ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 37
เมื่อนำซากหมาป่าระดับ 5 ดาว กว่าสามตัว ซากนกแร้งและซากกระทิงดำมาวางไว้ มาเลียเริ่มตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน
แม่ของเธอบอกกับมาเลียว่า ต้องเข้มงวดและระมัดระวังเพราะไม่แน่ใจว่าเจสันจะไม่โกง
การซื้อซากสัตว์ป่าระดับห้าดาวไม่ใช่เรื่องยากและสิ่งแรกที่มาเลียสังเกตเห็นเมื่อเริ่มการตรวจสอบก็คือซากสัตว์สี่ในห้าตัวถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
มีเพียงนกแร้งเท่านั้นที่มีบาดแผลอีกเล็กน้อยและมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ปีกของมัน
หลังจากที่เห็นแบบนั้น เธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตัดสินใจสแกนอันดับแกนมานาของเจสันซึ่งทำให้เธองุนงงไปชั่ววินาทีขณะ
เมื่อมองไปที่เจสัน มาเลียถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง แต่ลังเลเล็กน้อย
“ นายอยู่ในอันดับที่ 4 ของมือใหม่ใช่ไหม และนายต้องการให้ฉันเชื่อว่านายเอาชนะสัตว์ป่าระดับห้าดาวได้งั้นหรอ ?? จากบาดแผลสัตว์ป่าส่วนใหญ่ถูกสังหารด้วยกริชเพียงครั้งเดียว … ฉันเชื่อว่านายหรอก นายคงมีหลักฐานว่านายฆ่าพวกมันใช่มั้ย?”
ดวงตาของเกร็กเบิกกว้าง เขายืนขึ้นภายในชั่วครู่ และมองไปที่เจสันอย่างระมัดระวัง
“ว้าว นายขึ้นมาที่มือใหม่ระดับ 4 แล้ว ไวมากๆ ”
เกร็กพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยความตื่นเต้น
มาเลียมองไปที่เกร็กราวกับว่าเขาเป็นคนที่โง่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น …
“ นายยังอยู่มือใหม่ระดับ 2 อยู่เลยในตอนที่นายปลุกวิญญาณฮ่าๆ ขึ้นมาไวมากๆ ในเวลาสั้นๆ ”
เกร็กพูดพร้อมกับยิ้มกว้างๆ ให้กับเจสัน
มาเลียเริ่มสับสนเกินกว่าจะเข้าใจอะไร
เด็กอายุเกือบ 14 ปีจะอยู่ในอันดับ 2 ของมือใหม่ในวันสอบได้อย่างไร?
นั่นหมายความว่าการควบคุมมานาของเจสันน่าจะแย่มาก เพราะเขาควรจะอยู่ระดับ 4-5 ของมือใหม่ในที่ปลุกวิญญาณ
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าเขาพัฒนาระดับขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาอันสั้น ทำให้มาเลียรู้ว่าเจสันติดอยู่ในอันดับมือใหม่เพราะมีเหตุผลบางอย่าง
เจสันสังเกตุเห็นการจ้องมองอย่างงุนงงของมาเลีย และดวงตาของเธอก็กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม เจสันจึงเริ่มให้ความกระจ่างแก่มาเลีย
“ฉันรู้สึกถึงมานามาตั้งนานแล้ว แต่ฉันไม่สามารถปรับปรุงอันดับแกนมานาของฉันได้ เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวแต่เพียงประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่การสอบจะเริ่มขึ้น ฉันก็สามารถปรับปรุงแกนมานาของฉันได้ ซึ้งทำให้มันเพิ่งจะเริ่มเติบโต”
เจสันกล่าวเสริม
“และเธอถามว่าฉันมีหลักฐานหรือเปล่า … ฉันมีแค่บาดแผลที่สู้กับนกแรงที่มันสร้างบาดแผลไว้ที่หลังของฉัน .. ในขณะที่ต่อสู้เนื่องจากฉันไม่สามารถต่อสู้ได้แบบซึ่งๆ หน้าฉันจึงต้องรอซุ่มและโจมตีด้วยกริซเข้าที่จุดตายของสัตว์ป่าระดับห้าดาว “
