ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 113
เจสันพยักหน้าและถามคำถามเกี่ยวกับพลังวิญญาณและความสามารถที่แท้จริงของมัน และทิลล์ต้องบอกความจริงกับเจสัน ขณะที่ทิลล์กำลังอธิบายว่าขีดจำกัดของเขานั้นสามารถใช้ปีกของนกอินทรีศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มที่เพียง 2 ชั่วโมง
เจสันประหลาดใจและสงสัยว่าอินทรีศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นสัตว์พันธะตัวแรกของทิลล์หรือเปล่า
ในฐานะครู ทิลล์ไม่ได้รู้สึกรังเกียจในการตอบคำถามจากนักเรียนที่มีความทะเยอทะยาน และตอนนี้เป็นเวลา 22.00 น. เจสันยังคงถามคำถามหลายๆ อย่าง
เจสันถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดของพกวก็อบบลินว่าทำไมถึงไม่มีใครสามารถทำอะไรกับพวกมันได้
แต่คำตอบนั้นทำให้เจสันรู็สึกแย่ลง
“หลังจากที่คุณนำหลักฐานต่างๆ จากพวกก็อบบลินมา พวกเราทุกคนนั้นต่างประหลาดใจรวมถึงพวกรัฐบาลด้วย เราส่งคนที่มีระดับผู้วิเศษไปจัดการพวกมัน และเขตป่าโดยรอบก็ถูกทำลายภายในหนึ่งวัน เขตป่าที่อยู่ติดกัน ก็ถูกพวกอ็อคลิน และฮ็อบก็อบบลินเข้ามาก่อกวน
พวกออร์คเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าพวกก็อบบลินและมีความแข็งแกร่งกว่ามาก แต่การแพร่พันธุ์ของพวกนั้นไม่ได้รวดเร็วเหมือนก็อบบลิน
ออร์คส่วนใหญ่จะก่อตั้งสังคมของพวกมันเอง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ในกรณีนี้ พวกออร์คยังมีความทนทานและอึดเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการพวกมันได้หมด พวกเราต้องรวบบรวมกลุ่มผู้วิเศษขนาดใหญ่ และหัวหน้ากลุ่มก็เป็นผู้วิเศษระดับสูง
ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จำสามารถจัดการพวกมันได้ ตอนแรกพวกเราคิดว่ามันจบลงแล้ว
จนเมื่อพวกเหล่าสัตว์ร้ายระดับสูงเริ่มมาลี้ภัย เราจึงรู้ข้อมูลของพวกก็อบบลินว่าพวกมันกำลังตั้งค่ายอยู่ที่ดินแดนต้องห้าม และก็กัปตันของเราที่มีระดับผู้วิเศษขั้นสูง
ยังไม่สามารถจัดการกับสัตว์ระดับผู้พิทักษ์บางตัวที่มาขอลี้ภัย
จึงเป็นไปได้ว่า พวกก็อบบลินที่นั้นต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน นี้จึงเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างมาก
และสัตว์ร้ายระดับลอร์ดสามารถที่จะทำลายกำแพงของเมืองไซโรได้อย่างง่ายดาย และถ้าพวกเราไม่มีสัตว์ระดับลอร์ดมาช่วยป้องกันแอสทริกซ์คงต้องพบกับปัษหาใหญ่
และเมื่อคุณส่งรูปจี้ห้อยคอของพวกก็อบบลินมา ทำให้รู้ว่าพวกมาันสามารถจัดหาอาวุธได้ ถึงแม้มันจะมีระดับต่ำ
ถ้าฉันต้องสู้กับราชาก็อบบลิน เมืองก็จะไม่มีใครมาปกป้อง เพราะผู้เฒ่าเดร็กก็ไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว
นอกจากนี้อาจจะมีก็อบบลินจอมเวทย์ระดับผู้พิทักษ์หลายร้อยตัว ลอร์ดก็อบบลินกลายพันธุ์ อัศวินเวทย์ก็อบบลิน หรืออร์คระดับสูงที่จะเข้าเมืองมาได้ถ้าไม่มีคนคอยปกป้องเมือง”
ทิลล์พูดจบเจสันก็มองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ทิลล์ต้องการบอกทุกอย่างให้เจสันได้ฟังเพราะเจสันอาจจะมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้
เซรอนนั้นรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามจากก็อบบลินทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และหากสถานการณ์เลวร้ายเกินไป ทิลล์ก็จะพาเซรอนหนีไปและทิ้งแอสทริกซ์ไว้ แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้นเขาก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่
“เจ้าเด็กบ้า ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวปวดหัว ไซโรจะไม่เป็นอะไร”
เสียงที่ฟังดูคุ้นหูเอ่ยขึ้น
ทั้งเจสันและทิลล์หันไปมอง และเห็นชายชรายื่นอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่าเดร็ก และเจสันก็ประหลาดใจอย่างมาก
“ท่านผู้เฒ่า !”
เจสันพูดอย่างสับสนและดีใจ นั้นคือชายชราเมื่อตอนที่ปลุกวิญญาตให้กับเจสัน
‘เขามาทำอะไรนี้ เขาอยู่ที่อาร์เทสไม่ใช่หรอ’
เจสันสงสัยขณะที่มองดู ผู้เฒ่าเดร็กที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย ทำให้เจสันยื่งสับสนมากขึ้น
“คะ … คุณแบลร์ !?”
ทิลล์พูดอย่างตกคะลึง
“ทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่ ?”
ทิลล์กล่าวด้วยความตกใจ และห่อหุ้มร่างกายตัวเองกับเจสันด้วยมานา และพร้อมที่จะพาเจสันหนีไปหากเกิดอะไรขึ้น
“อย่าคิดแม้แต่ที่จะหนีข้า !”
ชายชรากล่าวและปลดปล่อยมานาที่บริสุทธิ์จำนวนมหาศาลออกมา เพื่อทำให้ไม่มีใครเคลื่อนไหวได้
พวกเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว ในขณะที่เจสันเห็นมานาจำนวนมากและหนาแนะบริสุทธิ์อย่างมาก ผ่านดวงตา
“แกนคริสตัลพริสมารีน”
เจสันหลุดคำพูดออกมาหลังจากที่มองไปที่แกนมานาของแบลร์
แบลร์มองเจสันด้วยความประหลาดใจและสนใจในความสามารถของดวงตาเจสัน
‘เหยื่อของฉัน ‘
แบลร์คิดในใจ
“ใช่ ฉันยังมีชีวิตอยู่ และฉันจะจัดการพวกเจ้า ”
แบลร์พูดอย่างดุดัน ก่อนที่จะหันไปมองเจสันและยิ้มอย่างอ่อนโยน
ตอนนี้แบลร์ได้พบสิ่งมีค่าราวสมบัติวิเศษ และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อมห้ได้มันมา
“ฉันจะช่วยพวกเจ้าเรื่อง ราชาก็อบบลิน แต่ก่อนอื่น ฉันขอคุยกับเจ้าเด็กคนนั้น”
แบลร์กล่าวออกมาโดยไม่ให้ทิลบล์หรือเดร็กได้มีโอกาสพูดเลย