ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 76 ใต้ปลายนิ้ว
รูแฮเดินไปตามระเบียงทางเดินตำหนักช้าๆ แม่นมสั่งให้คนรับใช้ออกไปล่วงหน้า จึงไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในตำหนัก ถือว่าเป็นโชคดีของฮวางเซจาอย่างรูแฮ ที่แอบเหยียบย่างเข้ามาในตำหนักนอกอย่างลับๆ ถึงกระนั้นทุกย่างก้าวของรูแฮก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เขาระวังทั้งเสียงฝีเท้า กระทั่งเสียงพื้นกระดานที่ส่งเสียงดังเอียดอาดยาวก้าวเดิน เพราะเขากำลังอุ้มกโยซึลที่หลับไหลอยู่นั่นเอง
สัมผัสภายในบ่อน้ำร้อนนั้นช่างเป็นการกระตุ้นที่ดี จิตใจปั่นปวน ความร้อนจากน้ำพุคลายความตึงเครียดของร่างกาย ทั้งยังมีความร้อนจากไอน้ำที่คุกรุ่นที่ทำให้หลับไหลไปได้ง่ายๆ นอกจากนี้กำแพงหัวใจยังพังทลายลงจากความดีใจที่ได้เจอรูแฮอีกครั้ง กโยซึลได้ละทิ้งทั้งร่างกายและจิตใจไปในที่สุด นางผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าไม่คิดจะป้องกันตัวเองหน่อยหรือ”
รูแฮกระซิบพลางวางกโยซึลที่ผล็อยหลับไประหว่างแช่น้ำร้อนเป็นเด็กๆ ลงบนเตียง เขาวางนางลงบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้เรียบร้อย แล้วยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง เฝ้ามองใบหน้าอันไร้เดียงสาของกโยซึลที่หลับสบาย
“กโยซึล” เขาเรียกชื่อนาง
เป็นชื่อที่ไพเราะอ่อนหวานเสมอทุกครั้งที่เอ่ยเรียก หากแต่ไม่ใช่ชื่อที่จะเรียกได้ตามใจ
“ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะมานอนอยู่ตรงหน้ากันเช่นนี้”
ไม่คิดว่าจะได้ใช้ช่วงเวลาที่แสนสบายใจอย่างนี้กับกโยซึล เพลิดเพลินและเป็นสุขไปกับการใช้เวลาร่วมกันในห้องนอนที่อบอุ่น ไม่ต้องสนใจสายตาใคร และไม่ต้องสนใจเวลาที่เดินต่อไปอย่างไม่หยุดพัก รูแฮเอื้อมมืออกไปปัดเส้นผมที่สยายตัวลงมาบังหน้าผากสวยออก เขาหยุดมือลงใกล้ใบหน้าของนาง แต่ลังเลที่จะสัมผัสมัน จนท้ายที่สุดก็ละมือออก อยากจะสัมผัส อยากจะแตะต้องตัวนาง แต่ก็กลัวว่าจะปลุกนางออกจากฝันหวาน
“ถึงแม้จะน้อยใจเจ้าที่มาผล็อยหลับในเวลาอันมีค่าเยี่ยงนี้ แต่ก็ขอบใจเจ้าที่วางใจนอนหลับอยู่ข้างกันเช่นนี้”
การที่กโยซึลไร้ซึ่งการป้องกันตัวแสดงให้เห็นถึงความไว้ใจที่นางมีต่อรูแฮ รูแฮที่เฝ้ามองกโยซึลอยู่เนิ่นนานนั่งลงข้างเตียงในที่สุด แทนที่จะนั่งเอาหลังพิงเตียงสบายๆ เขาเลือกที่จะหมุนตัวหน้าไปทางกโยซึล เขาวางแขนลงบนเตียงและวางหัวลงบนนั้นอีกที ตั้งใจเก็บภาพของนางในช่วงเวลาที่เดินไปอย่างไม่สิ้นสุดนี้ไว้ในความทรงจำ ถึงแม้จะได้แต่เฝ้ามองอยู่อย่างนี้ แต่ริมฝีปากของรูแฮกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ช่วงเช้าตรู่ที่ยังคงมืดมิด กโยซึลลืมตาขึ้น ความทรงจำที่ได้ล่องลอยอยู่กลางน้ำพุร้อนและอากาศที่ร้อนชื้นหายไปพร้อมๆ กับการหลับใหล กโยซึลมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย มองไปทางไหนก็มืดมิดไปหมด แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านชังโฮจี[1] เข้ามาสัมผัสกับอากาศแห้งและเยือกเย็นอย่างเลือนลาง สัมผัสที่มือเย็นวาบ สัมผัสของสิ่งทอแห้งไร้ซึ่งความชื้นส่งเสียงดังสวบสาบ เสียงแมลงในดงหญ้าดังลอดอากาศที่สงบเงียบยามกลางคืนเข้ามาแทนเสียงน้ำไหล การมองเห็น ประสาทสัมผัส โสตประสาท กโยซึลคืนสติตัวเองด้วยการเพ่งความสนใจไปที่ประสาทสัมผัสจากรอบด้านทีละอย่าง