“ไหนๆ ฉันขอดูบาดแผลของนายหน่อยสิ”
เกร็กพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
เมื่ออธิบายเสร็จเขาก็หยิบกริชของเขาที่ยังเปื้อนเลือดจากการล่าและเปิดแผ่นหลังที่มีบาดแผลเล็กน้อยให้ทั้งคู่ดู
มาเลียครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ว่าจะทำอย่างไร ในขณะที่เธอตัดสินใจปล่อยความคิดของเธอออกมาดัง ๆ โดยไม่รั้งไว้
“พูดตามตรงฉันไม่แน่ใจว่านายจะสามารถเอาชนะสัตว์ร้ายระดับห้าดาวได้จริงหรือเปล่า แต่คำถามที่ทำให้ฉันสับสนยิ่งกว่าคือทำไมพ่อแม่ของฉันถึงพยายามช่วยนายให้เข้าโรงเรียนในเครือของแวนการ์ด ในเมืองไซโร
ถึงเขาจะติดหนี้บุญคุณนาย แต่มันสามารถให้นายได้ด้วยเครดิตหรือด้วยวิธีอื่น ๆ … แม่ของฉันพูดบางอย่างเกี่ยวกับดวงตาของนายและฉันเข้าใจเธอนิดหน่อย เพราะฉันรู้สึกแปลก ๆ แต่เมื่อพิจารณาจากอันดับของนายและความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของนายแล้วมันจะ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะอยู่รอดในโรงเรียนแนวหน้าในเครือแวนการ์ด
ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของเราจะเสียเอา ถ้าขุนนางคนอื่นรู้ว่าเราปล่อยให้ใครบางคนที่อ่อนแออย่างนายเข้าไปในโรงเรียนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของแอสทริกซ์ “
มาเลียพูดด้วยความรู้สึกไม่มั่นคง
แต่เธอไม่คิดว่าเจสันจะโกหก แต่การลอบสังหารสัตว์ป่าระดับห้าดาวนั้นไม่น่าจะง่าย สำหรับเจสันและการฆ่ามันด้วยกริชเล่มเดียวแม้แต่น้อย
ยกเว้นความสามารถในการต่อสู้ของเขาสูงจะกว่าอันดับของเขามาก …
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เจสันบอกกับเธอ เจสันเองก็น่าสงสารมากเขาต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยตนเองโดยไม่มีใครสอนและมาเลียเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
“ฉันจะรายงานทุกอย่างให้แม่ของฉันฟังและปล่อยให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองดีไหม”
เธอพูดจบและพยายามแสดงสีหน้าเย็นชา แต่เจสันและเกร็กสังเกตเห็นว่าเธอไม่มีความแน่ใจ
เกร็กรู้สึกอึดอัดกับทุกคนมาตลอดยกเว้นครอบครัวของเขา ตั้งแต่สมัยประถมเพราะพ่อแม่หลายคนบอกให้ลูก ๆของตัวเองคบกับเกร็กเพราะธุรกิจและความมั่งคั่งของพ่อแม่เกร็ก
ในตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนเรียบร้อยดีจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเด็กชายคนหนึ่งได้ทะเลาะกับเกร็ก จนเด็กคนนั้นได้พูดเผยความจริงออกมาว่าทุกคนต่างตามหาความมั่งคั่งของพ่อแม่ของเกร็กและไม่มีใครสักคนที่อยากเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ
ตอนแรกเกร็กไม่เชื่อ แต่เมื่อได้มองไปที่ใบหน้าของเด็กคนอื่นๆ ทำให้เกร็กรูกสึกเหมือนใจสลาย
ได้รับรู้ว่าเขาถูกตีสนิทเพียงเพราะพ่อแม่ของพวกเขา ทำให้เกร็กเสียใจเป็นอย่างมาก
เกร็กต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย และรู้สึกถึงการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งแต่นั้นมา
พ่อแม่ของเกร็กนั้นทำอะไรได้บ้าง?
