ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 102
จากแม่ของเจสัน เจสันได้ยินนิทานเกี่ยวกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่น ชุดเกราะที่ทำลายไม่ได้ น้ำยาที่ทำให้เป็นอมตะ จารึกศักดิ์สิทธิ์ และสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถแยกสวรรค์ ทำลายนรก และทำลายภูเขาได้ด้วยลมหายใจเพียงครั้งเดียว
เจสันไม่เคยคิดมาก่อนว่านิทานเหล่านี้จะเป็นเรื่องจริง แต่อย่างน้อยความจริงบางอย่างมักถูกซ่อนอยู่ในคำโกหก เจสันชื่นชมนิทานเกี่ยวกับวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งและสง่างาม ปกป้องอาณาจักรด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขา เมื่อคิดถึงอาชีพเหล่านี้ ความอยากรู้อยากเห็นของเจสันก็เพิ่มมากขึ้น และยังมีอาชีพอีกมากมาย ที่เจสันอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมัน
เจสันจึงเปิดเว็ปไซต์ดูอาชีพต่างๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ข้อกำหนดที่ง่ายและเจสันทำได้คือความเชี่ยวชาญมานาระดับสูงสุดและระดับกลางและการรับรู้ความไวของมานา
เจสันไม่แน่ใจว่าอะไรคือความเชี่ยวชาญขั้นกลางหมายถึงอะไร แต่เจสันมั่นใจว่าเขาไปถึงระดับนั้นมานาแล้ว แม้แต่ทิลล์เองยังยกย่องการควบคุมมานาของเจสัน
เมื่อพิจารณาว่าทิลล์นั้นมาจากครอบครัวใหญ่จากคาร์เนีย คำชมนั้นก็คุ้มค่ามากที่เดียว ซึ่งทำให้เจสันมั่นใจในการควบคุมมานามากขึ้นไปอีก
ความต้องการง่ายๆ อีกหนึ่งอย่างคือ ความรู้ของตนเอง ซึ่งต้องรู้ลึกซึ่งเกี่ยวกับอาชีพนั้น สำหรับช่างตีเหล็กต้องรู้เกี่ยวกับแร่ แท่งโลหะ ความร้อน เทคนิคการตีเหล็ก การลับคม
เจสันสามารถอ่านหนังสือที่จำเป็นละจดจำได้มากหลังจากอ่านเพียง 2 ครั้ง เนื่องจากการขัดเกลาสมองจากการฝึกแยกจิต ทำให้เจสันสามารถเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น
แต่มีปัญหาอย่างหลังอย่างหนึ่งคือ ค่าใช้จ่าย ไม่เพียงแต่การซื้อหนังสือของทั้ง 3 อาชีพจะมีราคาแพง และบางเล่มก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายกับพวกสามัญชน
วัสดุมีราคาแพงแลพใช้เวลานานกว่าจะถึงระดับ 0 ของอาชีพหรือที่เรียนกว่า ‘เด็กฝึกงาน’ นอกจากนี้ยังมีครูไม่มากที่สอนนักเรียนเพราะไม่ได้รับประโยชน์อะไร และก็มีราคาที่แพงมาก ซึ่งครอบครัวปกติหรือครอบครัวที่มีฐานะนิดหน่อยไม่สามารถจ้างครูสอนเหล่านี้ได้
แต่ทางโรงเรียนระดับสูงจะจ้างช่างตีเหล็ก นักเล่นแร่แปรธาตุ และรูนมาสเตอร์มาสอนเด็กนักเรียน เพราะพวกเขาจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ดี
และนั้นคือหัวข้อของโรงเรียนที่เจสันเปิดเจอ
อันดับของอาชีพจะแบ่งออกเป็น 3 ลำดับ