“…อา” กโยซึลจำความได้ทั้งหมด
นางเผลอหลับไปหลังจากอ่อนยวบไปกับสัมผัสจากมือของรูแฮ พอคิดถึงเหตุการณ์นั้นใบหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา ก่อนจะหลับตายังอยู่ที่บ่อน้ำร้อนอยู่เลย พอลืมตาเท่านั้นกลับมาอยู่ที่เตียงเสียแล้ว ไม่แปลกที่จะเขินอาย กโยซึลพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง
“ตื่นแล้วหรือ”
เสียงอ่อนโอนที่ราวกับกำลังรอให้ตนตื่นอยู่ดังขึ้น กโยซึลหันหน้าไปหา ข้างเตียงมีรูแฮที่คว่ำหน้าพิงเตียงจ้องมองนางอยู่
“ไปทำอะไรตรงนั้น”
“กำลังมองกโยซึลอยู่อย่างไรเล่า”
“…มองเราทำไม”
“ก็เพราะน่ามอง” รูแฮยื่นมือออกไป หลังจากกโยซึลตื่นแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถแตะแก้มของนางได้อีกครั้ง “ข้ามีความสุขแค่ได้เห็นใบหน้างดงามของกโยซึล อยากจะเก็บภาพนี้ไว้ในความทรงจำนานๆ”
คำพูดของรูแฮช่างน่าขวยเขิน กโยซึลหน้าแดงพลางพูดอ้อมค้อมเปลี่ยนเรื่อง
“เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…รูแฮพาเรามาที่ห้องหรือ”
“ใช่ ข้าอุ้มกโยซึลมาที่ห้องเอง”
เปลี่ยนหัวข้อผิดหรือเปล่านะ หลังจากได้ยินว่ารูแฮอุ้มตนเข้ามาในห้อง กโยซึลก็หน้าร้อนขึ้นไปอีก พอย้ายสายตาไปวางที่ผ้าห่มก็เห็นมือของตนกับชายเสื้อผ้าแพรมันขลับ นางรีบยกมือขึ้นสำรวจ ตั้งแต่เสื้อตัวนอกผืนหนายันกระโปรง นางใส่เสื้อผ้าครบถ้วน ถึงแม้ชุดสุดท้ายในความทรงจำของนางจะเป็นเสื้อคลุมผ้าไหมตัวยาวก็ตาม
“…ชุดของเรา…”
“ใช่ ข้าเปลี่ยนชุดให้แล้ว”
กโยซึลถามคำถามไม่ออกเพราะความเขินอาย แต่รูแฮกลับตอบออกมาอย่างหนักแน่นเสียก่อน
“ข้าเช็ดตัวให้แห้งสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงสวมชุดที่วางอยู่ข้างเตียงให้ สวมให้อย่างระมัดระวังเพราะกลัวกโยซึลจะตื่นเลยใช้เวลานาน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาเพราะกโยซึลอ่อนเพลียมาก”
กโยซึลโอบตัวเองไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนพยายามจะบดบังร่างกาย ระหว่างฟังคำอธิบายของรูแฮ เรื่องน่าอายพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาอันสั้น รูแฮขำให้กับท่าทางเขินอายของกโยซึล ผิดที่ท่าทางของนางนั้นน่าเอ็นดูจนเกินไป ถึงแม้จะอยากเฝ้ามองไปนานๆ แต่เพื่อกโยซึลที่เขินอายแล้ว เขายอมที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“เจ้าผล็อยหลับไประหว่างอาบน้ำนั้นอันตรายนัก อาจหมดสติเป็นลมไปได้ ต่อไปนี้ต้องระวังด้วย”
“เรารู้แล้ว เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เมื่อครู่เป็นเพราะรูแฮ…” นางไม่อาจต่อท้ายประโยคได้ แม้ท้ายประโยคจะคลุมเครือ แต่ทั้งสองก็คิดถึงฉากเดียวกันขึ้นมา
จ๋อม เสียงน้ำที่ก้องอยู่ในหูนั้นดังอย่างชัดเจน แม้ไม่มีคำพูดใด แต่มันเป็นช่วงเวลาของการพูดคุยที่ลึกซึ้งและลึกลับยิ่งกว่าครั้งไหน สายตาสบกัน ทั้งคู่มองซึ่งกันและกันแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมา เมื่อเสียงหัวใจเต้นแรงไปทั่วทั้งร่าง และแม้แต่เสียงหายใจก็น่าอึดอัด
“ข้าออกไปนอนข้างนอกดีกว่า”
รูแฮลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ลำตัวจะลุกขึ้นแล้ว แต่กลับไม่สามารถละสายตาออกไปได้ รูแฮมองไปที่
กโยซึลด้วยสวยตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน นัยน์ตากโยซึลสั่นไหวราวกับไม่อาจรับมือกับสายตาของเขาได้ แม้แววตาจะสั่นไหว แต่นางก็ยังจ้องมองรูแฮกลับไปอย่างแจ่มชัด
“ทำไมกันเล่า”
เป็นรูแฮที่เฝ้าดูแลกโยซึลอยู่ข้างเตียงจนดึกดื่น มาถึงขนาดนี้แล้วจะขอไปนอนข้างนอก ช่างเป็นการตัดสินใจที่เก้อเขินเสียจริง
“เพราะเจ้ามีค่ามากเกินไป”
รูแฮพูดออกมาด้วยแววตาที่หนักแน่น น้ำเสียงที่ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะเล็กๆ ปนมาทำให้ความรู้สึกของกโยซึลเอ่อล้น นางตรงไปหารูแฮอย่างใจหายราวกับจะร้องไห้
หมับ
กโยซึลคว้ามือของรูเฮเอาไว้แน่น มือไปไวกว่าความคิด ทันทีที่คว้ามือของเขามาจับไว้ นางก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ
“อย่าไปเลย” นี่คือสิ่งแรกที่นางพูดออกมาหลังจากความเงียบพักใหญ่ “หากเราสำคัญ…ก็อยู่ด้วยกันเถิด” ทุกคำพูดที่หลุดออกมา มาพร้อมหัวใจที่เต้นแรงขึ้น และริมฝีปากที่เหือดแห้ง กโยซึลพูดช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ “เตียงออกจะกว้าง เรา…รอรูแฮมาตลอด”
ค่ำคืนที่ต้องอยู่คนเดียวยันสว่างมันทั้งยาวนานและโดดเดี่ยว ทั้งเหงาและเหน็บหนาว คืนเหล่านั้นเป็นคืนที่นางเฝ้ารอรูแฮ กโยซึลเพิ่งตระหนึกถึงความจริงดังกล่าว ระหว่างที่จัดการกับความคิดของตัวเองอยู่นั้น มือที่จับรูแฮอยู่ก็ออกแรงเกร็งมากยิ่งขึ้น
“หากรั้งกันไว้ตอนนี้” รูแฮก้มลงมองดูมือของกโยซึลที่จับตัวเขาไว้แน่น “ข้าอาจจะหยุดไม่ได้อีก”
เพราะเขาอดทนอดกลั้นมาเป็นเวลานาน วันนี้ก็ทนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งใจจะอยู่เคียงข้างเท่าที่กโยซึลต้องการเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะตอนเห็นเรือนร่างที่เปียกชื้นของนาง หรือตอนเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ รูแฮก็ไม่เคยปล่อยใจไปเลยแม้แต่นิด แต่เมื่อครู่นั้นมันหวุดหวิดมาก เหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง เขาที่พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ลุกขึ้นยืน หากนั่งลงอีกครั้งในตอนนี้ ไม่สิ หากมุ่งหน้าไปยังเตียงตามที่นางเรียกร้อง รูแฮไม่สามารถให้คำมั่นได้เลย กโยซึลที่ไม่รู้ถึงความขัดแย้งในใจของเขา รั้งดึงรูแฮไว้ หลายต่อหลายคืนมาแล้วที่ต้องนอนที่ตำหนักนอกคนเดียวเพื่อเฝ้ารอรูแฮ กโยซึลหมายมั่นที่จะใช้ค่ำคืนแรกที่ได้อยู่ด้วยกันอันแสนล่าช้านี้
“เราไม่ใช่หญิงคนรักของรูแฮหรอกหรือ”
หลังจากได้ยินคำถามผ่านแววตาที่ช่างไม่รู้อะไรเลยของกโยซึล รูแฮจัดการตัดฟางเส้นสุดท้ายที่ผูกรัดเอาไว้อยู่นั้นด้วยตนเองอย่างฉับพลัน
สวบ ทันใดนั้นเองที่เตียงสั่นสะเทือนอย่างแรง ผ้าหลากหลายชั้นไหลลงไปใต้เตียง ความร้อนรุ่มของคู่รักที่ได้ลูบไล้สัมผัสกันที่บ่อน้ำร้อนนั้นจุดติดได้ง่ายๆ อะไรเย็นๆ บางอย่างสัมผัสลงที่ผิวหนัง ปลายลิ้นเฉียดผ่านกันไปมา สัญญาณมือที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เป็นเหมือนการแสดงการทักทายว่าต่อจากนี้จะเข้าไปไกล้กันมากยิ่งขึ้น ปลายลิ้นกลายเป็นพู่กัน โฉบผ่านวาดไปมาบนกระดาษวาดเขียนที่เรียบรื่น ริมฝีปากแตะกับกระดาษวาดเขียนที่เปียกชุ่ม ริมฝีปากล่างลากผ่านทางที่เปียกชื้น เนื้ออ่อนด้านในริมฝีปากขบกัดไปที่ผิวหนัง ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ถูกม้วนเข้าด้วยกันและปิดท้ายด้วยการจุมพิตสั้นๆ
