ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 62-2 ช่วงเวลาที่ประมาท
“อา ไม่ มันไม่ใช่เพราะเหตุนั้นเสียหน่อย แต่ แต่ว่าจะไปที่ใดหรือ”
“แค่ตามข้ามาก็พอ”
นี่เป็นครั้งแรกที่รูแฮตื่นเต้นถึงเพียงนี้ ฝีเท้าของเขาเบาหวิว กโยซึลตามรูแฮไปพร้อมกับสายตาที่สงสัยเป็นอย่างมาก ฝีเท้าของรูแฮที่กำลังเดินเลียบกำแพงไปเริ่มช้าลง เขามองไปที่เถาวัลย์ที่เลื้อยไปรอบกำแพง รูแฮรื้อจับเถาวัลย์เพื่อมองหาบางอย่างอยู่
“น่าจะอยู่ตรงนี้สิ…”
พึ่บ ตุบ เถาวัลย์ถูกดึงออกมาจากกำแพงอย่างง่ายดาย แล้วด้านหลังนั้นก็มีประตูเล็กที่เก่ามากซ่อนอยู่ กโยซึลเดินเข้าไปใกล้อย่างตกใจ
“นี่คืออะไรหรือ”
“เป็นประตูสำหรับใช้เดินทางไปที่ภูเขามกอักตั้งแต่สมัยก่อน แต่เลิกใช้ไปเมื่อหลายสิบปีก่อน”
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีสิ่งนี้อยู่”
“ตอนเด็กข้าเข้าๆ ออกๆ ประตูนี้อยู่บ่อยๆ เพื่อไปที่ภูเขามกอัก สมัยเด็กข้าเองก็ชอบเที่ยวเล่นในพระราชวังเช่นกัน”
การได้มาเจอประตูเล็กๆ สำหรับไปภูเขามกอักในรอบนานนมนี้ทำให้หัวใจรูแฮเต้นเหมือนกับตอนเป็นเด็ก กโยซึลมองรูแฮที่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับถูกขังอยู่ในความทรงจำ แล้วนางก็สูดหายใจเข้าลึก
“รูแฮน่ะหรือ”
“มิตกใจมากเกินไปหรือ”
“แต่ดูจากรูแฮในตอนนี้แล้วนั้น การเที่ยวเล่นสมัยเด็กคงจะเป็นแค่เดินเล่นกระมัง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เมื่อกโยซึลถามคำถามอย่างสงสัย รูแฮก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าเคยเป็นราชโอรสที่ซุกซนพอสมควร” รูแฮพูดพรางเปิดประตูเล็กๆ นั้นด้วย
ประตูเล็กที่กำแพงทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือที่องค์รัชทายาทในวัยเยาว์ได้ลืมไปเมื่อเติบโตเป็นชายหนุ่มแข็งแรง ถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่บานพับเนื่องจากสนิมขึ้น
“แม้ว่าจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็ฟังดูน่าสนุกยิ่งนัก” กโยซึลยังคงไม่เชื่ออดีตของรูแฮ ไม่สิ นางยิ้มแกล้งทำเป็นไม่เชื่อแล้วดินตามรูแฮออกนอกประตูเล็กไป เพียงแค่ข้ามประตูเล็กๆ บ้านหนึ่งไปก็จะได้ออกจากพระราชวังที่อึดอัดไปสู่ภูเขามกอักที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้ มันน่าขันยิ่งนักที่สามารถออกจากพระราชวังได้อย่างง่ายถึงเพียงนี้
พระราชวังนั้นตั้งอยู่ตีนเขาทางด้านใต้ของภูเขามกอัก ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของธรรมชาตินั้นไม่มีสวนหลังวัง หรืออุทยานดอกไม้ในพระราชวังที่ใดเทียบเทียมได้ ในตอนแรกรูแฮก็เริ่มหลงๆ ลืมๆ แต่ตอนนี้เขาจำได้ในทันที และได้แนะนำมันให้กับกโยซึล
เดินขึ้นเขามาได้ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงบริเวณหินก้อนใหญ่เรียบๆ ที่ยื่นออกไปทางทิศใต้ ทั้งคู่เลือกที่บนหินบริเวณที่ยื่นไปทางทิศใต้แล้วยืนรับลมเย็นสดชื่น ข้างล่างนั้นมีพระราชวังและเมืองหลวงอยู่
“ว้าว” กโยซึลอุทานขึ้นมา
มันคือความรู้สึกที่หัวใจที่ถูกกดดันในความน่ากลัวของพระราชวังที่น่าอึดอัดนั้นได้ถูกผ่อนคลายลง กโยซึลกางแขนออกทั้งสองข้าง ยืนหันไปทางพระราชวัง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ความรู้สึกที่เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง”
“สดชื่นนัก”
เมื่อกโยซึลตอบกลับอย่างร่าเริงแล้วหันกลับไป ก็เห็นว่ารูแฮนั้นได้เปิดปิ่นโตแล้วเอาของว่างออกมา
“การได้กินกินข้าวปั้นไปด้วยดูทิวทัศน์อันสวยงามนั้น ช่างอร่อยยิ่งนัก ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเคียงเลย”
“ช่างกว้างขวางนัก ไม่เคยรู้เลยว่าพระราชวังเป็นที่ที่งดงามถึงเพียงนี้นี้” กโยซึลที่นั่งกัดกินข้าวปั้นอยู่นั้นไม่สามารถละสายตาไปจากวิวทิวทัศน์ตรงหน้าได้เลย
“หากรู้ว่าเจ้าชอบคงจะพามานานแล้ว อืม จริงๆ ข้าเองก็ลืมไปแล้ว จนนึกขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้” รูแฮที่กำลังมองกโยซึลด้วยความปลื้มปิติพูดต่อ
“ทุกหนทุกแห่งในพระราชวังแห่งนี้จะมีพระตำหนักที่ประทับชั่วคราวกับพระราชวังสำหรับเปลี่ยนที่ประทับอยู่ เป็นที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการชมทัศนียภาพที่สวยงามและในการรักษาร่างกายจิตใจ ทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับพระราชวัง การเดินไปรอบๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี”
“รูแฮสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่”
รูแฮตอบกลับไปอย่างยากลำบากในคำถามของกโยซึลที่กำลังคาดหวังอยู่
“การเสด็จพระราชดำเนินนั้นเป็นพิธีทางการ การที่ข้าจะไปด้วยนั้นมันคงจะยากยิ่งนัก”
กโยซึลบึ้งตึงไปในทันใด “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่อยากไปหรอก เพราะระหว่างทางไปกลับนั้นมิอาจเจอรูแฮได้”
“แต่มันดีสำหรับกโยซึลที่จะได้ไปชื่นชมทัศนียภาพที่ดี และได้สูดอากาศที่สดใส”
“ไม่ ไม่ชอบ เราไม่อยากไปที่ไหนไกลๆ โดยไม่มีรูแฮ” กโยซึลบ่นพึมพำ เป็นการบ่นพึมพำที่น่ารักชวนจั๊กจี้หัวใจ
กโยซึลกับรูแฮได้ใช้เวลาอย่างเพียงพอด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ได้มีช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ที่ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย นั่งไหล่ชนกัน อยู่ข้างๆ กันบนแผ่นหินกว้างใหญ่ แม้แต่การเข้าใกล้กันเล็กน้อยก็ทำให้หัวใจสั่นไหว มือที่ยันตัวไว้บนหินแอบสัมผัสกันอย่างลับๆ นิ้วก้อยนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจน ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น นิ้วมือของรูแฮได้สัมผัสกับนิ้วของกโยซึลอย่างแผ่วเบา นิ้วก้อยของทั้งคู่พัวพันซ้อนกันอยู่
เพียงเท่านั้น กโยซึลและรูแฮตื่นเต้นมีความสุข ด้วยนิ้วก้อยที่พัวพันกันเพียงเท่านั้น
ลมเย็นสดชื่น แสงแดดที่กำลังพอดี อากาศที่ดี ไม่สิ มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะดีหรือไม่ เหตุผลที่ลมและแสงแดดดีนั้นเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างๆ มาแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นวันใด หากได้อยู่กับกโยซึล หรือได้อยู่กับรูแฮ วันนั้นก็เป็นวันที่ดีที่สุด
“กลับกันเถิด”
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆ ตกลงทางฝั่งทิศตะวันตกนั้นกำลังระบายสีท้องฟ้าให้เป็นสีแดง รูแฮมองท้องฟ้าที่กำลังมืดลงด้วยสายตาที่รู้สึกเสียดาย รูแฮยื่นมือไปหา
กโยซึล เขาจับมือนางแล้วลุกขึ้นยืน ตลอดเวลาที่เดินลงจากภูเขามกอัก กโยซึลจับมือของรูแฮไว้ตลอดทาง หากตอนนี้กลับไปก็ไม่สามารถที่จะจับมือกันแบบนี้ได้อีก รู้สึกเสียดายที่จะต้องกลับไปพอพอกับที่รู้สึกสนุกกับการได้ออกมาเที่ยวเล่น
กรอบ แกรบ ทั้งคู่เดินลงเขามาอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร แม้จะได้เจอกันอีกแต่เวลาที่ต้องแยกจากกันนั้นมันช่างน่าเสียดายนัก ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่กำแพงเมืองแล้วรูแฮก็ดันประตูเล็กออก ไม่มีเสียงบานพับประตูที่เป็นสนิม รูแฮออกแรงดันประตูอีกครั้ง รูแฮที่กำลังบูดบึ้งด้วยความคิดที่จะต้องแยกจากกับกโยซึลนั้น อยู่ดีๆ สีหน้าเขาก็แข็งทื่ออย่างกังวล
รูแฮวางปิ่นโตไม้ลง และปล่อยมือจากกโยซึลแล้วใช้ทั้งสองมือดันประตูออก รูแฮที่กำลังงงันมองไปที่
กโยซึล
“ประตู…เปิดไม่ได้”
ภายใต้กำแพงเมืองสูงที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ประตูเล็กๆ ที่ขึ้นสนิมมานานไม่ยอมขยับเขยื้อนและปิดถูกปิดไว้แน่นสนิท