ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 40-2 ยาพิษ
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 40-2 ยาพิษ
รูแฮรู้สึกคุ้นหน้าหยางหยาง หยางหยางกล่าวต่ออย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงสั่น
“หม่อมฉันทราบดีว่าเป็นการเสียมารยาท แต่ไม่แน่ใจว่าอะไรดลใจให้หม่อมฉันหยุดแล้วเฝ้าดูเหตุการณ์นั้นจนได้ นางผู้นั้นที่กำลังจะเข้าไปในตำหนักบุกบี แต่ก็ได้ล่าถอยกลับไป”
หยางหยางจ้องเขม็งไปยังโฮซานาด้วยสายตาที่ทั้งโกรธและเศร้าสร้อย นางตั้งใจไม่เอ่ยนามของโฮซานา ความแค้นของนางเอ่อล้นไปถึงลำคอ หยางหยางเอ่ยปากพูดต่อไปด้วยความหนักอึ้ง
“หม่อมฉันเห็นนางผู้นั้น รับของบางอย่างจากฝ่าบาทฮวางเซจาเพคะ”
นางกำนัลของตำหนักบุกบีรับ ‘ของบางอย่างที่น่าสงสัย’ จากฮวางเซจา คือข้อสรุปคำให้การของหยางหยาง
รูแฮส่งแรงฮึดฮัดจากลำคอของตน แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของบีพาอัน แน่นอนว่ารูแฮจำเหตุการณ์ที่หยางหยางเล่าได้ เขานึกออกทันทีที่ได้เห็นโฮซานาที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกหยาบกับเก้าอี้ นางกำนัลที่พอเห็นเขาก็ตัวสั่นเทา ห่อเครื่องหอมที่นางทำตกด้วยความรีบร้อน และเขาที่หยิบห่อผ้านั้นขึ้นมา พลางเรียกนางให้หยุดเดิน
“ในตอนนั้นหม่อมฉันไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่พอมาตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นยาพิษเพคะ”
ยาพิษ
คำสั้นๆ นี้ ทะลุทะลวงบรรยากาศอันน่าอึดอัดของศาลหลวง และทิ่มแทงใจอย่างรุนแรง ทั้งเยือกเย็นและแหลมคม รูแฮกล่าวคัดค้านขึ้นมา ซึ่งเป็นการพังทลายความเงียบงันอันหนาวเหน็บและน่าหวาดหวั่น
“กระหม่อมเรียกนางไว้เพื่อมอบห่อเครื่องหอมให้นางนั้นคือเรื่องจริง แต่สิ่งนั้นหาใช่สิ่งที่กระหม่อมจัดเตรียมไปเองไม่ หากแต่เป็นสิ่งของที่นางทำตกพ่ะย่ะค่ะ”
“ห่อเครื่องหอมอย่างนั้นหรือ” บีพาอันทวนคำพูดของรูแฮ พลางมองและพยักหน้าให้สัญญาณทหารราชองครักษ์นายหนึ่ง เสียงฝีเท้าของทหารสองสามนายรุดออกจากกรมราชองครักษ์ไป บีพาอันถามหยางหยางต่อ
“นางกำนัล หยางหยาง เจ้าเห็นโฮซานาทำของสิ่งนั้นตกพื้นหรือไม่”
“หม่อมฉันได้ยินฮวางเซจาเรียกนาง จึงได้มองไปที่ประตูเล็ก หากว่าฝ่าบาทฮวางเซจาทรงหยิบของก่อน แล้วค่อยเรียกนางล่ะก็…”
“เห็นหรือไม่เห็น ตอบมาเท่านั้นพอ” บีพาอันพูดตัดบทหยางหยาง ที่กำลังพยายามพูดอย่างระมัดระวัง และมองในมุมของรูแฮด้วย หยางหยางตอบกลับไปอย่างขลาดกลัวว่า
“ม ไม่เห็นเพคะ”
รูแฮพูดค้านขึ้นมาอีกครั้ง
“กระหม่อมหยิบห่อเครื่องหอมที่ตกพื้นขึ้นมา แล้วจึงเรียกนางที่รีบร้อนให้หยุด นางกำนัล หยางหยางได้เห็นกระหม่อมหลังจากที่กระหม่อมได้เรียกนางกำนัลนางนั้นให้หยุด ซึ่งในขณะนั้นกระหม่อมได้หยิบมันขึ้นมาถือไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่านางกำนัล หยางหยางจะไม่สามารถเห็นข้าก้มลงหยิบมันขึ้นมาได้ ขอทรงพิจารณาลำดับเหตุการณ์อย่างแน่ชัดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าการตะโกนของรูแฮกลับกลายเป็นคำร้องที่ไม่มีเสียงสะท้อนใดกลับมา บีพาอันไม่แม้แต่จะฟังคำค้านของรูแฮ บีพาอันพยักหน้าส่งสัญญาณให้หยางหยางออกไป หลังจากที่นางออกไปแล้ว การไต่สวนก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ฮวางเซจาเอง ในฐานะพ่อทูนหัว ได้พบปะกับชายาเซจาสองต่อสองบ่อยเพียงใดหรือ”
“ปกติจะพับกันทุกๆ สองวันพ่ะย่ะค่ะ หากนานหน่อยก็ไม่เกินสี่วัน”
“ค่อนข้างบ่อยทีเดียว”
“เรื่องนั้น…”
