ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 50-1 คู่รักกลางสายฝน
ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 50-1 คู่รักกลางสายฝน
ฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดมักจะตามมาด้วยฝนชื้น สายฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาตกกระทบกระเบื้องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดโดยง่าย ฝนตกแรงถึงเพียงนี้ ทว่ากโยซึลยังคงดึงดันที่จะออกไปข้างนอก ขณะนี้นางจึงกำลังถกเถียงกับแม่นมอยู่
“พระชายา จะเสด็จไปที่ใดกันเพคะ”
“เรานัดกับเขาไว้แล้ว แม่นม เราจะรีบกลับมา ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฝนตกอยู่นะเพคะ แถมยังตกหนักอย่างกับฟ้ารั่วเช่นนี้ จะทรงออกไปได้อย่างไรกันเพคะ หากทรงประชวรขึ้นมาจะทำอย่างไรเพคะ”
หลังจากที่กโยซึลนำจังอด[1]มาคลุมตัว แม่นมก็รีบรั้งชายเสื้อไว้ทันที ทว่ากโยซึลก็ยังคงยืนยันคำเดิม
“แม่นม เราบอกแล้วอย่างไรว่านัดกับเขาไว้แล้ว”
“บ่าวจะไปบอกท่านให้เองเพคะว่าวันนี้พระชายาเสด็จมาไม่ได้เพราะฝนตก”
พอได้ฟังคำที่แม่นมพูด กโยซึลก็เบะปากไม่พอใจ นางที่กำลังจับชายเสื้อจังอดด้านหน้าไว้แน่นเพื่อให้มันคลุมทั้งตัว เหลือไว้เพียงใบหน้า หันหน้าหนีแม่นม
“เราจะไปเอง เราต้องไปเอง เราไม่ยอมให้ฝนแค่นี้มาทำให้เราไม่ได้พบกับคนที่เราคิดถึงหรอก”
กโยซึลที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา ใบหน้าแดงเผือด คนที่คิดถึงอย่างนั้นหรือ ถึงว่าจะไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่ทั้งกโยซึลและแม่นมต่างรู้ดี มันคือความลับเดียวภายในพระราชวังที่มีแค่ทั้งคู่ที่รู้ ในที่สุดแม่นมก็ยอมปล่อยชายเสื้อ นางยกยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจกโยซึล
“หากทรงตรัสเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันจะกล้ารั้งพระองค์อีกได้อย่างไรเพคะ”
กโยซึลที่ยกยิ้มกว้างเดินไปที่ประตู ระหว่างที่นางเดินผ่านประตูหลายบาน นางรู้ว่าแม่นมเดินตามหลังมา ทว่านางก็ไม่ได้หันกลับไปพูดอะไร แม่นมยอมปล่อยให้กโยซึลไปตามที่พูด ทันทีที่กโยซึลฝ่าสายฝนที่ตกหนัก ที่หากกระทบโดนผิวเนื้อจะต้องรู้สึกเจ็บแสบเป็นแน่ ออกไปข้างนอก เหล่าซังกุงต่างตกใจหันกลับไปมองแม่นม แม่นมนั้นหาได้ตามนางออกไป นางเพียงยืนมองชายเสื้อคลุมที่ปลิวไหวของกโยซึลที่กำลังมุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ เหล่าซังกุงเดินเข้ามาหาแม่นม
“ยูอนบูอิน เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ เหตุใดพระชายาฮวางแทจาถึงได้…”
“พระชายาของฉันน่ะ หากฝนตกทรงต้องออกไปตากฝนจึงจะสบายพระทัย” แม่นมยกยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“ยูอนบูอินไม่ตามไปด้วยหรือเจ้าคะ”
แม่นมที่ได้ยินซังกุงถามถือเรื่องนางควรจะทำ เหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงส่ายหน้าอีกครั้ง
“ปล่อยให้เสด็จไปลำพัง พระองค์จะทรงมีความสุขมากกว่า”
กโยซึลหายเข้าไปท่ามกลางสายฝนที่เทลงมา ถึงแม้ว่าจะดีใจที่กโยซึลพยายามจะมีความสุขอีกครั้ง ทว่าใจหนึ่งแม่นมก็รู้สึกห่อเ**่ยวอยู่บ้าง