พวกเขาได้ย้ายมาที่เมืองนี้ และถึงแม้จะเข้ามัธยมต้นแล้วเกร็กก็ไม่คบเพื่อนคนไหนซักคน
เขากลายเป็นคนที่โดดเดียวและมองว่าทุกคนที่เข้ามาดีกับเขานั้นเพียงเพราะต้องการประโยชน์จากเขา
หลังจากนั้นไม่นานเกร็กได้สังเกตเห็นเด็กตาบอดคนหนึ่งที่นั่งข้างๆเขาในชั้นเรียน นั่งฟังการบรรยายอย่างเงียบ ๆ โดยมุ่งเน้นไปที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว
เด็กตาบอดคนนั้น ไม่คิดโกรธเพื่อนร่วมชั้นที่กลั่นแกล้งหรือปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นขยะเพราะเกรดที่สมบูรณ์แบบของเขา
อย่างไรก็ตามเกร็กเริ่มสบายใจเมื่ออยู่กับเจสัน เมื่อเวลาผ่านไปและเกร็กก็ได้จัดการคนคอยมารังแกเจสัน ในขณะที่เกร็กเองก็คอยขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างจากเจสันเป็นระยะ ๆ
เจสันเองก็ตอบเกร็กอย่างขยันขันแข็ง และเจสันเองไม่สนใจเกี่ยวกับเกร็กจนมากเกินความจำเป็น
สิ่งนี้ทำให้เกร็กค่อนข้างมีความสุขและเขาเริ่มแอบเห็นเด็กตาบอดคนนี้เป็นเพื่อนในขณะที่เจสันเองก็ไม่รู้เรื่องนั้น
เจสันคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่เพื่อนร่วมชั้นของเขาเลิกรังแกเขา ขณะที่เกร็กนั่งข้างๆในโรงเรียน
เขาตอบคำถามของเกร็กเพราะรู้สึกดีกับเกร็กอย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะรู้สึกรำคาญเป็นบางครั้ง แต่ก็นั่นแหล่ะ
มาเลียนึกถึงสถานการณ์ของเกร็ก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาของเธอลังเล ขณะที่เธอมีความสุขที่น้องชายของเธอได้มีเพื่อนในที่สุด
แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขเมื่อตอนที่เจสันบอกให้เกร็กเลือกสัตว์พันธะที่แปลกประหลาด แต่สุดท้ายก็โชคดีที่เกร็กฟัง เจสัน ซึ่งทุกอย่างมีก็ลงตัวอย่างดีที่สุด
พ่อแม่ของพวกเขาก็กังวลเกี่ยวกับเกร็กเช่นกันและมาเลียหวังว่าพวกเขาจะมีความคาดหวังเกี่ยวกับเจสันเหมือนที่เธอเป็น
เป็นครั้งที่สองที่เกร็กสังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับพี่ของเขาและทั้งสองครั้งก็เป็นเรื่องของเจสัน เขาจึงได้ข้อสรุปของตัวเอง
“หื้มมมม ทำไมตาถึงดูลังเล …หรือว่าเธอยากให้เขาตามไปที่โรงเรียน !? …อย่าบอกนะ เธอแอบชอบเขางั้นหรอ !!”
