ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 62
เมื่อเจสันและมาเลียออกจากร้านและช่วยพยุงกัน เจสันก็รู้สึกถึงร่างที่อยู่ข้างๆเขา
กาเบรียลลาและมาร์คปรากฏตัวต่อหน้ามาเลีย และกำลังสแกนร่างมาเลียตั้งแต่หัวจรดเท้า
“โอ้ลูก !!! เป็นยังไงบ้างลูกบาดเจ็บตรงไหน เอานี้ดื่มนี้สิ น้ำยารักษา”
กาเบรียลลากังวลมากและมาเลียพยายามทำให้แม่สงบลง
เจสันเดินจากไปเพราะไม่อยากขัดจังหวะพวกเขา ในขณะที่เจสันเดินลากขาข้างที่บาดเจ็บ
ร่างกายของเขายังคงเต็มไปด้วยอะดรีนาลีนและหัวใจของเขาก็เต้นรัว เมื่อเขาช่วยเกร็กหยิบซากศพสัตว์ร้ายที่พวกเขาฆ่า
มันเป็นกฎทั่วไปที่นักล่ามีสิทธิ์ในซากสัตว์ร้ายที่พวกเขาได้จัดการและใครก็ตามที่จับมันจะถือว่าผิดศีลธรรม
นี่ไม่ใช่กฎหมาย แต่คนส่วนใหญ่จะยึดติดกับกฎนี้ อย่างไรก็ตามมีคนที่เห็นแก่ตัวอยู่เสมอที่พยายามหารายได้พิเศษ
ขาของเจสันเจ็บปวดมากและเขาตัดสินใจที่จะดื่มน้ำยารักษาระดับเกรด 1 แต่มันก็ยังเจ็บปวดอยู่
เมื่อพวกเขาเก็บชิ้นส่วนร่างกายของสิงโตอำพันสองหัว เกือบเสร็จแล้วเกร็กก็เห็นขาของเจสันเป็นครั้งแรกและดวงตาของเขาเบิกกว้าง และมีสีหน้าตกใจ
“เจสัน … ขาของนายเลือดออกเยอะมาก นายไหวไหม ให้แม่ของฉันรักษาดีกว่าไหม!?!”
เกร็กอุทานขึ้น
“ฉันไม่เป็นไ….”
เจสันพูดขณะที่กำลังหมดสติและล้มลงไป
“แย่แล้ว เจสัน !!”
กาเบรียลลายังคงกังวลเกี่ยวกับลูกสาวของเธอ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงของเกร็กเธอหันไปรอบ ๆ เธอเห็นเกร็กอุ้มเจสันที่มีเลือดไหลออกมาโดยมีเลือดจำนวนมากอยู่ด้านล่างทำให้เกิดแอ่งน้ำเล็ก ๆ
“ไม่นะ!”
กาเบรียลลาร้องออกมาและเธอก็ปรากฏตัวข้างๆเจสัน ในขณะที่ต้นไม้เล็ก ๆ ที่มีเถาวัลย์หนา แต่เรียบปรากฏบนมือซ้ายของเธอ
เถาวัลย์ที่เรียบเนียนกำลังพันรอบขาของเจสัน มันให้ความรู้สึกสงบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและมีกลิ่นสมุนไพรที่กระจายออกมาจากเถาวัลย์
ถ้าตามานาของเจสันเปิดใช้งาน เขาจะสามารถมองเห็นเวทมนตร์บำบัดได้เป็นครั้งแรก
สัตว์พันธะตัวแรกของกาดบรียลาเป็นสัตว์ร้ายที่ได้รับการวิวัฒนาการจากพืช ที่มีความสามารถในการรักษาที่แข็งแกร่งซึ่งหาได้ค่อนข้างยากและไม่ค่อยมีใครได้พบมันนัก
แต่การรักษานั้นไม่แรงพอที่เจสันจะฟื้น แต่เลือดหยุดไหลแล้ว และกาเบรียลลาหยิบขวดสองขวดขึ้นมาซึ่งแตกต่างกันออกไป
→น้ำยารักษาระดับ 2 เพื่อป้องกันไม่ให้เจสันเสียเลือดมากขึ้นและฟื้นคืนความแข็งแรง
→น้ำยาสร้างเลือดระดับ 1 เพื่อเสริมสร้างเลือดของเจสันและเพิ่มการฟื้นฟูเลือดของเขา
น้ำยาสร้างเลือดเป็นเพียงยาระดับ 1 เพราะกาเบรียลและมาร์คไม่มีน้ำยาสร้างเลือดระดับ 2 เพราะมันจะสร้างจากแก่นแท้ของเลือดจากสัตว์หายาก
สีหน้าของเจสันเริ่มดีขึ้น แต่เขาก็ยังไม่สามารถฟื้นมีสติได้
*ชั่วโมงถัดมา*
เจสันไม่แน่ใจว่าหลับไปตั้งแต่นอนไหน แต่เขาตื่นขึ้นมาและรู้สึกสดชื่น เต็มไปด้วยพลังเมื่อลืมตาขึ้นมา
