ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 41
เวลา 17.00 น. เมื่อเจสันมาถึงหน้าคฤหาสน์เฟลเลอร์และเขาต้องโทรหาเกร็กเพราะเจสันไม่สามารถยกกรงสัตว์ร้ายขึ้นมาคนเดียวได้
อาร์เทมิสนอนขดอยู่บนไหล่ของเจสันและดูเหมือนลูกบอลขนปุยถูกวางไว้ ในขณะที่เจสันรอ เกร็กก็สับสนว่าทำไมเขาต้องออกมาข้างนอก ก่อนที่เขาจะเห็นกรงขนาดใหญ่ข้างๆเจสันที่โบกมือให้เขา
เกร็กสังเกตเห็นหมาป่าที่สามารถปรับขนาดตัวได้อยู่ในกรง ทำให้เขายิ่งสับสน
“เฮ้ เจสันทำไมนายถึงเอากรงใส่หมาป่ามาที่นี่ด้วยละ ??”
เจสันเห็นใบหน้าที่งุนงงของเกร็กก็ยิ้มอย่างซุกซน
“เฮ้ เกร็กบอกตามตรงฉันเอาหมาป่าพวกนี้มาขายให้พ่อกับแม่ของนายหน่ะ นายช่วยเอามันเข้าไปข้างในโดยไม่ฆ่าพวกมันจะได้ไหม”
เกร็กพยักหน้าตกลง
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
เกร็กยิ้มพร้อมกับยกกรง ราวกับว่ามันเบาเหมือนโฟมเข้าไปในบ้าน ขณะที่เจสันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเดินตามเกร็กเข้าไป
ในที่สุดเจสันก็กลับมาอยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนวันก่อนอีกครั้ง แต่ตอนนี้มีกรงอยู่สองกรง โดยกรงหนึ่งเป็นของเจสันที่มีหมาป่านอนหลับอยู่ข้างใน ในขณะที่อีกกรงหนึ่งสูงอย่างน้อย 5 เมตรและกว้าง 8 เมตร
ภายในกรงขนาดมหึมานี้มีนกอินทรีสีเขียวตัวใหญ่ยาวประมาณ 3 เมตรอยู่ข้างใน
จากแกนมานาของมันเจสันสังเกตว่า มานามีปริมาณมากกว่ามาเลียและเมื่อเปิดใช้งานดวงตามานาของเขา เจสันก็เห็นออร่าสีเขียวที่เขาเคยเห็นมาก่อนในขณะที่เจสันยังสามารถมองเห็นแกนมานาที่เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วย
‘นั่นคือสัตว์วิเศษงั้นเหรอ? ‘
กรงที่นกอินทรีอยู่ข้างในนั้นได้รับพลังจากหินมานาและเจสันสังเกตเห็นมานาที่ไหลไปทั่วทั้งกรงซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งของมัน
หลังจากเจสันที่เห็นนกอินทรี เขาก็สังเกตเห็นคนสองคนนั่งอยู่บนโซฟาที่มีมานาที่แข็งแกร่ง แต่คุ้นเคย
เมื่อเห็นพ่อแม่ของเกร็กเจสัน เจสันก็โค้งคำนับเล็กน้อยก่อนกล่าว
“สวัสดีคุณและคุณนายเฟลเลอร์ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง”
เจสันยิ้มขณะมองไปที่พวกเขา
พ่อแม่ของเกร็กมองไม่เห็นความเศร้าหรือความขุ่นมัวในดวงตาที่ส่องแสงสีทองของเจสันซึ่งทำให้พวกเขาสงสัยเล็กน้อย
กาเบรียลลา แม่ของเกร็กส่งสัญญาณให้เจสันนั่งลงก่อนจะทักทายเขาด้วยคำว่า “สวัสดีจ้ะ เจสัน ”
โซฟาทั้งตัวล้อมรอบไปด้วยโต๊ะกระจกขนาดเล็ก ในขณะที่มาเลียและเกร็กนั่งอยู่อีกฝั่ง เจสันก็ได้นั่งอยู่ตรงหน้าพ่อแม่ของเกร็ก และมองไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้าในขณะที่เกร็กมองไปที่เจสันอย่างครุ่นคิด
เจสันวางอาร์เทมิสไว้บนตัก
คุณนายเฟลเลอร์กล่าวก่อน
“ เจสัน ฉันคิดว่าคุณคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกคุณมาที่นี่ใช่ไหม?”
เธอยิ้มอย่างขอโทษ แต่ก็มีอย่างอื่นในสายตาของเธอ ที่มีเพียงเขาและคุณเฟลเลอร์ที่สังเกตเห็นความรู้สึกของเธอเท่านั้น
‘เธอเศร้าหรือโกรธ?’