***
ทั่วทุกบริเวณเปียกแฉะ ถึงแม้ว่าจะมีผ้าคลุมอยู่ ทว่าเม็ดฝนก็เล็ดลอดเข้ามาระหว่างชายผ้าที่เปิดออก เพราะต้องวิ่งบนทางเดินที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน รองเท้าจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน เฉอะแฉะเพราะน้ำฝนที่ซึมเข้าไปถึงด้านใน ถึงกระนั้นกโยซึลก็หาได้หยุดวิ่ง ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ตนได้วิ่งอย่างนี้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ร่างกายได้ถูกฝนตรงๆ อย่างนี้ หน้าตาและมารยาทภายในพระราชวังที่ต้องรักษามาตลอด บัดนี้ได้ถูกซัดหายไปพร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ในตอนนี้ไม่มีใครจำได้ว่ากโยซึลคือชายาฮวางแทจา กโยซึลมุ่งหน้าวิ่งไปยังที่แห่งหนึ่ง ไร้ซึ่งช่องว่างให้นางได้ยินดีกับอิสรภาพที่ได้รับอีกครั้ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความร่าเริง
ประตูใหญ่ที่ไม่สูงนักอยู่ตรงหน้า พื้นดินแข็งปกคลุมด้วยหญ้าเขียวจนทำให้มันกลายเป็นพื้นนุ่ม ต้นไม้รอบๆ เอนไหวและเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน กโยซึลเดินผ่านมันไปสักพักจึงเห็นเนินเขาอยู่ตรงหน้า นางที่วิ่งมาอย่างไม่หยุดพัก หยุดอยู่กับที่ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเนินนั้นมีคนผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกสายฝนบดบังจึงมองเห็นคนผู้นั้นได้ไม่ชัดนัก ทว่าผู้ที่จะมายืนอยู่ตรงนั้นได้ในวันที่ฝนตกหนักราวกับฟ้ารั่วเช่นนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
รูแฮ ณ ตอนนี้เขาคือคนรักที่กโยซึลรักใคร่ยิ่งกว่าผู้ใด
กโยซึลเดินไปหาเขาด้วยสีหน้าดีอกดีใจอย่างไม่ปิดซ่อน และเขาเองก็คงจะเห็นนางแล้วเช่นกัน ถึงได้รีบเดินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
“กโยซึล!”
สิ่งที่แรกที่สัมผัสได้คือปกเสื้อที่เย็นเฉียบ แต่หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากตัวรูแฮในทันที ทั้งคู่ต่างยินดีที่ได้พบกัน
“มีเพียงจังอดตัวบางเท่านี้เองหรือ ทั้งที่ฝนตกหนักถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงได้มาที่นี่”
“เช่นนั้นรูแฮเองมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ฝนตกถึงเพียงนี้แต่หาได้นำสิ่งใดมาคลุมไม่”
“แน่นอนว่าข้ากำลังรอกโยซึลอยู่อย่างไรเล่า”
“เช่นนั้นเราถึงได้มาที่นี่อย่างไรล่ะ”
กโยซึลเงยหน้ามองรูแฮด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำฝนไหลลงจากใบหน้าเปื้อนยิ้มของรูแฮ ถึงแม้ว่าจะยื่นมือออกไปเช็ดมันเท่าไร มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลลงมาเลย
“แต่ถือว่ามีข้อดีอยู่ข้อหนึ่งที่ฝนตกเช่นนี้”
กโยซึลที่กำลังจะถามว่ามันคืออะไร พลันถูกรูแฮแย่งจังอดไปแล้วใช้มันคลุมศีรษะทั้งคู่ หลังจากนั้นนางก็หาได้พูดอะไรออกมาอีก จังอดสีม่วงใหญ่พอที่จะใช้คลุมทั้งคู่ไว้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะยืนอยู่ได้อย่างสะดวกสบายนัก กโยซึลต้องแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮเพื่อให้ทั้งคู่อยู่ในรัศมีของจังอด นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากตัวรูแฮ และสัมผัสได้ว่าใบหน้าของตนเห่อร้อนเพียงใด กโยซึลทำได้เพียงภาวนาด้วยใจที่ขวยเขินว่าขอให้ความร้อนนี้ส่งไปไม่ถึงรูแฮ
“เพราะฝนตกจึงไม่มีผู้คนเดินไปมาภายในราชสำนัก ทำให้เราไม่เป็นที่สะดุดตา เพราะฝนตกทำให้เราต้องใช้จังอดคลุมเพื่อกันฝน จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเรากำลังทำสิ่งใดกันอยู่ นี่ถือว่าดีนัก”
รูแฮกระซิบข้างหูกโยซึลเบาๆ ตอนนี้ไม่เพียงแค่ใบหน้า ทว่าทั่วทั้งตัวของกโยซึลเปลี่ยนเป็นสีแดง มือทั้งสองข้างของนางที่จับปกเสื้อของรูแฮอยู่ร้อนผ่าวจนรูแฮต้องรับรู้ได้แน่
——
[1] จังอด ชุดตัวนอกสำหรับให้หญิงที่แต่งงานแล้วใช้คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าเวลาออกไปข้างนอก