เขาสามารถมองเห็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงอยู่รอบ ๆ ตัวเขาและสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหน
เจสันนั่งตัวตรงและรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อยเมื่ออาร์เทมิสปรากฏตัวต่อหน้าเขาภายในวงเวทย์สีขาวที่คุ้นเคย
มันร้องไห้ออกมาด้วยความกังวลและมีความสุข มันจึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเจสัน
อาร์เทมิสรู้สึกได้ว่าอาการบาดเจ็บของเจสันหายดีแล้ว แต่มันก็ยังกังวลเล็กน้อย
เจสันต้องการที่จะลุกขึ้นยืนในขณะที่ถืออาร์เทมิสแต่เขารู้สึกว่าขาซ้ายรู้สึกชาเล็กน้อยและขยับได้ยากขึ้น เมื่อจำอาการบาดเจ็บที่ขาได้
เจสันดึงกางเกงลง และเห็นว่าไม่มีแม้แต่สะเก็ดแผลซึ่ง ก่อนหน้านี้เขามีบาดแผลที่ฉีกขาดและสาหัส
นอกจากนี้ยังไม่มีอาการปวดอีกด้วย แต่ความรู้สึกชาทำให้เจสันรู้สึกไม่สบายตัว
เจสันลากตัวเองออกจากห้องและเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซึ่งพวกเฟลเลอร์กำลังนั่งรอให้เขาฟื้นอยู่
เจสันมีความสุขที่เห็นพวกเฟลเลอร์สบายดีและแม้แต่มาเลียก็ดูดีโดยไม่มีเลือดหมาป่าบนใบหน้าของเธอ
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงเจสันเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกแทงด้วยส่วนที่แหลมคมของประตูที่ฉีกขาด
มาเลียหรือเกร็กที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเท่าเจสันเพราะร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งและทนทานกว่าเจสันมาก
แม้ว่าเจสันจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อสองเดือนก่อน … ความแข็งแกร่งของเขายังคงอยู่ที่ต่ำกว่าคนอื่นๆ
มาร์คเห็นเจสันและได้พูดทักทายเจสันเป็นคนแรก
“เฮ้ เจ้าตัวเล็กสบายดีไหม”
ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมอย่างไม่เต็มใจว่า
“เธอทำได้ดีมาก ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวที่มีค่าของฉัน”
มาเลียบอกพ่อแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นและทั้งคู่ก็รู้สึกขอบคุณเจสัน
มาร์คไม่ได้ชอบเจสันเป็นพิเศษ แต่เจสันได้คะแนนพิเศษจากการกระทำของเขาในวันนี้
กาเบรียลลา, เกร็ก และมาเลียยืนขึ้นพร้อมกันและล้อมรอบ เจสันเพื่อถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขาว่ายังเจ็บไหมและรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
เจสันตอบคำถามและนั่งลงโดยที่อาร์เทมิสยังอยู่ในอ้อมแขน และเจสันถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดคือ
“สถานการณ์ในเมืองเป็นยังไงบ้าง ทำไมสัตว์ร้ายเหล่านั้นถึงเข้ามาได้ แล้วมีคนตายไปทั้งหมดกี่คน”
เจสันถามอย่างตรงไปตรงมา แล้วคิดว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้
มาร์คเปิดข่าวอ่านและวิเคราะห์สรุปให้เจสันได้ฟัง
