ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 65-2 ทรมานตน
ความจริงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่วังตะวันตกจัดฉากขึ้น
ดึกวอลที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจับตาดูความสัมพันธ์ของรูแฮและกโยซึล เมื่อรู้ว่าทั้งสองใช้ประตูลับออกนอกพระราชวัง เขาจึงสั่งให้คนไปปิดประตูลับไว้ชั่วคราว ขังทั้งสองคนไว้บนภูเขา จากนั้นค่อยทำร่องรอยให้บีพาอันตามกโยซึลไปแล้วทั้งสามก็จะได้พบกัน ทว่าก่อนที่เขาจะได้บอกอะไร บีพาอันก็เริ่มเคลื่อนไหว ตามหากโยซึลเสียแล้ว ทุกอย่างจึงผิดแผนไปหมด
ตั้งใจจะให้เจ้าคนจอมปลอมอับอายขายขี้หน้าเสียหน่อย
แต่ปฏิกิริยาของบีพาอันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ ไม่พอเจ้าตัวยังคลี่คลายสถานการณ์ให้กโยซึลกับรูแฮได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่าบอกนะว่า…
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ ‘อย่าบอกนะว่า’ การที่เห็นเจ้าตัวสั่งให้รูแฮโกหกได้เช่นนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ฮวางแทจา…เขารู้อยู่ก่อนแล้วอย่างนั้นหรือ
ดวงตาสีดำเข้มของดึกวอลหันไปมองบีพาอัน จากนั้นก็เบนสายตาไปยังกโยซึล
บีพาอันเดินตรงไปหากโยซึล กโยซึลนั้นจำต้องอยู่ในสภาพของคน ‘ข้อเท้าแพลง’ ทว่าต่อให้ไม่ต้องแสร้งแสดง หลังจากที่ได้เจอกับบีพาอัน ทั้งตัวของนางก็นิ่งแข็งขยับไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว
“เดินไม่ได้สินะ ชายาจึงลงเขาไม่ได้ แล้วหลบอยู่ในนี้กับรูแฮ”
“…เพคะ” กโยซึลไม่แม้แต่เงยหน้า แม้จะตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เพียงเพราะพูดคำโกหกคำเดียวก็เขา ทำเอานางร้อนไปถึงใบหู
“ถ้าเช่นนั้นขออภัยด้วย”
ร่างถูกยกลอยขึ้น กโยซึลเหลียวมองบีพาอันด้วยความตกใจ ใบหน้าที่เคยต้องแหงนมองอยู่ตลอดของเขากลับอยู่แทบชิดจมูก ดวงตาอันนุ่มลึกที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดหรือกำลังรู้สึกอะไรมองลงมาที่กโยซึลจากมุมสูง
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับพระราชวังกัน”
บีพาอันที่โอบอุ้มกโยซึลด้วยสองมือเดินออกจากกระท่อมไปทั้งอย่างนั้น ยามที่บีพาอันขยับ
กโยซึลเองก็เอื้อมมือไปเกี่ยวคอเขาไว้โดยทันที ไหล่ของบีพาอันกว้าง นางรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่อ่อนโยนจนแทบลืมสิ้นทุกความเหน็บหนาว ฝ่ามือแกร่งของบีพาอันที่วางอยู่บนแผ่นหลัง และต่ำลงไปจากหัวเข่าของ
กโยซึลนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่ว กโยซึลหลับตาแล้วก้มหน้าลง
หลังจากบีพาอันโอบอุ้มกโยซึลเดินนำหน้าไป รูแฮก็ถอนหายใจออกอย่างแผ่วเบาแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง ดวงตาของเขามองตามหลังบีพาอันด้วยความขมขื่น หลังจากนั้นดึกวอลที่ยังคงสับสนมึนงงก็มองหลังของทั้งสามที่เดินจากไป
***
แทนที่จะใช้คำว่าเงียบสงบ คงต้องบอกว่าตอนนี้วังใต้ถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศวังเวงเย็นเยือก ราวกับฤดูหนาวได้มาเยือนวังใต้เสียแล้ว เมื่อวังใต้ประสบกับลมหนาวนั้นแล้ว ทั้งวังก็นิ่งสนิทราวกับกลายถูกแช่แข็ง
ทั้งที่คิดว่าจะไม่มาที่ตำหนักนัมชอนอีกแล้วแท้ๆ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ยอมินต้องมานั่งอยู่ที่ตำหนัก ยอมินใช้ผ้าขนหนูเปียกเช็ดตัวรูแฮอย่างแผ่วเบา รูแฮที่นอนอยู่บนเตียงไม่มอง ไม่พูด เอาแต่เหม่อลอยจ้องไปที่เพดานอยู่อย่างนั้น ยอมินเข้ามาในห้องบรรทมได้ก็นานแล้ว แต่ทั้งสองกลับไร้ซึ่งบทสนทนาต่อกัน
