคิดว่าดีเถิด”
“ขอทูลถามอีกเรื่องได้หรือไม่เพคะ”
บีพาอันสบตากับนาง ไม่ได้ตอบกลับไป แววตาของกโยซึลสั่นไหวเล็กน้อย
“คือว่า….ห้องหนังสืออยู่ที่ใดหรือเพคะ”
“ห้องหนังสือหรือ”
“ฝ่าพระบาทบอกว่าไม่ให้รบกวน แล้วก็ไม่ให้หม่อมฉันซึ่งเป็นชายาคอยอยู่ข้างๆ หม่อมฉันเลยกังวลว่าจะใช้เวลาที่แสนยาวนานนี้ต่อไปอย่างไร”
“ก็เลยถามถึงห้องหนังสือเช่นนั้นหรือ”
“ใช่เพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็เลยตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตเหมือนกับตอนที่อยู่มกกุกเพคะ”
ตนคิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ก็ไม่เอ่ยปากพูดออกไป
“มีห้องหนังสือกลางอยู่ที่พระราชวังกลาง ที่นั่นมีเอกสารสำคัญๆ มากมายจึงมีการดูแลที่เข้มงวด หากชายาอยากจะเพียงอยากไปหมายเอาความเพลิดเพลิน ไปห้องหนังสือที่พระราชวังชั้นนอกจะเหมาะกว่า”