เจสันสงสัย
“คุณและคุณนายเฟลเลอร์ คิดว่าฉันซื้อซากสัตว์ป่าระดับห้าดาวเพราะต้องการหลอกพวกคุณให้พาฉันไปเข้าโรงเรียนในเครือแวนการ์ดในเมืองไซโรใช่ไหม”
เจสันเดา
เจสันไม่ได้เสียใจกับเรื่องนี้มากนัก เพราะมันคงเป็นเรื่องแปลกที่เขาจะฆ่าสัตว์ป่าระดับห้าดาวได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ แต่เจสันก็ยังคงผิดหวังกับเรื่องนี้ เพราะเขาพยายามอย่างหนัก
“แล้วทำไมพวกคุณถึงให้ภารกิจที่พวกคุณคิดว่าฉันทำไม่ได้ มาละ?”
อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะได้เข้าโรงเรียนในเมืองเกรด A นั้น ให้ประโยชน์มากเกินไปเนื่องจากเจสันอาจเข้าใจความสงสัยของพวกเขาเล็กน้อย แต่เจสันก็ยังมีความหวังเหลืออยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้และเขาอยากจะลองแสดงให้พวกเขาได้เห็นถึงความกล้าหาญในการต่อสู้
กาเบรียลลารู้สึกประหลาดใจกับความสงบของเจสัน ซึ่งทำให้เขาได้รับคะแนนพิเศษ แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร เจสันฆ่าพวกมันจริงๆหรือเปล่า เพราะว่าเขาจะไม่มีเทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมหรือมีระดับแกนมานาที่โดดเด่นก็ตาม และจิตวิญญาณของเขาก็อ่อนแอมากเช่นกัน
“นั่นเป็นความจริงฉันไม่เชื่อว่าอันดับ 4 ของมือใหม่จะสามารถฆ่าสัตว์ป่าระดับห้าดาวได้ด้วยการดจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นนี้ แม้ว่าคุณจะลอบสังหารพวกมันก็ตาม ไม่ควรเป็นไปได้หากไม่ได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพและโปรดอย่าพยายามบอกฉัน ว่าคุณได้รับความช่วยเหลือจากสัตว์พันธะสองดาวที่ช่วยให้คุณสามารถล่าพวกมันได้นั้น จะทำให้คุณไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อยในสายตาของฉัน”
เจสันนิ่งสงบ และคิดว่าคุณนายเฟลเลอร์มีอคติเล็กน้อย … ถ้ามีคนฝึกอาชีพมาทำอะไรแบบนั้น ทำไมเขาจะทำไม่ได้ล่ะ? และทำไมการรับได้ความช่วยเเหลือจากสัตว์พันธะถึงผิดปกติ??
กาเบรียลลาขมวดคิ้วพลางคิดว่าการยั่วยุของเธอทำให้เขาโกรธ ซึ่งเป็นแผนของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเจสัน แต่เธอต้องหารู้ว่าเขาเป็นใครก่อนที่เธอจะให้ความช่วยเหลือกับเจสัน
เธอยังจำช่วงเวลาที่เพื่อนร่วมชั้นของเกร็กมาเป็นเพื่อนกับเขาได้ เพียงเพราะคำสั่งของพ่อแม่ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อสุขภาพจิตของเกร็ก
ในฐานะแม่เธอไม่ต้องการให้ลูกชายรู้สึกอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องเข้มงวดและทำตัวชั่วร้าย
เมื่อรู้สึกถึงความเศร้าที่คาดเดาได้ในดวงตาของเธอ เจสันจำได้ถึงความห่วงใยของมาเลียและสายตาที่จ้องมองไปที่เกร็ก
เกร็กเอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่าง เจสันมองไปที่เกร็กซึ่งในดวงตาเขาเกร็กเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เมื่อเจสันกลับไปจ้องมองที่คุณนายเฟลเลอร์ เขากล่าวด้วยความมั่นใจทั้งหมดที่เขาสามารถนำออกมาได้
“ ฉันคิดว่า ฉันไม่ควรอธิบายอะไร ถ้าพวกคุณไม่เชื่อฉันทำไมถึงให้ภารกิจแบบนี้กันละ ถ้าเป็นเพราะต้องการใช้หนี้บุญคุณเรื่องสัตว์พันะะของเกร็กก็ไม่ต้องหรอกเพราะฉันไม่ได้คิดว่าเป็นบุญคุณอะไร และถ้าพวกคุณไม่ต้องการให้ฉันตามพวกคุณไปที่เมืองไซโรก็แค่พูดออกมาอย่าพยายามเบี่ยงประเด็นเลยฉันฆ่าสัตว์ป่าระดับห้าดาวเหล่านี้ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์พันธะของฉันและฉันก็ไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ “
เจสันมองเข้าไปในดวงตาของคุณนายเฟลเลอร์ และเจสันเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะพูดอะไร
“ ฉันมาที่นี่ เพื่อทำธุระบางอย่าง บางทีคุณและคุณนายเฟลเลอร์อาจเห็นกรงสัตว์ร้ายที่เกร็กนำเข้ามาแล้ว วันนี้ฉันออกล่าสัตว์ในเขตป่าที่ราบระดับหนึ่งดาวและฉันพบหมาป่าระดับสองดาวตัวนี้ ฉันคิดว่าขุนนางหลายคนที่เป็นเศรษฐีใหม่หรือพ่อค้าที่มีพลังวิญญาณอ่อนแออาจจะสนใจสิ่งนี้ “
เจสันฝืนยิ้มทั้งๆที่ยังโกรธอยู่ แต่อย่างน้อยก็เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจเขาต้องแสดงสีหน้าสงบ
“ ทำไมเราต้องสนใจสัตว์ป่า?”
