ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 120
เมื่อเข้าไปยังห้องถัดไป เจสันเห็นว่ามันใหญ่กว่าห้องโถงห้องแรก มันเป็นเหมือนเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ และแต่ละห้องโถงก็จะมีสะพานไม้แขวนเชื่อมต่อกัน
ใจกลางเมืองใต้ดิน จะมีแม่น้ำใต้ดินขนาดใหญ่ และมีตึกที่ดูเหมือนของมนุษย์ แต่วัสดุที่ใช้ในการสร้างนั้นไม่เหมือนกับพวกมนุษย์แต่ก็คล้ายๆ และมันมีมานาแผ่กระจายไปทั่วทั้งตึก
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่เขาเห็นภายในอาคาร เจสันยังไม่เชี่ยวชาญการใช้ตามานามากนัก เขาจึงไม่สามารถมองทะลุผ่านชั้นหินจำนวนมากได้ หรือวัสดุที่มีปริมาณมานาที่มาก
แต่อย่างไรก็ตาม เจสันสามารถมองเห็นได้ว่ามันมีออร่าของมานาหลายสีที่เปล่งออกมาจากภายในตึก และมันก็เป็นสิ่งที่แตกต่างจากเหล่าสัตว์ร้าย มันลักษณะที่ค่อนข้างอ่อนและไม่เคลื่อนไหว
มีโอกาสที่ความคิดของเจสันอาจจะผิดพลาด พวกมันอาจจะเป็นก็อบบลินหรือสัตว์ชนิดอื่นที่กำลังหลับ แต่เจสันไม่คิดว่าราชาก็อบบลินจะปล่อยให้พวกก็อบบลินระดับต่ำหรือสัตว์ที่มีระดับต่ำเข้ามาอยู่ในตึกที่สวยงามแบบนี้
เชนมองไปที่ตึกขาดใหญ่และหันมามองเจสันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“บอกตามตรง ทีมกู้ภัยจะมาในระยะเวลาที่ไม่ถึง 20 นาที พวกเราเหลือเวลาน้อยลง ซึ่งหมายความว่าฉันจะรวบรวมสมบัติได้น้อยลง ตอนนี้ไม่มีสัตว์ร้ายหรือพวกก็อบบลินแล้ว ฉันคงทิ้งเจ้าไว้ที่นี่สักพักได้ใช่ไหม”
เชนพูดขบและเจสันยังไม่ทันได้กล่าวอะไร เขาก็ได้หายวับไปแล้ว
‘เขาจะทิ้งฉันไว้คนเดียวจริงๆ หรอ ตาลุงนั้น ‘
เจสันสงสัยและยอมรับกับความโลภของเชนและยังเรื่องของความโหดร้ายเล็กน้อยของเขาที่มีให้กับคนอื่นๆ เรื่องนี้ทำให้เจสันนึกถึงพฤติกรรมของเชนที่ปฏิบัติต่อเขา ซึ่งมันค่อนข้างดีและอ่อนโยน
สิ่งเหล่านี้ทำให้เจสันสับสนและไม่แน่ใจว่าเชนนั้นต้องการอะไรจากเขา ก่อนหน้านี้เชนบอกต้องการคุยอะไรบางอย่างกับเจสัน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขานั้นยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันแบบจริงๆ จังเลย
เจสันเชื่อคำพูดของเชนที่ว่าไม่มีสัตว์ร้ายและก็อบบลินเหลืออยู่แล้ว และเจสันก็คิดถึงบางสิ่ง
‘ยิ่งสีมีความชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ความหนาและขนาดของเฉดสียังถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ตีราคาของสิ่งต่างๆ อีกด้วย’
จากการสังเกตเป็นเวลานาน เจสันสามารถรู้ได้ว่าแสงสีเท่าอ่อนนั้น มีค่ามากกว่าแสงสีดำ นอกจากนี้ยังสามารถระบุได้ีอกว่าสิ่งของสองอย่างที่มีสีเดียวกันแต่คุณภาพของมันอาจจะไม่เท่ากัน
จากการดูความหนาและเฉดสี สิ่งไหนหนาแน่นกว่ากัน เอฟเฟกต์หรือความแข็งแกร่งของมันก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ปัญหาเดียวคือไอเท็มหายากนั้นไม่มีเฉดสีใดๆ เนื่องจากเขาเคยเห็นอาวุธมานา ซึ่งมันไม่เปล่งหรือฉายแสงใดๆ แม้ว่าจะมีค่าและราคาแพง
แต่เจสันไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น ด้วยอยากรู้ เขาจึงก้าวเข้าไปในตึกนั้น เมื่อมองไปรอบๆ เจสันก็เห็นโถงทางเข้าขนาดใหญ่ที่มีเสาสีขาวสี่เสารองรับตัวอาคาร