อันดับ 0 : เด็กฝึกงาน อันดับ 1 : ระดับเริ่มต้น อันดับ 2 : พื้นฐาน อันดับ 3 : ระดับกลาง เป็นต้น อาชีพระดับกลางสามารถผลิตอาวุธเกรด 2 ได้ ซึ่งสามารถรับเครดิตได้เป็นจำนวนมหาศาล
การเป็นระดับ 3 จะถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยนสำหรับความสัมพันธ์การเป็นพันธมิตรของช่างตีเหล็ก และยังมีความหมายกับช่างตีเหล็กว่าพวกเขาสามารถสร้างอาวุธมานาโดยได้รับความช่วยเหลือจากรูนมาสเตอร์
แต่ยังต้องมีการสอบเพื่อที่จะไปฟังคำบรรยาจากบุคลลทั้ง 3 อาชีพนี้ การทดสอบจะตั้งคำถามถึงความรู้ การควบคุมานา และแม้แต่ความถนัดในการทดสอบภาคปฏิบัติ
เจสันพบว่าช่างตีเหล็กและนักเล่นแร่แปรธาตุนั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง และจากอ่านคำอธิบายของรูนมาสเตอร์แล้ว เจสันก็ไม่สามารถเลือกได้ว่าอาชีพไหนดีที่สุด เพราะเจสันอยากเป็นทั้ง 3 อาชีพ
เจสันตั้งคำถามกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง กระทั่งสังเกตเห็นข้อมูลบางอย่าง ที่ทำให้อารมณ์ขึ้งเจสันพุ่งขึ้น ในการทดสอบใมนแต่ละครั้ง ใช้เวลาแตกต่างกันและไม่ทับซ้อนกัน เจสันสามารถเข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดได้ และบางทีเจสันอาจจะสามารถผ่านได้อย่าง 1 อย่าง หากเป็นอย่างนั้นเจสันจะได้รับการเข้าอบรบกับผู้สอนอาชีพระดับ 3 อาชีพใดอาชีพหนึ่ง
เจสันลงทะเบียนอย่างมีความสุขสำหรับการทดสอบทั้ง 3 อาชีพ และการสอบในแต่ละครั้งจะเริ่มในวันศุกร์ ในขณะที่แต่ละการสอบใช้เวลา 4 ชั่วโมง เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้ว เจสันก็ได้รับการแจ้งเตือนในสิ่งที่ควรรู้สำหรับการสอบและมอบหนังสือสำหรับการอ่านเพื่อทำการทดสอบ
`ขอบคุณสำหรับหนังสือฟรี!!’
เจสันคิดในใจพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เจสันรู้ดีว่าทำไมจึงเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนทั่วไปที่จะเรียนรู้อาชีพโดยไม่มีครูสอน ตอนนี้ตรงหน้าเจสันมีหนังสือมากกว่า 30 เล่มที่เจสันไม่สามารถหาซื้อได้ตามปกติ และยังเหลือเวลาอีก 6 วันก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ และเจัสนต้งใจที่จะโดดเรียนเพื่อมาอ่านหนังสือ
แต่ก่อนหน้านั้นเจสันต้องส่งข้อความบอกทิลล์ก่อน เจสันรู้ดีว่าทิลล์นั้นแตกต่างกับครูคนอื่นๆ เจสันจึงเขียนอธิบายแล้วส่งข้อความไปหาทิลล์ แล้วเจสันก็ได้คำตอบกลับมาคือ
“เข้าเรียนในตอนเช้า แต่ตอนบ่ายไม่ต้องเข้าก็ได้เดียวจะส่งบทเรียนในช่วงบ่ายให้”
เจสันประหลาดใจเล็กน้อยเพราะถึงแม้ทิลล์จะไม่ใช่ครูจริงๆ แต่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องการเรียนงั้นหรอ และดูเหมือนทิลล์รู้สึกไม่สบายใจกับการที่เจสันเลือกทดสอบทั้ง 3 อาชีพ
และทิลล์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเจสันได้ ทิลล์ กรีน รู้ดีว่าเจสันนั้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุของเขา ในฐานะครูทิลลืเองก็อยากให้เจสันได้พบกับขีดจำกัดของตัวเอง
และถ้าเจสันผ่านการทดสอบทั้งหมดแสดงว่าเจสันนั้นมีความสามารถพอที่จะเรียนรู้อาชีพทั้ง 3 การรู้พื้นฐานของอาชีพเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น และเซรอนเองก็รู้ข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่อยู่แล้ว และเซรอนก็จะเข้าร่วมการทดสอบทั้ง 3 อาชีพด้วย และในฐานะอาจารย์ ทิลล์คงจะผิดหวังหากเซรอนทดสอบไม่ผ่าน
แต่ความจริงนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก เมื่อเวลา 15.00 น. เจสันได้เปิดหนังสือเล่มแรกและอยู่ในพื้นที่ที่จะไม่โดนการรบกวนจากใครๆ เวลาผ่านไปจนถึง 19.00 เจสันก็ได้ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปทานอาหารเย็น ทันใดนั้นก็มีคนเดินตรงเข้ามาหาเจสัน ขณะที่เจสันรู้สึกเหมือนโดนแบกขึ้นไหล่ใครสักคน และนั้นก็คือ เกร็กนั้นเอง
“เจสัน ฉันโทรหานาย 2-3 ครั้ง แล้วนะ อย่าบอกนะว่านายไม่ได้ยินเพราะอ่านหนังสืออยู่ อย่าโกหกนะ !!”
เมื่อโดนแบกบนไหล่แบบนี้ เจสันรู้สึกอับอายทันทีเพราะทุกคนเห็นเขาแบบนั้น
“ขอโทษๆ แต่ปล่อยฉันลงก่อนได้ไหม ๆ !!”
เจสันเกือบตะโกนและเกร็กก็วางเขาลง
ขณะที่ทั้งคู่กำลังลงนั่งบยนโต๊ะอาหาร ทุกคนรอบๆ ก็หัวเราะออกมาเบา เมื่อตอนนั้นสภาพเมื่อกี้นั้นดูตลกมาก
‘อ๊ะ….น่าอายจริงๆ -//-‘
เจสันมองไปรอบๆ โดยที่ไม่กล้าสบตากับใครเลย และใช้เวลาพอสมควรกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ
เจสันไม่กล้าเงยหน้ามองใครๆ และทุกคนก้เริ่มกินอาหารเย็นกัน เมื่อกินเสร็จเจสันก็รีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองอย่างเร็วที่สุด
ในขณะที่กาเบรียลลาและมาเลียเห็นว่าท่าทางแบบนี้ของเจสันน่ารัก ในขณะที่มาร์คมองดูอย่างประหลาดใจ
เจสันสงบสติอารมณ์และมองดูหน้าจอโฮโลแกรม และเห็นว่าตัวเองนั้นอ่านหนังสือไป 3 เล่มแล้ว และเจสันก็สามารถจำเนื้อหาในหนังสือได้แทบจะทั้งหมดถ้าอ่านซ้ำอีกครั้ง เจสันก็จะจำได้ทั้งหมด ทำให้เจสันตกใจกับตัวเอง ตอนนี้เจสันเหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่
เจสันดีใจกับความเร็วในการอ่านและความจำของตัวเอง และต้องขอบคุณทิลล์ที่ช่วยในการขัดเกลาสมอง แม้ว่ามันจะเจ็บปวดมากก็ตาม และต้องขอบคุณแม่ของเขาที่ให้เจสันรวบรวมมานาไว้ที่ตา ไม่อย่างนั้นเจสันคงมองไม่เห็นและไม่มีดวงตาที่พิเศษแบบนี้
หลังจากที่เจสันสงบลงก็ได้เข้าไปในโลกวิญญาณและฝึกฝนเทคนิคนรกสวรรค์ก่อนที่จะอ่านหนังสือต่อไปอยู่ในห้องเขาตัวเอง