ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 41-1 ความว้าวุ่นใจ
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 41-1 ความว้าวุ่นใจ
“แม่นม นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน”
กโยซึลตะโกนถามอย่างร้อนใจ ดวงตาของนางสั่นไหวอย่างรุนแรง นางรู้สึกคอแห้งผากไปชั่วขณะ ข่าวเรื่องฮเยจินหมดสติว่าน่าตกใจแล้ว แต่สิ่งที่ได้ฟังต่อจากนั้นมันน่าตกใจยิ่งกว่า
“หมายความว่าอย่างไรกันที่ว่าฮวางเซจาถูกจับกุมตัว”
กโยซึลดึงแขนของแม่นมไม่หยุด คิ้วที่เลิกขึ้นสูงกับสายตาที่น่าสงสารแสดงถึงหัวใจที่แตกสลายของนางได้เป็นอย่างดี แม้ว่าแม่นมเองจะพอคาดเดาความรู้สึกของกโยซึลได้ แต่นางก็ยังตกใจกับความกระวนกระวายนี้อยู่ดี
“ศาลหลวง ได้ยินว่าได้มีการตั้งศาลหลวงที่พระราชวังกลางเพคะ”
“ศาลหลวงอย่างนั้นหรือ นั่นสำหรับสอบสวนนักโทษคดีร้ายแรงไม่ใช่หรือ ฮวางเซจาจะเป็นนักโทษคดีร้ายแรงไปได้อย่างไร ยังที่บอกว่าเป็นกบฏอีก!”
“พระชายาเซจาทรงหมดสติไป ทว่าบุตรในครรภ์ของพระองค์กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงกว่ามากเพคะ”
หลานขององค์จักรพรรดิตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่เพียงหลานธรรมดา ทว่ายังเป็นทายาทของหนึ่งในองค์รัชทายาททั้งสี่พระองค์อีกด้วย ไม่ว่าต่อไปจะได้เป็นแทฮวางกุน[1] หรือแทฮวางจู[2] ขอเพียงแค่อยู่ในลำดับชั้นของผู้สืบสันตติวงศ์ ก็มีโอกาสได้รับการแต่งตั้งเป็นฮวางแทซน[3] ทั้งนั้น
“เล่ามา เล่ามาโดยละเอียดกว่านี้” กโยซึลเร่งเร้าแม่นม แรงที่จับและดึงแขนของแม่นมค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ มือของนางขาวทั้งสั่นเทาและร้อนรน แม่นมจ้องมองกโยซึลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังคงเล่าข่าวที่ได้ยินมาโดยละเอียดอย่างใจเย็น
“เมื่อวานซืนในตอนเย็น พระชายาเซจาบ่นว่าปวดท้องแล้วก็ทรงหมดสติไปเพคะ เนื่องจากอีกไม่นานก็จะถึงกำหนดคลอดแล้ว เลยคาดเดาว่าอาจจะเป็นการคลอดก่อนกำหนด ทว่าพอตรวจดูแล้ว หาใช่การเจ็บท้องคลอดไม่เพคะ”
ฮเยจินท้องแก่แล้ว แต่มาปวดท้องโดยที่ไม่ใช่การเจ็บท้องคลอดเช่นนี้ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเหตุการณ์ที่น่ากลัว
“หมอหลวงก็พากันมายังตำหนักบุกบี มีการประกาศเหตุฉุกเฉิน ฝ่าบาทเซจาทรงโมโหมาก จนพังของล้มระเนระนาดไปหมดเลย แต่เนื่องจากมีการจัดการที่รวดเร็วจึงทำให้สามารถจับคนร้ายที่พยายามหนีออกไปจากตำหนักบุกบีได้ทันเพคะ”
“คนร้ายอย่างนั้นหรือ”
“นางกำนัลที่ถวายข้าวเหนียวนึ่งธัญพืชผสมยาพิษให้แก่พระชายาเซจาเพคะ เมื่อทราบเรื่องยาพิษ พร้อมทั้งจับคนร้ายได้ จึงมีการเปิดศาลหลวงชั่วคราว องค์จักรพรรดิได้ทรงมอบหมายให้ฝ่าพระบาท
ฮวางแทจาเป็นผู้ไต่สวนเพคะ”
“เมื่อวาน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวานเช่นนั้นหรือ”
พระราชวังนั้นกว้างใหญ่ กโยซึลไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนอกวังตะวันออกเลย อาจเป็นเพราะพวกเขาทำการไต่สวนลับๆ เพื่อจับคนร้ายตัวจริงที่เป็นคนออกคำสั่งให้นางกำนัลนางนั้นกระทำการเช่นนั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงฉุกละหุกและสับสนอลหม่านยิ่ง
“เนื่องจากนางกำนัลนางนั้นเพียงคนเดียว ไม่มีทางที่จะทำเรื่องชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้ จึงมีการสืบสวนเกี่ยวกับนางโดยละเอียด จึงได้พบผู้ที่เห็นนางกำนัลนางนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับฝ่าบาทฮวางเซจาแถวๆ ตำหนักบุกบีด้วยเพคะ ราชองครักษ์จึงไปปิดล้อมวังใต้”
“เป็นไปไม่ได้” พอได้ฟังคำอธิบายจากแม่นมแล้ว ร่างกายของกโยซึลก็หมดเรี่ยวแรง นางทรุดลงกับพื้นและเหม่อลอยไร้สติ
“ด้วยเหตุผลแค่นั้นน่ะหรือที่ทำให้เขาถูกจับตัวไป มันใช้ไม่ได้เลย หลักฐานยืนยันก็ไม่มี เช่นนี้คือการใส่ร้ายป้ายสีไม่ใช่หรือ”
ถูกจับเพียงเพราะเคยพูดคุยกับนางกำนัลที่วางยาพิษอย่างนั้นหรือ
บินซองเป็นรัชทายาทอันดับที่สี่ ถือเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากราชบัลลังก์มากที่สุด แต่ก็แน่ชัดว่าเขาคือผู้ที่องค์จักพรรดิทรงรักและเอ็นดูที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสี่ และการที่การไต่สวนนั้นรวดเร็วและเป็นความลับเช่นนี้ เพราะผู้ที่ถูกจับกุมคือหนึ่งในองค์รัชทายาท การที่องค์จักพรรดิไม่ทรงลงมาไต่สวนเอง ก็ถือเป็นการทรงใส่พระทัยรูแฮเช่นกัน
แม้ได้ฟังที่มาที่ไปโดยละเอียดแล้ว แต่กโยซึลกลับไม่อยากจะเชื่อมัน นางปฏิเสธเรื่องราวเหล่านี้ด้วยเสียงสั่น
“ไม่มีทาง ไม่มีทางที่เขาผู้นั้นจะทำแบบนั้นได้ไม่ใช่หรือ!”