“โดยรวมแล้วฝูงสัตว์ร้ายส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยสัตว์ที่วิวัฒนาการแล้วและมีสัตว์วิเศษสองสามร้อยตัวปรากฏตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะ เผ่ามิโนทอร์ พวกขเาทำลายกำแพงเมืองแล้วทำลายขอบเขตรอบนอกของเมือง อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้แค่ขัดขวางพวกมันเท่านั้น
แต่ไม่มีคนถูกฆ่าโดยเผ่ามิโนทอร์ และพวกมันตรงเข้าสู้เขตขุนนางโดยไม่สนใจการโจมตีของพวกเรา
แม่ว่าปืนใหญ่มานาทั้งหมดจะโจมตีพวมัน แต่ความต้านทานเวทย์มนต์ของเผ่ามิโนทอร์นั้นแข็งแกร่งมาก พวกมันสามารถสะท้อนการโจมตีทั้งกลับไปได้
โชคดีสำหรับเราและเมืองจิโร่ แทนที่พวกมันจะทำลายอย่างสังหารคนอย่างสนุกสนาน พวกมันกลับถอยกลับทันที่ที่พวกมันได้ของของพวกมันคืน
นี่เป็นเหตุผลที่เกิดฝูงสัตว์ร้ายขึ้นเมือเผ่ามิโนทอร์ทำลายโดมและกำแพงเมือง
มีเพียงสองเหตุผลที่มิโนทอร์มาที่นี่ คือ
1) การทำลายล้างที่จะเกิดขึ้น
2) การลักพาตัวลูก
ในความคิดของฉันน่าจะเป็นเหตุผลที่สอง พวกขุนนางในเมืองจิโร่อาจจะขโมยลูกของเผ่ามิโนทอร์มา พวกมันจึงมาเอาคืน
นับเป็นโชคดีที่พวกขุนนางเหล่านั้น ไม่โดนพวกมันสังหาร แต่ผู้ที่ต้องจ่ายค่าผ่านทางของพวกมิโนทอร์คือผู้คนในเมืองจิโร่
มีผู้คนเสียชีวิตมากกว่าหนึ่งล้านคนและยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก
เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองจิโร่ ประชาชนหวาดกลัวและตื่นตระหนก ในขณะที่รัฐบาลพยามยามทำให้มวลชนสงบลงให้ได้มากที่สุด
เมื่อมองไปที่ถนนและย่านการค้า มีความเสียหายที่หนักมาก อาคาร ตึกระฟ้าเสียหาย ซึ่งเกิดการจากบุกถล่มของมิโนทอร์
ฉันดีใจที่พวกเธอรอดชีวิตมา และโชคดีที่เธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อพิจารณาถึงร่างกายที่อ่อนแอและอันดับแกนมานาของเธอถือว่าดีมากที่เธอรอดชีวิตมาจากสตว์ร้ายเหล่านั้น
พูดตามตรง มันค่อนข้างน่าอายที่รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคน ฝูงสัตว์ร้ายนี้มีเพียง 2-3 ร้อยตัว ขณะที่มีผู้คนมากกว่าหลายเท่าตัวและวผู้คนส่วนใหญ่มีอันดับที่สุงและมีระดับผุ้เชี่ยวชาญแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก้ได้ไป โดยไม่ยอมป้องกันตัวเองและเอาแต่หลบซ่อน
และในขระที่พลเมืองเหล่านี้เสียชีวิต พวกทหารก็ดำเนินการช้าอย่างมาก ทำให้สัตว์ร้ายเข้ามาในเมืองมากเกินไป…
สรุปทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันช่างเป็นความซวยที่ซวยจริงๆ “
เจสันฟังมาร์คอย่างละเอียด และมาร์คก็พูดถึงสถานการณ์ทั้งหมดอย่างมีเหตุผลและครบถ้วนแต่ประจบประโยคสุดท้ายทำให้อยู่ๆ คลื่นเสียงของเขาก้ดังขึ้นมาชั่วขณะ ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในบริเวณนั้น
“ที่รัก !! ฉันบอกแล้วไงให้ควยคุมอารมณ์ของคุรหน่อย”
กาเบรียลลาได้ดุมาร์ค
อาร์เทมิสตกใจจนร้องไห้ และมองมาร์คด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่มันจะหายกลับเข้าไปในโลกวิญญาณ