“ฮ้า…”
ร่างกายที่ทนกับประสาทสัมผัสอ่อนไหวอันร้อนผ่าวไม่ไหว ส่งเสียงครางออกมา เสียงครวญครางที่ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่กลายเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี จูบที่พรั่งพรูเข้ามาในที่ที่เดิมทีริมฝีปากไม่สามารถสัมผัสได้ มีความลึกซึ้งและลึกลับมากขึ้น รูแฮที่คลอเคลียจูบอยู่ช้าๆ ไปทีละส่วน ลูบไล้ร่างกายของกโยซึลขึ้นลงเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว สัมผัสที่สละสลวยลื่นไหลไปมาราวกับกำลังวาดไล้ไปตามรูปร่าง ราวกับอยากจดจำเรือนร่างของนางไว้ด้วยปลายนิ้ว ภายใต้ปลายนิ้วมือนั้น ร่างกายของกโยซึลเกิดความกระสับกระส่ายวูบวาบ กล้ามเนื้อเกร็งและคลายตัวตามตำแหน่งที่ถูกสัมผัสซ้ำไปมา เอวสวยเริ่มยื่นออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ลำตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ยื่นแขนขยับขาไปมา สะโพกเคลื่อนลงและแนบชิดสลับกันไปหลายครั้งหลายครั้ง ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ปลายนิ้วเท่านั้น รูแฮจดจำกโยซึลไว้ด้วยปลายนิ้วของเขาอยู่พักใหญ่ สายตาของรูแฮขยับไปตามปลายนิ้วมือ ไม่พลาดเก็บแม้แต่กล้ามเนื้อเล็กๆ ของนางที่สั่นเทา
“ช่างสวยงามเหลือเกิน”
รูแฮกระซิบบอกท่ามกลางความรู้สึกที่ท่วมท้นประหนึ่งพายุมรสุมกระหน่ำ ร่างกายของกโยซึลช่างยั่วเย้าตรึงใจเกินกว่าที่จะเก็บมันเอาไว้ไม่พูดออกมา ร่างที่อ่อนนุ่มไวต่อสิ่งกระตุ้นเป็นพิเศษ แม้จะรู้สึกเป็นครั้งแรกก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับต้อนรับความสุขทางกามารมณ์นี้ได้อย่างดี เหมือนกระดาษที่ทำจากฟางข้าว ถึงแม้จะแห้งผากแต่ก็อุ้มน้ำได้เป็นอย่างดี นางเปิดใจกว้างและเขาก็ไม่ลังเลที่จะแทรกซึมเข้าไป
“กโยซึล” รูแฮเรียกกโยซึล
เป็นการเรียกชื่อที่ต่างจากครั้งอื่นที่เขาเคยเรียก ถึงแม้จะเป็นแค่ชื่อ กโยซึลกลับรับรู้ได้ทันทีโดยสัญชาตญาณ สายตาของเขาที่มองมาที่นางในตอนนี้ เสียงแปลกๆ ที่เคยได้ยินเป็นครั้งแรก ไอร้อนจากมือที่สัมผัสร่างกายของนางอยู่ และนอกจากนั้นยังมีสีหน้าของเขา ที่ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะจะหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว หากขานตอบไป คาดเดาได้ง่ายๆ เลยว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะแตกต่างออกไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง หากแต่ใบหน้าที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้ไม่อาจไม่ขานตอบไปได้ เป็นใบหน้าที่หันหนีไปไม่ได้ กโยซึลเองที่ก็มีสีหน้าอ่อนยวบคล้ายคลึงกับเขา เลือกที่จะหลับตาลง นางยื่นมือไปหาเขาประหนึ่งถูกดึงดูดเข้าไป รูแฮแทรกนิ้วมือของเขาเข้าไประหว่างนิ้วของกโยซึล จากนั้นก็เข้าประชิดตัวนาง
——
[1] ชังโฮจี กระดาษประเภทหนึ่งของเกาหลีที่ใช้สำหรับกรุตรงประตู