หลังจากไปภูเขาเมื่อคืนก่อน รูแฮที่ยกเสื้อตัวนอกให้กโยซึลก็รับลมหนาวจนไข้จับ ตอนนี้จึงได้แต่นอนนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้ว่านางรู้เรื่องที่เขาป่วยได้อย่างไร ยอมินเพียงแต่เดินถือโจ๊กหนึ่งถ้วยเข้ามาเมื่อตอนเที่ยง และคอยเฝ้าไข้รู้อยู่เงียบๆ จนถึงตอนนี้ นางคอยเช็ดตัวเพื่อลดไข้ ต่อให้ไม่มีอะไรต้องทำนางก็ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่เดิม พอโจ๊กกับยาถูกส่งเข้ามานางก็ป้อนให้รูแฮถึงที่ คอยดูแลอย่างนั้นอยู่ทั้งวัน ในที่สุดพอใกล้เข้าสู่ช่วงค่ำนางจึงเปิดปากพูด
“หม่อมฉันรู้เพียงแค่ว่าทั้งสองออกไปด้วยกันเพคะ”
“เรื่องอันใด…”
“ข้าราชบริพารของตำหนักนัมชอนมาตามหาฝ่าบาทที่ตำหนักนัมบีเพคะ พวกเขาคิดว่าหม่อมฉันเดินทางออกไปกับฝ่าบาทฮวางเซจา บอกกับหม่อมฉันว่าพระองค์เตรียมข้าวปั้นกับของกินเล่นไปด้วย”
รูแฮไม่มีคำตอบใด เพราะเขาเองไม่รู้ว่าควรจะขอโทษนางอย่างไร ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักดังที่ควรกับยอมิน หรือแม้แต่จะออกไปไหนกับยอมินสักครั้งเขาก็ไม่เคยทำทั้งนั้น
“หม่อมฉันจะปล่อยเรื่องครั้งนี้ไป หวังว่าพระองค์จะไม่ทำให้หม่อมฉันต้องพูดเรื่องโกหกเช่นนี้อีก”
“ขออภัยด้วย”
“…หม่อมฉันไม่อยากได้ยินคำขอโทษแบบนี้อีกแล้วเพคะ”
ยอมินโต้กลับอย่างไร้เยื่อใย ราวกับว่าการพูดอะไรสักคำมันเจ็บเหมือนมีเสี้ยนตำในปาก หากพูดหนึ่งประโยคก็จะรู้สึกราวกับได้กลืนเสี้ยนเหล่านั้นลงคอ
“พระองค์คงไม่อยากเจอกระหม่อมสินะขอรับ”
“ทรงทราบดีนี่เพคะ”
“…ต่อไปไม่ต้องมาหากระหม่อมก็ได้”
มือที่บิดผ้าขนหนูไว้เมื่อครู่หยุดชะงัก จากนั้นยอมินก็ค่อยๆ ลดมือที่กำผ้าขนหนูอยู่กลางอากาศลงแล้วพูดขึ้น
“ทุกคนต่างก็เข้าใจว่าหม่อมฉันกับฝ่าบาทฮวางเซจาเป็นสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพคะ”
เรื่องหลอกลวงทั้งนั้น คำโกหกเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อปกปิดความสัมพันธ์ของรูแฮกับกโยซึล รูแฮเมื่อได้ยินก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อยอมิน เขาหวังว่ายอมินจะไม่ต้องมาที่ตำหนักนัมชอนอีก ทว่าสำหรับยอมินเองก็ต้องการความสัมพันธ์ที่ดูดีแต่เปลือกนี้เช่นกัน ต่อให้สูญเสียพระบิดาไป แต่นางก็ต้องการมีชีวิตอยู่ในพระตำหนักในฐานะพระชายาฮวางเซจาเช่นนี้
“บางคราก็มาตำหนักนัมบีบ้างเถอะเพคะ”
“จะให้กระหม่อมไปตำหนักนัมบีด้วยธุระอันใดกันขอรับ”
“โปรดรักษาหน้าหม่อมฉันบ้างเถิดเพคะ คงไม่ใช่เรื่องยากอันใด”
เป็นคำขอเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษาตำแหน่งพระชายาฮวางเซจา
“แล้วก็…การรักษาความสัมพันธ์สามีภรรยากับหม่อมฉัน ก็จะดีต่อการปกปิดเรื่องความสัมพันธ์กับพระชายาฮวางแทจาด้วยเพคะ”
แม้จะเป็นความจริงที่ทั้งยอมินและรูแฮต่างก็รู้ดีอยู่ แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะพูดมันออกมา เป็นเรื่องที่รูแฮพยายามจะไม่คิดถึง เนื่องจากเขารู้สึกผิดต่อยอมินอยู่เช่นกัน ทว่ากลายเป็นยอมินที่พูดคำเหล่านั้นเพื่อนทรมานตัวนางเอง ไม่รู้ว่าทำไมนางจึงเลือกพูดเรื่องที่เป็นเหมือนบาดแผลของตนเองขึ้นมา
จ๋อม ยอมินเอามือของตัวเองจุ่มลงไปในน้ำอุ่นพร้อมกันกับผ้าขนหนู นางรู้สึกว่าในตอนนี้ร่างกายของตนก็เริ่มมีความร้อนขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน