ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 104
เจสันยังไม่ลืมตาขึ้นในขณะที่ห้องเกิดความโกลาหล
“เมื่อกี้มันอะไรหน่ะ ?”
“ความเชี่ยวชาญระดับที่เหนือกว่างั้นหรอ อะไรกันเนี่ย ???”
“ขี้โกง ถ้าให้พวกเรายืนทำแบบนั้นก็อาจจะเพิ่มความสามารถได้เหมืนอกัน !”
นักเรียนบางคนตะโกนในขณะที่ทิลล์กำลังคิดว่าควรจัดการหรือปล่อยให้พวกนั้นพูดต่อไป คนอื่นๆอิจฉาโดยสัญชาตญาณ และทิลล์เองก็อิจฉาในตัวเจสันด้วย
‘เด็กหนุ่มอายุ 14 ปี จะมีทักษะการควบคุมมานาสูงอย่างนั้นได้ยังไง แล้วนั้นยังไม่ใช่ทั้งหมด ความสามารถของเจสันในแต่อย่างอย่างมันค่อยข้างสูงเมื่อเทียบกัขบคนอื่นๆ ในระดับเดียวกัน และทิลล์เองก็ช่วยเจสันในการฝึกแยกจิตด้วยเพื่อที่เจสันจะได้สามารถดูดซับมานาได้อย่างไม่ต้องเสียเวลา’
ทิลล์สงสัยว่าเจสันจะสามารถเข้าสู้ระดับผู้วิเศษในตอนไหน ด้วยความสามารถที่มีอยู่ แต่การนึกถึงสิ่งนั้นทำให้หัวใจของทิลล์ตุบ
หนึ่งนาทีผ่านไป ทิลล์สงบลองก่อนที่จะบังคับให้นักเรียนทุกคนเงียบ
“เงียบ!!”
ทิลล์ที่อารมณ์เสียเพราะความสามารถที่เกินตัวของเจสัน และยิ่งพวกนักเรียนมาโวกเวกต่อหน้าทิลล์ที่หงุดหงิด ทำให้ทิลล์ปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทุกเงียบภายในไม่กี่วินาที ในขณะที่เด็กบางคนน้ำตาคลอ เพราะไม่สามารถรับแรงกดดันในระดับจิตสังหารได้ ซึ่งมันค่อนข้างน่าขำสำหรับเจสัน
เจสันยังคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และความเชี่ยวชาญระดับที่เหนือกว่าคืออะไร แต่เจสันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบตัว และมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เจสันกลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ
ในขณะที่ไม่สนใจสายตาที่จ้องเขม็นจากเพื่อนๆ ใบหน้าของเจสันมีแต่รอยยิ้มที่สดใส ในที่สุดทิลล์ก็ประกาศผลหลังจากที่เจสันที่เป็นนักเรียนลำดับสุดท้ายได้ทดสอบแล้ว
“เซรอน กิเออร์ และเจสัน สเตลล่า ผ่านการทดสอบ คุณทั้งสองคนจะต้องไปทดสอบความรู้เชิงในเร็วๆ นี้ ส่วนคนอื่นๆ ฉันจะทดสอพวกคุณ หากพวกคุณไม่สามารถตอบคำถามได้ จะโดนลงโทษ !! อย่าจะคิดว่าทางจะโรงเรียนจะมอบหนังสือที่หาซื้อไม่ได้เกี่ยวกับทั้ง 3 อาชีพนี้ให้กับพวกคุณ โดยฟรีๆ หน่ะ”
ในห้อง 54 มีเพียงเจสันและเซรอนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ เมื่อพิจารณาว่าชั้นเรียนของเจสันเป็นระดับที่แย่ที่สุดในตอนแรก และห้อง 20-30 ส่วนมากก็มีนักเรียนในระดับผู้ชำนาญ 7 ส่วนมาก เจสันจึงคิดว่าหากร่วมกันทั้งชั้น นักเรียนน่าจะมีอย่าง 3,000 คนที่ผ่านรอบแรก
โดยพิจารณาข้อสอบที่ยากที่สุดน่าจะเป็นการสอบปฏิบัติในขั้นตอนสุดท้ายซึ่งไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจะแตกต่างออกไป ซึ่งเกี่ยวกับความรู้สึกที่รับรู้ต่อมานา การควบคุม ความแม่นยำ ความอดทน ควมาขยัน ความรู้ และคุณลักษณะอื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถทำได้แม้กระทั่ง สิ่งที่ง่ายที่สุด
เจสันรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะผ่านการทดสอบความถนัดทั้ง 3 แบบ แต่อย่างนอยขเาก็จะลองดู และเจสันมั่นว่าจะผ่านการทดสอบทฤษฎีด้วยความรู้ที่อยู่เต็มหัวของเจัสน ดังนั้นเจสันและเซรอนจึงออกไปข้างนอกหลังจากที่ทิลล์ได้จบการบรรยายสั้นๆ
ทิลล์พาเจสันและเซรอนออกไปสอบภาคทฤษฎี ในขณะที่จะสอบเรื่องเกี่ยวกับอักษรรูนก่อน ละตามด้วยการเล่นแร่แปรธาตุ และลำดับสุดท้ายจะเป็นการตีเหล็กและโลหะ
ทั้งสองเดินตาทิลล์อย่างสงบและเข้าไปในห้องโถงใหญ่ซึ่งไม่เคยมากันมาก่อน หอประชุมของโรงเรียนที่เชื่อมต่อกับอาคารเรียนทั้ง 3 ตึก และมีขนาดที่ใหญ่พอที่จะรองรับคนได้หลายพันคน
ด้านหน้ามีเทวีสีขาวและมีแท่นไม้โบราณอยู่ตรงกลาง ขณะที่มีโต๊ะแกละเก้าอี้จำนวนมากถูกวางไว้ในห้องประชุม การทดสอบของพวกเราจัดอยู่ในห้องประชุมงั้นหรอ ในห้องประชุมโต๊ะแต่บละตัวห่างกัน 2 เมตร
และผู้อาวุโสสามารถที่จะมองโต๊ะในแต่ละตัวได้อย่าวงชัดเจน และทุกคนก็กำลังรอการเริ่มการทดสอบ ทุกคนที่เข้าแข่งขันอาจจะกระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพทั้ง 3 นี้เป็นโอกาสที่หายากที่จะได้เรียนรู้จากผู้ทำอาชีพทั้ง 3 โดยตรง
เจสันและเซรอนจัดอยู่ในหมุ่เด็กนักเรียนที่สงบเสงี่ยมที่สุดในขณะที่ทั่ง 2 นั่งข้างๆกันเพื่อรอการเริ่มการทดสอบอย่างเงียบๆ การขอพรหรืออวยพรให้แก่กันและกันเป็นเรื่องไร้สาระและไร้ประโยชน์เพราะการทดสอบไม่ได้ใช้โชค แต่ใช้ความรู้ที่อยู่ในหัวต่างหาก
ผ่านไปกว่า 20 นาทีและนักเรียนกลุ่มสุดท้ายก็เข้ามาที่ห้องประชุม ประตูห้องประชุมได้ถูกปิดลงแล้ว
จนกระทั่งชายร่างใหญ่ผมสีน้ำตาลมีเครายาวเดินขึ้นมาบนเวทีแบะถัดจากชายคนนั้นคือเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่มีดวงตาสีฟ้าส่วมแว่นตา และสวมเสื้อคลุมที่มีอักษรรูณโบราณ และระหว่างทั่งสองเป็นผู้หญิงผิวขาวผมดำหางม้้ารูปร่างของเธอดีมากมีขนาดหน้าอกและเอวที่มีสัดส่วน
‘เธอใช้น้ำยาฟีโรโมนหรอ ?’
เจสันถามกับตัวเองในขณะที่มองเห็นหมอกควันสีชมพูอยู่รอบๆ ตัวหญิงสาวผมดำคนนั้น
หญิงสาวยืนอยู่บนเวทีในขณะที่ชายทั้งสองอยู่ข้างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวมีอำนาจและยศสูงกว่าชายทั้งสอง
“สวัสดีนักเรียนที่รักทุกคนฉันชื่อ แอนทาเรีย ชารอน ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 4 ฉันรู้สึกเป็นเกีรติที่ได้มาที่นี่เพื่อทดสอบความรู้ของทุกคนเกี่ยวกับอาชีพทั้ง 3 และฉันหวังว่าเราจะพบอํญมณีที่ซ่อนอยู่ในหมู่พวกเธอ”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“เราทราบกันดีว่าพวกเธอบางคนสมัครสอบทั้ง 3 อาชีพ เพราะบ่อยครั้งที่นักเรียนพยายามที่จะทำให้ตัวเองได้สิ่งที่ดีที่สุดและได้รับโอกาสเพิ่ม แต่ก่อนหน้านั้นฉันอยากจะบอกว่า เราจะทำการทดสอบทั้ง 3 อาชีพติดต่อกัน และหวังว่านักเรียนที่สมัครสอบทั้ง 3 อาชีพคงจะมั่นใจในตัวเองดี ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไม่สมัครทั้ง 3 อาชีพใช่ไหม”
แอนทาเรียยิ้มแต่ดวงตานั้นเย็นชา
“หลังจากหารือกับอาจารย์ใหญ่แล้ว เราตัดสินใจเปลี่ยนแปลงข้อสอบเล็กน้อย ทุกคนที่สมัครมากกว่า 1 อาชีพ แล้วสอบไม่ผ่านจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนสำหรับหนังสือที่ได้มาจากการสอบผ่านอาชีพใดอาชีพหนึ่ง
ไม่อย่างนั้นคะแนนเลชของพวกเธอจะถูกหักตามค่าใช้จ่าย ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่สอบไม่ผ่านและไม่สามารถชำระเงินได้จะต้องกู้เงินผ่านหอคอยช่างฝีมือหรือโรงเรียนแนวหน้า
แต่เนื่องจากพวกเราก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ดังนั้นเราจะไม่คิดเครดิตสำหรับคนที่สมัคร 2 อาชีพและสามารถสอบผ่านอย่างน้อย 1 อาชีพ ในขณะที่นักเรียนที่สมัครทั้ง 3 อาชีพจะต้องสอบผ่าอย่างน้อย 2 อาชีพ”
คนส่วนใหญ่เริ่มคร่ำครวญจากสิ่งที่ได้ยิน นักเรียนบางคนถึงกับสาปแช่ง แต่เจสันอะไรมากนักในขณะที่จำได้ว่าในหนังสือมีการแจ้งตัวเล็กๆ ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นหากสอบตก
และเห็นได้ชัดว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่เห็นการแจ้งนี้ และมันยากที่เจสันจะหุบยิ้ม เจสันต้องกลั้นหัวเราะในขณะที่นักเรียนบางคนกระโดดขึ้นโต๊ะและสาปแช่งเจ้าหน้าที่ ที่เป็นระดับผู้วิเศษอยู่ข้างหน้า
เมื่อสถานการณ์ทั้งหมดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ก็ได้เกิดคลื่นมานาขนาดใหญ่ซัดกระจายไปทั่วห้อง ทำให้นักเรียนบางคนล้มลง เจสันและเซรอนรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เลยห่อหุ้มร่างกายตัวเองด้วยมานาเอาไว้
“เงียบ!”
ทิลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเสียงดัง ขณะที่บลิงค์ไปบนเวที
“ถ้าพวกคุณอ่านคำชี้แจ้งไม่ออก หรือไม่เห็น ก็อย่ามาบอกว่าคนอื่นหลอกลวง ฉันคิดว่าหอคอยช่างฝีมือนั้นผ่อนปรนกับการลงโทษ หรือพวกคุณอยากตายจากการถูกทำลายแกนมานา ฉันไม่คิดว่าพวกคุณต้องการแบบนั้นหรอกนะ !”
ห้องประชุมเงียบลงอย่างน่าขนลุกและนักเรียนบางคนก็ร้องไห้ เมื่อคิดว่าพวกเขาจะเป็นหนี้ก้อนดต หากพวกเขาไม่สามารถสอบผ่านตามข้อกำหนดได้ บางคนก็เลิกพยายามและมองไปข้างหน้าอย่างไร้ชีวิตชีวา
หญิงสาวได้พูดต่อว่าโดยบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อย
“ปกติการสอบทุกครั้งจะใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่เราเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทุกคนที่สมัครอาชีพเดียวจะมี 4 ชั่วโมง แต่นักเรียนที่สมัคร 2 อาชีพ จะมี 7 ชั่วโมงในการทำ 2 อาชีพ และสำหรับคนที่สมัคร 3 อาชีพจะมีเวลาในการทำข้อสอบทั้งสาม 9 ชั่วโมง”
เด็กทั้งหลายเริ่มคร่ำครวญด้วยความยากลำบาก แต่เนื่องจากกลัวคลื่นมานาจะซัดอีกรอบพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคร่ำครวญในใจ
“การตอบถูกต้องเพียง 60% ก็เพียงพอสำหรับการสอบผ่าน และหอคอยช่างฝีมือของเราจะมีรางวัลให้สำหรับนักเรียนที่ทำคะแนนได้ 90%ขึ้นไป ด้วยของรางวัลที่เหมาะสม”
เมื่อเจสันได้ยินเรื่องนี้ เขาก็เงยหน้ามองด้วยตาที่เป็นประกาย
“เราได้ลด % ที่จะผ่านการทดสอบเนื่องจากเป็นการทดสอบที่ยากมากสำหรับนักเรียนที่เราได้รู้มา ฉันหวังว่าเราจะมีนักเรียนที่สามารถสอบภาคทฤษฎีผ่านไป หอคอยช่างฝีมือของพวกเราจะตั้งตารอ ขอให้พวกคุณพยายามให้สุดความสามารถ !!”
เธอพูดอย่างกระตือรือร้นและเมื่อเห็นการยกมือขึ้นในช่วง 2-3 แถวสุด
“หืม นักเรียนผมดำ ตาสีทอง เธอมีคำถามอะไรจ้ะ ?”
ทุกคนหันไปทางคนที่ยกมือและตอนนี้เจสันสังเกตเห็นว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่กำลังยกมืออยู่ เจสันอยากรู้บางอย่าง การให้รางวัลนั้นเข้าใจได้หลายวิธี
เจสันกระแอมในลำคอและขยายเสียงด้วยมานาเล็กน้อยในขณะที่ถามด้วยน้ำเสียงที่มีความมั่นใจ
“ตามความเข้าใจของผม หอคอยช่างฝีมือคิดว่าจะไม่มีใครสามารถทดสอบผ่านทั้ง 3 อาชีพในทีเดียวใช่ไหม และถ้ามีคนสอบผ่านทั้ง 3 อาชีพแบบคะแนน 100% คุณจะให้รางวัลที่ดีกว่านี้ไหม ถ้ามันเกิดขึ้น”
เจสันถามด้วยความโลภในดวงตา