ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 88-1 ความฝันเหลวไหล
ภายในพระราชวังที่เงียบงันตลอดช่วงฤดูหนาว หนวกหูขึ้นอย่างฉับพลันด้วยเรื่องการตั้งครรภ์ของกโยซึล ทั่วทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยความยินดี เพราะต่อจากฮเยจินที่เพิ่งจะให้กำเนิดแทฮวางจู กโยรูนได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่ากโยซึลกำลังตั้งครรภ์ เหล่าหมอหลวงที่ไปเยือนวังตะวันออก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องจริงที่นางตั้งท้อง กโยซึลกำลังตั้งท้องไม่ผิดแน่ โดยเฉพาะเหล่าข้ารับใช้ตำหนักดงบี ต่างดีอกดีใจราวกับว่ามีเรื่องมงคลเกิดขึ้นกับตนเอง ยาสมุนไพรถูกเตรียมให้ในทุกมื้อเพื่อบุตรในท้อง สนมซาที่กโยซึลนับถือเป็นแม่ก็มาเยือนตำหนักดงบีทุกวัน ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของสหายเพียงคนเดียวอย่าง กโยยอง แม้กโยซึลพอจะรู้ถึงเหตุผลก็ตามที ทว่านางก็ยังอดน้อยใจไม่ได้
วันหนึ่ง ในขณะที่กโยซึลได้รับความใส่ใจอันล้นพ้นเป็นอย่างมากจากผู้คนในพระราชวัง กโยยองที่ขาดการติดต่อไปก็ได้มาเยือนกโยซึลที่ตำหนัก ความเงียบอันแสนอึดอัดบังเกิดขึ้นระหว่างหญิงทั้งสองที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ระหว่างสำรับของว่าง
ตึก
กโยยองวางถ้วยน้ำชาลงบนสำรับจนเกิดเสียงดัง เมื่อได้ยินเสียงนั้น กโยซึลก็สะดุ้งขึ้น แล้วมองสำรวจใบหน้ากโยยอง
“กโยยอง…”
“โปรดอย่าเรียกหม่อมฉันเช่นนั้นเลยเพคะ พระชายาฮวางแทจา”
น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนเสมอมากลับเย็นเยือกอย่างน่ากลัว กโยซึลรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลย้อยลงบนแนวสันหลัง
“ยินดีด้วยเพคะ”
มีเพียงคำพูดเดียวที่ออกจากกโยยอง หลังจากที่นางจ้องมองกโยซึลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายนับไม่ถ้วน ในที่สุดนางก็เปิดปากพูดขึ้น ตาแดงๆ ของกโยยองจ้องมองไปที่กโยซึล ตาบวมแดงที่จ้องมองอย่างไม่กระพริบนั้น ท้ายที่สุดก็มีหยาดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
“ก กโยยอง”
“หม่อมฉันบอกแล้วอย่างไรเพคะ ว่าอย่าเรียกหม่อมฉันเช่นนั้น”
กโยซึลเมื่อเห็นน้ำตาของกโยยองก็เอ่ยเรียกนางออกไป ทว่ากโยยองก็ตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย
กโยซึลจึงเอนตัวกลับไปด้านหลัง
“หม่อมฉันคือชายารองแห่งองค์ฮวางแทจาเพคะ ไม่ใช่ทั้งพระสหาย พี่ หรือสิ่งอื่นใดของพระชายาเอก
ฮวางแทจาเพคะ!”
กโยยองตะโกนเสียงดังออกมาในที่สุด กโยซึลก้มหน้าลง กโยยองที่เผลอเปิดเผยความในใจของตนออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พลันลุกจากที่นั่ง กโยซึลไม่อาจรั้งนางไว้ได้ เหล่าซังกุงที่รับรู้ได้ว่ากโยยองกำลังเดินเข้ามาใกล้ เปิดประตูห้องบรรทมให้นาง ก่อนที่กโยยองจะก้าวออกไป คำพูดอันแผ่วเบาก็ดังขึ้น
“จะไม่เป็นสหายกับเราแล้วอย่างนั้นหรือ”
คำพูดที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากนั้น ถูกกลบด้วยเสียงประตูที่กโยยองเป็นคนปิดมันเองอย่างแรง
กโยซึลเข้าใจกโยยอง
ณ ตอนนี้กโยซึลกำลังมีลูกกับบีพาอัน พระสวามีที่กโยซึลเอาแต่หวาดกลัว เป็นผู้ที่กโยยองรักหมดหัวใจ อีกทั้งกโยซึลยังเป็นคนบอกกับกโยยองเองว่าตนนั้นไม่ได้รักบีพาอัน ความรู้สึกถูกหักหลัง ใช่แล้ว อาจจะเป็นความรู้สึกนั้นที่กโยยองได้รับ กโยซึลไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากโยยองนั้นรู้สึกอย่างไรที่ถูกทรยศ ทว่านางก็ไม่อาจบอกความจริงที่ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เพื่อปลอบใจกโยยองได้
กโยซึลต้องปิดมันเป็นความลับ
สิ่งเดียวที่สามารถให้คนภายนอกรู้ได้นั้นมีแค่การที่บีพาอันมาค้างตำหนักของนาง และการที่กโยซึลตั้งครรภ์ ส่วนเรื่องอื่นจะบอกกับผู้ใดไม่ได้เด็ดขาด หากมีใครล่วงรู้เข้า ชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนจะต้องสูญสิ้นไปจากแผ่นดินนี้เป็นแน่
กโยซึลต้องเจ็บปวดอยู่เพียงผู้เดียว เพราะไม่อาจบอกความจริงแก่กโยยองได้ ไม่ใช่แค่นางต้องเสียสหายไปหนึ่งคน แต่ว่านางต้องสูญเสียที่พึ่งพิงในพระราชวังที่ไม่คุ้นเคยนี้ไปถึงหนึ่งคน ตอนนี้กโยซึลไม่อาจพูดคุยกับกโยยองอย่างเป็นกันเองได้อีกแล้ว แม้นางจะรับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่กโยยองมีให้ตน ช่างน่าเศร้านักที่สถานการณ์ในตอนนี้นางไม่อาจทำอะไรได้ ถึงแม้นางจะสามารถปลอบโยนความโกรธเกรี้ยวนั้นได้ก็ตาม
***
เป็นเรื่องน่าตกใจนักที่รูแฮมาเยี่ยมกโยซึลที่กำลังพักผ่อนอยู่ อีกทั้งเขายังนำหนังสือ และอุปกรณ์เครื่องเขียนอย่าง กระดาษ พู่กัน น้ำหมึก และจานฝนหมึกมากมายเต็มไปหมดมาพร้อมกับเหล่าขันที ใบหน้าของรูแฮเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาถือหนังสือเดินเข้าไปในห้องบรรทม และเหล่าขันทีก็ยืนรออยู่ด้านนอก
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี เข้าเฝ้าพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ”
อาจเป็นเพราะรูแฮเห็นว่าเหล่าข้ารับใช้สามารถมองเข้ามาด้านในได้จากช่องประตูที่เปิดอยู่ ในครั้งนี้เขาจึงทำเพียงก้มศีรษะลงเล็กน้อย กโยซึลเบิกตาโตเมื่อเห็นสิ่งของมากมายกองเท่าภูเขาที่ขันทีถืออยู่ นางลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งอย่างทุลักทุเล แล้วเดินเข้าไปหารูแฮ
“รู ไม่สิ ฮวางเซจาทรงมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือเพคะ”
“กระหม่อมได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิพ่ะย่ะค่ะ ต่อจากนี้ไปทรงแต่งตั้งให้กระหม่อมเป็นพระอาจารย์ของพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” รูแฮยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หรือจะเรียกว่ากระหม่อมเป็นพ่อทูลหัวของบุตรที่อยู่ในครรภ์พระองค์ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ขณะนี้ในพระราชวัง บัณฑิตผู้ที่ให้ความสนใจต่อศาสตร์วิชาการ และเป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ในด้านวิชาการมากที่สุดนั่นก็คือ รูแฮ แน่นอนว่ารัชทายาทองค์อื่นเองก็ย่อมมีความรู้ด้านวิชาการมากกว่าบัณฑิตทั่วไป ทว่ารูแฮนั้นเดิมทีมีความสนใจต่อศาสตร์วิชาการเป็นอย่างมากอยู่แล้ว จนถึงขั้นที่สามารถวิเคราะห์ศาสตร์เก่าแก่ที่บัณฑิตคนอื่นไม่แม้แต่จะเล่าเรียนได้ด้วยตนเอง เขาไม่แบ่งแยกสาขา ล้วนศึกษาทุกศาสตร์อย่างเท่าเทียมกัน จนเหล่าพระอาจารย์เรียกเขาว่าบัณฑิตรอบด้าน
ผู้ที่ได้รับการยอมรับและรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการหลายด้านก็คือ รูแฮ การที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพ่อทูลหัวของทายาทฮวางแทจาย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อกโยซึลได้ฟังที่รูแฮพูด นางก็หันไปมองเหล่าหนังสือจำนวนมาก และเมื่อรู้ว่าตนต้องศึกษามันทั้งหมดนั้น ใบหน้าก็พลันซีดเผือดลง
“ทรงหมายความว่าต้องอาศัยหนังสือเป็นจำนวนมากถึงเพียงนั้น เพื่อบุตรในท้องของเราอย่างนั้นหรือ”
“มารดาต้องรอบรู้เรื่องเกี่ยวกับมกกุกเป็นอย่างดี จึงจะสามารถสอนให้บุตรของตนให้เป็นเชื้อพระวงศ์ที่ฉลาดหลักแหลมได้พ่ะย่ะค่ะ”
รูแฮจริงจังกับเรื่องนี้เสมอ กโยซึลถอนหายใจ แล้วก้มลงมองท้องของตัวเอง หลังจากนั้นนางก็หยิบหนังสือขึ้นมา
เหล่าขันทีนำของต่างๆ ไปจัดเก็บไว้ในห้องหนังสือของตำหนักดงบีเรียบร้อยแล้วก็พากันกลับไป กโยซึลที่ถูกรูแฮพามาที่ห้องหนังสือต้องนั่งเปิดหนังสือไปมาอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสืออย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดน่ายินดีนัก รูแฮถึงได้เอาแต่ยิ้มไม่หุบ