ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 56-1 ที่นั่งที่ว่างเปล่า
มือที่ยื่นมาดันมูออกไปจากกโยซึลนั้นคือมือของบีพาอัน
“แทฮวางกุนน่าจะต้องเรียนรู้มารยาทเพิ่มขึ้นเสียแล้ว” น้ำเสียงเยือกเย็นของบีพาอันถูกส่งไปทางมู เขาหดตัวลง ส่วนดึกวอลที่ไม่สามารถห้ามปรามการกระทำของมูได้รีบวิ่งขึ้นบันไดมาวางมือบนไหล่ของมูแล้วก้มหัวลง
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี เข้าเฝ้าฝ่าพระบาทฮวางแทจาและพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ”
ที่ดึกวอลไม่ได้กล่าวถึงกโยยองนั่นก็เป็นเพราะว่าพระสนมของฮวางแทจาไม่สามารถรับการคารวะได้ และเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามองไปทางกโยยอง และรีบเอ่ยขออภัยในทันที
“พระชายาฮวางแทจา ขอประทานอภัยแก่การกระทำที่ไม่มีมารยาทของมูด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาทฮวางแทจาขออภัยที่มูล่วงเกินพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” ดึกวอลมองมูด้วยสายตาที่เป็นห่วงผสมกับสายตาตำหนิ มูเบ้ปากแล้วมองขึ้นไปทางพ่อของตน
“หม่อมฉัน ไม่เป็น…”
“ดึกวอล แม้ว่าแทฮวางกุนจะยังเด็ก แต่ก็ถึงวัยที่จะต้องรู้จักมารยาทแล้วมิใช่หรือ” บีพาอันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกขัดคำพูดของกโยซึลขึ้นมาก่อน ดึกวอลใช้มือจับหัวของมูให้ก้มลง แล้วตัวเองก็ก้มศีรษะลงด้วยเช่นกัน
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสั่งสอนเรื่องกฎระเบียบให้กับมูอย่างเคร่งครัดพ่ะย่ะค่ะ”
โอรันที่มีสีหน้าวุ่นวายใจรีบตามขึ้นมาแล้วทำความเคารพด้วยคำคารวะสามพันปี จากนั้นก็ไรีบเข้าไปหามู โอรันย่อตัวลงให้เท่ากับมูแล้วจับมือของเขาไว้
“แทฮวางกุน แม่พูดอยู่บ่อยๆ มิใช่หรือว่าต้องประพฤติตัวอย่างสุภาพเสมอ”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ กระหม่อมเพียงเห็นว่าพระชายาขี้โรคยืนอยู่…”
มูทำปากยื่นใส่คำตักเตือนของโอรัน อาจเป็นเพราะว่ามูถูกใจกโยซึลมาก แม้จะถูกตำหนิอยู่แต่ก็ยังคอยแอบมองและส่งยิ้มให้กับกโยซึลอยู่ตลอด เมื่อกโยซึลได้เห็นท่าทางนั้นของเด็กน้อย นางก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว โอรันจับมือมูพาไปนั่งที่โต๊ะข้างๆ แล้วหลังจากที่ดึกวอลก้มศีรษะขอโทษบีพาอันกับกโยซึลไปหลายครั้งเขาก็ไปนั่งที่โต๊ะของตน แม้ดึกวอลจะมีท่าทีที่สุภาพอ่อนน้อมแต่ไม่รู้ว่าทำไมกโยซึลยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับเขา หรืออาจจะเป็นเพราะแสงดุดันที่ไม่จางหายไปจากในส่วนลึกของดวงตาของดึกวอล กโยซึลที่มองโต๊ะด้านข้างอยู่หันมาจัดปกเสื้อของบีพาอัน
“ว่าแต่ องค์แทจา ดึกวอลนั้นทรงมีพระชนมายุมากกว่าฝ่าพระบาทฮวางแทจามิใช่หรือเพคะ”
บีพาอันที่หันไปหากโยซึลคงจะไม่พอใจในคำถามของนางจึงหันหน้ามามองตรงๆ แล้วหลับตาลง
“สิ่งที่สำคัญในพระราชวังมีเพียงแค่ชาติกำเนิดกับตำแหน่งของเท่านั้น เราคือฮวางแทจา พระราชโอรสของฮวังฮู ดึกวอลเป็นเพียงบุตรของฮวังบี ซู ฉะนั้นไม่ว่าดึกวอลจะอายุมากกว่าเราเท่าใด เขาก็ต้องนอบน้อมต่อเรา”
ตอนที่บีพาอันหันหน้าไป กโยซึลคิดว่าเขาจะไม่สนใจในคำถามแล้ว นางอมองบีพาอันอยู่ตลอดเวลาที่เขาอธิบาย ดวงตาทั้งสองที่หลับลงถูกปกคลุมด้วยขนตายาว กโยซึลที่เฝ้ามองบีพาอันที่ดูเหมือนรูปปั้นอันแสนเยือกเย็นอยู่ หันกลับไปมองโต๊ะอีกครั้ง
เสียงเป่าหอยสังข์อันใหญ่ดังขึ้น งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ออฮยูลเจและฮวังฮู แทรยองลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นฮวังบี เยและฮวังบี ซูก็ลุกขึ้นตาม เมื่อทุกคนทั้งหมดยืนขึ้นเสียงเป่าหอยสังข์ก็เบาลง และในขณะเดียวกันทุกคนในชั้นที่เหลือก็ลุกขึ้นยืน แล้วกลับหลังหันมองขึ้นไปด้านบน จากนั้นทุกคนก็ก้มคำนับทำความเคารพเป็นเสียงเดียวกันดังๆ ว่า
“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นปีหมื่นปี ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ” ทุกคนลุกขึ้นคำนับอีกครั้ง
“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นปีหมื่นปี ถวายบังคมองค์ฮวังฮู” แล้วก็ทำอีกเป็นครั้งที่สาม
“ขอแสดงความยินดีแด่ฮวังบี ซูเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ” เมื่อทุกคนทำความเคารพเสร็จก็โค้งตัวลงอีกครั้ง แล้วตะโกนออกไป
“ขอให้มีพระเกษมสำราญพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”
เมื่อการทำความเคารพทั้งหมดสิ้นสุดลง ออฮยูลเจก็ยกมือขวาขึ้น “วันนี้ ขอขอบใจทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของฮวังบี ซู ฮวังบีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงสำหรับฮวังบี ซูในนี้”
เมื่อออฮยูลเจพูดจบอย่างสั้นๆ เขาก็เอามือไพล่หลัง กโยซึลไม่รู้ว่านี่คือการเสียมารยาทหรือไม่ ทว่านางก็พิจารณาดูพวกเขาอย่างตั้งใจ เป็นโอกาสที่จะได้พิจารณามองดูพวกเขาจากระยะห่างที่พอเหมาะ แม้ว่า
ออฮยูลเจจะมีอายุที่เยอะแล้วแต่ก็มีรูปร่างกำยำ และมีหนวดที่เลี้ยงไว้จนยาวลงมาถึงหน้าอก และฮวังฮู แทรยองที่ได้ยินมาว่านางมีอายุมากกว่าออฮยูลเจแต่กลับกลายเป็นว่าดูเด็กกว่าออฮยูลเจ อาจเป็นเพราะตอนนี้นางกำลังยิ้มอยู่ ตาของนางจึงดูเล็กมาก แม้ว่าฮวังฮู แทรยองจะดูแต่งองค์ทรงเครื่องหรูหราสวยงามกว่าใครในงานนี้ให้สมกับที่เป็นฮวังฮู แต่นางก็สวมผ้าพันคอไว้ทั้งๆ ที่อากาศยังคงร้อนอยู่ ทว่าพอมองดูดีๆ แล้ว ผ้าพันคอที่นางพันไว้นั้นไม่ใช่ผ้าพันคอ แต่เป็นสัตว์ตัวยาวๆ ขนสีขาว และแน่นอนว่านั่นคือพังพอน สัตว์เลี้ยงของฮวังฮู แทรยองนั่นเอง
ทางฝั่งซ้ายของออฮยูลเจ ฮวังบี ซูที่สวมชุดสีเหลืองประกายแสดนั้นยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถเก็บซ่อนความสุขไว้ได้ ฮวังบี ซูใส่เครื่องประดับที่เป็นเพชรพลอยเท่านั้นตรงกันข้ามกับฮวังฮูที่ใส่เครื่องประดับจากอัญมณีหลากสีและหยก ด้วยเหตุนี้เมื่อเพชรพลอยของฮวังบี ซูกระทบกับแสงอาทิตย์ก็ทำให้วิกผมคาเชของนางส่องแสงสีขาวออกมา และเนื่องจากฮวังบี ซูเป็นเจ้าของงานในวันนี้ นางจึงสวมชุดที่มีสีโดดเด่น แต่ทว่าสำหรับนางที่เป็นสาววัยกลางคนแล้วไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไร
สุดท้าย สุภาพสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮวังบี ซู ที่กำลังยิ้มและมองฮวังบี ซูอยู่ ดวงตาของกโยซึลที่กำลังมองฮวังบี เยอยู่นั้นสั่นเครือ เสื้อผ้าของนางนั้นดูภูมิฐานมากกว่าหรูหรา เคยได้ยินมากจากพวกซังกุงว่าในพระราชวัง ตอนนี้สตรีที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของออฮยูลเจคือฮวังบี เย แม้จะเป็นหญิงวัยกลางคนแต่ก็ทิ้งห่างจากนางสนมเด็กๆ ไปได้ เลยพอน่าจะรู้เหตุผลว่าเหตุใดนางถึงได้รับความโปรดปรานมากมายจากออฮยูลเจ กโยซึลไม่สามารถละสายตาไปจากฮวังบี เยได้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าความงดงามของนาง แต่เป็นเพราะว่าฮวังบี เย คือมารดาแท้ๆ ของรูแฮ