“เรารู้ดีอยู่แล้ว ว่าเจ้าเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง” บีพาอันตัดบทรูแฮ แต่ก็พูดเชิงสนับสนุน แต่ถึงขั้นนี้แล้วมันฟังดูเหมือนเป็นการล้อกันเล่นเสียมากกว่า และแล้ว
“ว่าแต่ ฮวางเซจาที่แน่ชัดว่ามีความรับผิดชอบสูง จนไปยังตำหนักบุกบีอย่างสม่ำเสมอทุกๆ สองวัน เหตุใดช่วงนี้จึงไม่ได้ไปพบชายาเซจาเลย”
“การเตรียมการจัดสอบเข้ารับราชการรอบแรกในฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว งานในฝ่ายพิธีการจึงยุ่งมากพ่ะย่ะค่ะ”
“การเตรียมการจัดสอบเข้ารับราชการรอบแรกของฝ่ายพิธีการ เริ่มในช่วงนี้ของทุกปีเลยหรือ”
เป็นคำถามที่หวังให้รูแฮติดกับอีกแล้ว อุบายของบีพาอันชัดแจ้งเกินไป แต่รูแฮก็ตอบตามความจริง
“ช่วงเวลาที่แน่นอนไม่อาจกำหนดชัดได้ แต่บอกได้ว่าเริ่มเตรียมงานในช่วงเวลาไร่เรี่ยกันเสมอพ่ะย่ะค่ะ”
“แม้จะงานยุ่งถึงเพียงนี้ แต่เมื่อแปดวันที่แล้ว เจ้าก็ยังไปยังตำหนักบุกบีสินะ นั่นก็เป็นการไปหาชายาเซจาด้วยหน้าที่ของพ่อทูนหัวใช่หรือไม่”
เมื่อแปดวันที่แล้ว คือจุดเริ่มต้นแห่งการถาโถมเข้ามาของงาน งานที่ถามโถมเข้ามาทำให้รูแฮเกิดความวู่วาม เขาเกรงว่างานที่ยุ่งจะทำให้ต้องเลื่อนวันมอบจดหมายให้แก่กโยซึลไปอีก
ดังนั้นกระหม่อมจึงหาเวลาไปตำหนักบุกบี เพื่อมอบจดหมาย แล้วก็กลับมา
ในวันนั้นรูแฮมอบจดหมายให้แก่กโยซึล แล้วกลับไปยังวังใต้ โดยไม่ได้เข้าพบฮเยจิน ความพึงพอใจจากการที่ได้มอบจดหมาย บวกกับความยุ่งเหยิงในจิตใจ ทำให้เขาไม่ได้เข้าไปพบชายาเซจา นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ รูแฮตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า
“ในวันนั้นกระหม่อมไม่ได้เข้าพบชายาเซจาพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงไปยังตำหนักบุกบี ในเมื่อไม่ได้จะไปเข้าพบชายาเซจา”
เพื่อไปพบกโยซึลอย่างไรล่ะ เพราะได้พบกับกโยซึลที่ตำหนักบุกบีอยู่เสมอ เลยจะนำจดหมายไปมอบให้แก่นาง
รูแฮกลืนน้ำลาย ครั้นพอเมื่อรูแฮตอบช้า บีพาอันจึงถามย้ำอีกครั้ง
“จะบอกว่าเจ้าดั้นด้นเดินจากตำหนักนัมชอนที่อยู่วังใต้เพื่อไปยังตำหนักบุกบีที่อยู่วังเหนือ โดยที่ไม่แม้แต่จะเข้าพบชายาเซจาหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ” รูแฮตอบสั้นๆ
ครั้งนี้เขาไม่อาจแก้ตัวอะไรได้เลย เขาทำได้เพียงยอมรับหลักฐานที่อยู่ของตนเองเท่านั้น เสียงซุบซิบของเหล่าเสนาบดีรอบๆ ลานไต่สวนค่อยๆ ดังขึ้น
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจพูดความจริงออกไปตรงๆ ได้ ว่าตนไปเพียงแค่พบกับกโยซึลที่นั่นแล้วกลับไป เรื่องที่ไปพบกโยซึล เขาไม่อาจบอกบีพาอันได้
***
การไต่สวนคือการโต้แย้งที่กินแรง รูแฮยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนบีพาอันเองก็ดำเนินการไต่สวนอย่างร้ายกาจ พยายามต้อนผู้บริสุทธิ์ให้กลายเป็นผู้กระทำผิดให้ได้ การโต้เถียงอันยาวนานและดุเดือดยังไร้ซึ่งผลแพ้ชนะ
บีพาอันได้กลับตำหนักดงชอนก็เมื่อฟ้าเริ่มมืดและกลายเป็นสีแดงแล้ว ในที่สุดก็จะได้ล้มตัวลงนอนพักเสียที ทว่ากลับมีแขกที่คิดไม่ถึงรอเขาอยู่เสียอย่างนั้น
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาฮวางแทจา กโยซึลทรงขอเข้าเฝ้า และทรงรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”
กโยซึลมาหาและเฝ้ารอตั้งแต่ที่บีพาอันยังไม่กลับมา นี่คือปัญหาที่ยากกว่าการไต่สวนอันยาวนั้นที่เพิ่งจบไปเมื่อครู่เสียอีก
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ”
กโยซึลเอ่ยเรียกบีพาอันด้วยน้ำเสียงราวกับล้มลงในตอนนั้นก็มิปาน บีพาอันหาได้ตอบกลับ เขาเอาแต่จ้องมองกโยซึลด้วยสายตาเย็นชา กโยซึลเปิดริมฝีปากเล็กและแห้งของนาง แล้วพูดว่า
“ฮวางเซจาทรงอยู่กับหม่อมฉันในตอนนั้นเพคะ”