“โธ่ พระชายาเพคะ”
แม่นมดึงกโยซึลเข้ามากอด แม้กโยซึลจะไม่รู้ตัว ทว่าในตอนนี้ตัวของนางกำลังสั่นอย่างรุนแรง
“หม่อมฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร ได้ยินว่ามีพยานเห็นเหตุการณ์เพคะ”
“แต่แค่เหตุผลที่ว่าเห็นเขาคุยกับนางกำนัลนางนั้น จะสามารถกล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏได้อย่างไร!”
กโยซึลกรีดร้อง แม่นมไม่ตอบอะไรออกไป นางทำได้เพียงแค่ลูบหลังกโยซึลไปมา ขณะนี้กโยซึลสามารถเป็นลมล้มไปเมื่อไรก็ได้ นางหัวหมุนและวิงเวียนไปหมด ทว่านางก็ยังตั้งสติได้จนถึงที่สุด จะมาเหม่อลอยอยู่ที่นี่โดยไม่รู้ความเป็นไปของการไต่สวนไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้า ถ้า แล้วถ้าเช่นนั้น เขาเป็นอย่างไรบ้าง” เป็นคำถามที่เปี่ยมด้วยความกลัว ถึงแม้ว่าการที่ถูกนำตัวไปสอบสวนด้วยข้อหากบฏเช่นนี้ จะพอคาดเดาสถานการณ์ได้อยู่บ้าง แต่นางไม่อยากจะเชื่อมัน
กโยซึลถามออกไปด้วยใจที่ไม่อยากยอมรับความจริง
“ว่ากันว่าหากเป็นศาลหลวง เมื่อถูกจับตัวไป ต่อให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกปล่อยตัวออกมาง่ายๆ เพคะ…”
มันเป็นเพียงแค่การปลอบใจเท่านั้น แม้นางจะอ่านใจที่รวดร้าวนายตนออก ทว่าก็ไม่อาจโกหกออกไปได้คำพูดที่ตรงเกินไปของแม่นมทำให้ เชือกเส้นสุดท้ายที่ยึดกโยซึลเอาไว้ได้ขาดลงไปเสียแล้ว ดวงตาที่ว่างเปล่าของกโยซึลจ้องมองไปในอากาศ ราวกับว่าหัวใจของนางจะระเบิดออกมา มันเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาก็ไม่ปาน ความเจ็บปวดราวกับถูกไม้แหลมทิ่มแทงที่โอบรัดหัวใจนางไว้ก็ยังดำเนินต่อไป ระหว่างที่นางกำลังเจ็บปวดกับสิ่งเหล่านั้น กโยซึลก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
ทำไมจึงรู้สึกเหมือนได้สูญเสียโลกทั้งใบไปแล้วอย่างนี้นะ
แค่รูแฮถูกพาไปยังศาลหลวงเท่านั้นเอง มันเป็นเพียงการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน คล้ายกับเป็นการปั้นเรื่องใส่ร้าย เขาจะถูกปล่อยออกมาแน่นอน จะถูกปล่อยตัวออกมาโดยแน่ เพราะเขาไม่มีความผิดใดเลย ผู้ที่ไร้ความผิดไม่อาจถูกลงโทษได้ ไม่สิ นี่ไม่ใช่การไต่สวนธรรมดา แต่เป็นการไต่สวนในราชสำนัก คือศาลหลวงที่เมื่อถูกจับเข้าไปแล้ว จะไม่ได้ออกมาแบบครบสามสิบสองประการ
กโยซึลที่เหม่อลอยไปในความสับสนวุ่นวาย ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาอย่างลำบาก นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงว่า
“เราจะเสียเขาไปไม่ได้”
เข้าใจแล้ว ตอนนี้รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และทำได้แค่เพียงยอมรับมัน กโยซึลนั้นแม้จะต้องเจอกับความยุ่งยากใดที่จะตามมา แต่นางก็ไม่อาจยอมเสียรูแฮไปได้ นางไม่อยากเสียเขาไป แต่ว่าก็ทำได้เพียงยอมรับมัน การถูกจับไปศาลหลวงนั้น ไม่ตาย ก็ถูกปล่อยออกมาแบบลูกผีลูกคน มีเพียงสองทางเท่านั้น
——
[1] แทฮวางกุน หลานชาย
[2] แทฮวางจู หลานสาว
[3] ฮวางแทซน หลานที่สามารถสืบทอดบัลลังก์ได้