มีบันไดขนาดใหญ่เป็นเกลียว และมีประตูบานใหญ่ สามารถมองเห็นได้ทุกทิศทาง และมีอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรซักอย่างที่เจสันไม่รู้จักอยู่เหนือประตูดังกล่าว
เจสันไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนดี แต่เมื่อเห็นความเร็วในการรวบรวมของมีค่าต่างๆ ที่เชนทำ ซึ่งเจสันคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขโมย
สิ่งของแต่ละชิ้นที่เชนนำมานั้นล้วนมีออร่าของความแข็งแกร่งที่มากมาย แต่เจสันนั้นรู้ว่าเขานั้นทำอย่างเชนไมไ่ด้ ดังนั้นเจสันจะใช้กลวิธีเดียวกับพวกก็อบบลิน ในขณะที่เจสันใช้เทคนิคไร้น้ำหนัก พุ่งตัวไปด้วยความรวดเร็ว ไปที่ประตูด้านขวาซึ่งมันมีสีอ่อนที่สุดกำลังเปล่งประกาย และพวกมันอยู่กองรวมกันและมีจำนวนมาก
เจสันไม่มั่นใจว่ามันคืออะไร แต่เขามีลางสังหรณ์เล็กๆ และถ้าเขาคิดถูก เขาจะได้รับเครดิตเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะว่าเจสันนั้นโลภ แต่เขารู้ว่าทรัพยากรนั้นมีความสำคัญในการเพิ่มความแข็งแกร่งและความสามารถ
หากไม่มีความมั่งคั่ง แม้จะมีความสามารถสูงสุดในการดูดซับมานาแต่เขาก็มีเงินไม่เพียงพอที่จะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งให้รวดเร็ว เมื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ เจสันนั้นมีความสามารถในทุกๆ ด้าน แต่เขาก็ยังมีความสามารถที่แย่กว่าคนที่มีความสามารถน้อยกว่าเขาแต่ร่ำรวยกว่า
ผ่านไปไม่ถึงนาที เมื่อเจสันเข้ามาในห้อง มันก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ฟุ้งอยู่ภายใน เมื่อหายใจเข้าลึกๆ เจสันก็รู้สึกกระฉับกระเฉงทันที และเมื่อมองไปรอบๆ เขาก็พบว่าเขาอยู่ในสวนสมุนไพรและผลไม้ต่างๆ
สมุนไพรและผลไม้เหล่านี้แต่ละชนิดเปล่งแสงแตกต่างกันโดยสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดคือสมุนไฟสีเขียวเข้มบางๆ ที่อยู่ตรงกลางสุด
เจสันมีความสุขมากๆ ที่ได้พบกับสมุนไพรแลละพืชผลเหล่านี้
‘ต้องขอบคุณเชนที่พาฉันมาที่นี่ !!’
เจสันคิดขณะที่เลือดสมุนไพรตามความรู้ที่เขามี จากหนังสือสมนุไพรที่เขาเคยอ่าน เจสันพยายามเก็บมันโดยที่พยายามทำให้มันเสียหายน้อยที่สุด และเพื่อทำให้ปลูกมันได้อีกครั้ง และเนื่องจากผลไม้บางอย่างดูเหมือนยังไม่สุก
เจสันคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากสมุนไพร ลำต้น นั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร เขาไม่สามารถเอากระเป๋าใบใหญ่ออกมาและเก็บมันได้ทั้งหมด เนื่องจากมันมีขนาดและน้ำหนักมาก
เจสันกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาควรทำ เนื่องจากสมุนไพร ลำต้น และลำต้นเหล่านี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่
เจสันตัดสินใจ ใช้มานาคลุมและผนึกผลไม้ที่ยังไม่สุก มันอาจจะลดประสิทธิภาพของผลไม้แต่เจสันก็ทำได้เพียงเท่านี้ และเขาจะสามารถนำสมุนไพรและผลไม้ทั้งไปได้
เมื่อเก็บครบเจสันก็ตัดสินใจที่จะเอาอุปกรณทำสวนที่มีอยู่ในห้องกลับไปด้วย เขาเก็บทุกอย่างไปจนห้องนั้นโล่ง
เมื่อมองดูเวลา ทำให้เจสันคิดว่าเขายังเหลือเวลาพอที่จะไปเคลียร์ห้องอีก 2-3 ห้อง เจสันเดินออกไป และเดินไปอีกห้องโถงหนึ่ง
เมื่อเจสันกลับมาถึงโถงหลัก เขาก็เดินต่อไปจนไปถึงห้องโถงอีกห้องหนึ่ง เมื่อเข้าใกล้ห้องนั้น คลื่นความร้อนที่แผดเผาก็ได้พัดเข้ามา