คุณเฟลเลอร์พูดอะไรเป็นครั้งแรกและถึงเวลาแล้วที่เจสันต้องพูดอะไรโง่ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับของเขาถูกเปิดเผย
“ความรู้สึกในใจของฉันบอกว่าศักยภาพของสัตว์ร้ายตัวนี้ค่อนข้างดี”
เจสันพยายามแสดงสีหน้าไร้เดียงสา แต่มันก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเนื่องากทุกคนมองหน้าสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจสัน
“ เจสัน นายสบายดีไหม สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลย”
เกร็กถามอย่างเป็นห่วง
เจสันเริ่มมีเหงื่อออกเล็กน้อย แต่เขายังคงสงบและรอให้พ่อแม่พูดของเกร็กอะไรบางอย่าง
คุณนายเฟลเลอร์ไม่ได้สังเกตและได้แสดงท่าทางให้มาเลียมองไปที่กรงและเธอก็เดินไปตรงหน้ามันพร้อมกับสร้อยข้อมือควอนตัมของเธอที่ฉายภาพหมาป่าที่มีขนาดเหมือนจริงซึ่งอยู่ถัดจากตัวที่กำลังนอนหลับพร้อมด้วยลักษณะทั้งหมดที่เขียนไว้โดยละเอียด
มาเลียอุทานอย่างตื่นเต้น
“ หมาป่าที่มีเกล็ดตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าตัวปกติและเกล็ดของมันส่องแสงแวววาวพวกมันแข็งแกร่งกว่าหมาป่าที่มีขนาดปกติอย่างแน่นอน”
ก่อนที่เธอจะพูดต่ออย่างหดหู่เล็กน้อย
“แต่นอกเหนือจากนั้นฉันไม่เห็นอะไรพิเศษ … ฉันไม่คิดว่าหมาป่าตัวนี้นี้จะสามารถไปถึงอันดับที่ถูกปลุกขึ้นมาได้”
คุณเฟลเลอร์อ้าปากค้าง
“ถ้าไม่ถึงอันดับที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างน้อยก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลยที่จะจับหมาป่าที่มีเกล็ดตัวนี้ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าในฐานะพี่น้องของมันก็ตาม คุณสามารถพิสูจน์ความรู้สึกของคุณได้หรือไม่ ไม่มีทางที่เราจะบอกลูกค้าของเราได้ว่ามีเพียงความรู้สึกของเราเหตุผลนั้นไม่เพียงพอ ว่าสัตว์บางชนิดมีศักยภาพดี “
เจสันรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง … ทำไมเขาต้องอธิบายทุกอย่าง?
เขากำลังจะโกรธมากเมื่อสังเกตเห็นดวงตาของคุณนายเฟลเลอร์และเจสันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
‘ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้น ในเมื่อเธอเป็นคนยั่วฉัน? เธอต้องไม่ชอบฉันแน่ๆ … ‘
“ทำไมคุณไม่ลองทดสอบศักยภาพของมันกับอุปกรณ์พื้นฐานที่คุณมีอยู่ละ เกร็กบอกฉันว่ามันสามารถตรวจสอบศักยภาพของสัตว์ร้ายต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ “
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณและคุณนายเฟลเลอร์ก้มองไปที่เกร็ก ขณะที่เกร็กทำหน้าไร้เดียงสาใส่พวกเขา
‘ลูกชายของเราเป็นคนบอกเขาหรอ ????’
มันยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับพวกเขาที่จะแสดงต่อไปและทั้งคู่ก็ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า
ทันใดนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีไปและแม่ของเกร็กก็ยิ้มให้เจสันด้วยความรู้สึกขอโทษที่ไม่ต้องพูดออกมา
“ ได้ เราทำได้แน่นอน…และขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ หวังว่าคุณจะให้อภัยนะ”