ก่อนที่เขาจะจบประโยค เกร็กก็โดนลูกบอลน้ำลูกเล็ก ๆ พัดใส่
“ เจ้าโง่ ไม่ใช่อย่างนั้น”
⊙.⊙ เจสันคิดว่าพวกเขาเล่นกันอีกแล้ว
แต่เมื่อเจสันสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของลูกบอลน้ำขนาดเล็ก เขาก็ประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างมาก
ลูกบอลน้ำที่ดูไม่เสถียรนี้กลับมีความแข็งแกร่งในการระเบิดถึงอันดับ 3 ของผู้ชำนาญด้วยพันะะตัวแรกทางกายภาพซึ่งอาจอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา
“มาเลียถ้าแม่ของเธอไม่เชื่อฉันเกี่ยวกับความสามารถของฉัน เธอถามแม่ของเธอได้ไหมว่าให้ฉันล่าสัตว์ป่าระดับห้าดาวมาอีกตัวไหม”
เจสันยิ้มอย่างอ่อนโยนโดยพยายามปกปิดความไม่มั่นใจ
พี่สาวของเกร็กดูอ่อนแอและสวยงาม แต่ความจริงเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและเจสันก็กลัวเล็กน้อยเกี่ยวกับพลังของเธอ
มาเลียดูเหมือนจะอยู่ในอันดับผู้เชี่ยวชาญแต่ไม่ได้สูงมากนัก แต่เจสันไม่สามารถอ่านอันดับแกนมานาของเธอได้จริง ๆ เพราะเขาไม่เห็นอะไรเลยที่จะสามารถมาเปรียบเทียบ
ดูเหมือนเธอจะมีแกนมานาที่สูงกว่าครูที่เขาเคยเห็น แต่พ่อแม่ของเธอและชายชราที่ทำพิธีปลุกก็ยังแข็งแกร่งกว่ามาก
เจสันยังคงขอความกรุณาจากมาเลีย หากแม่ของเธอไม่เชื่อเขา
เขาอยากเข้าโรงเรียนมัธยมในเมืองเกรด A เนื่องจากความหนาแน่นของมานาน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่าในขณะที่อาจารย์เหล่านั้นก็สามารถช่วยเจสันในเรื่องศิลปะการต่อสู้ได้
นอกจากนั้นโรงเรียนสามารถให้สิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายแก่เจสันได้
ครอบครัวของเกร็กเป็นหนทางเดียวของเขา แต่ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้เลย ถ้าแม่ของพวกเขาปฏิเสธ
ถึงอย่างนั้นเจสันก็รู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่เขาได้รับรวม ถึงการอนุญาตให้ใช้เทคนิคนรกสวรรค์ที่พวกเขามอบให้
ถ้าพูดตามตรงเจสันไม่คิดว่าเขาสมควรได้รับโอกาสนี้ ในขณะที่เขาบอกให้เกร็กเลือกสัตว์ร้ายตัวอื่นเป็นวิญญาณตัวแรก
เขาสามารถมองเห็นสีที่เปล่งประกายของวัวได้ แต่ทำไมเขาต้องสนใจคนที่อย่างฉันด้วยละ
เจสันไม่มั่นใจในเรื่องนี้ เพราะความสัมพันธ์ทางสังคมยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับเจสัน แม้แต่การโปรหาคนรู้จักหรือเพื่อน เขายังไม่รู้เลยว่าควรจะทำตอนไหน
เจสันเก็บซากศพออกไปหลังจากที่มาเลียตรวจเสร็จ
หลังจากนั้นเธอก็เขียนรายงานโดยละเอียดถึงแม่ของเธอ
เมื่อคิดว่าควรกลับบ้าน เจสันก็กำลังเดินออกแต่เกร็กมาหยุดเขาไว้
เกร็กต้องการคุยกับเขาอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเมืองไซโร โรงเรียนแนวหน้าและอื่น ๆ เขาจึงลากเจสันไปคุยต่อที่ห้อง
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เจสันก็ออกจากคฤหาสน์เฟลเลอร์หลังจากที่คุยทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
เมื่อได้รับรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนในเครือของโรงเรียนแวนการ์ด เจสันรู้สึกตื่นเต้นในตอนแรกและจากนั้นเขาก็เริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
ตัวของเจสันนั้นอ่อนแออย่างน่าสงสาร