ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 65
ทุกคนนั่งกินอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร บรรยาโดยรอบนั้นดีเยี่มม
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เจสันก็เดินตามคนอื่นๆ ไปนอกอพาร์ทเมนต์และดูเหมือนพว่าพวกเขาจะอยู่ที่โรมแรมขนาดใหญ่
เจสันไม่รู้ว่าเมื่อวันก่อนเขาอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้เขาสังเกตุเห็นว่าตัวเองนั้นอยู่บนตึกระฟ้า
พวกเขา เข้าไปในลิฟต์แก้วและเจสันสามารถมองเห็นถนนและอาคารที่พังพับเยินอยู่ไกลๆ การเปิดหน้าจอโฮโลแกรมเพื่อดูข่าวที่เกี่ยวข้องกับเมืองจิโร่และรายชื่อของคนที่เสียชีวิตที่ดุเหมือนจะยาวจนไม่มีที่สิ้นสุด
รายชื่อผู้เสียชีวิต 1,553,356 คนและบาดเจ็บ 1,423,541 คน
เมืองจิโร่มีประชากรกว่า 40 ล้านคนและเป็น 1 ในเมืองเกรด B ที่ใหญ่ที่สุดในแอสทริกซ์ ในขณะที่เมืองไซโรและเมืองเบงกอล เท่านั้นที่ใหญ่กว่าเมืองเกรด A เมืองอื่นๆ
เมืองไซโรมีประชากรประมาณ 80-90 ล้านคน ในขณะที่เมืองเบงกอลมีประชากรราวๆ 75 ล้านคน
เมืองหลวงบนเกาะแอสทริกซ์คือเมืองไซโร และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกด้วย
ในขณะที่โรงเรียนหลายแห่งในเมืองไซโร ซึ่งหลายๆคนเรียกกันว่า เมืองแห่งการแข่งขัน เพราะไม่เพียงแต่นักเรียนจะมีความรู้สึกที่จะแข่งขันกันเพื่อให้ตนเองไปอยู่จุดสูงขึ้นเพื่อที่จะได้รับทรพยากรมากยิ่งขึ้น และโรงเรียนก็มีการแข่งขันที่ดุเดือดซึ่งกันและกัน
ในขณะที่โรงเรียนแนวหน้าถูกมองว่าเป็น 1 ใน 3 โรงเรียนที่มีขนาดใหญ่และมีโรงเรียนในเครือ 6 แห่ง แต่ก็ไม่ใช่โรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดและก็ไม่ใช่โรงเรียนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เพียงมีความสมดุลในระหว่างปัจจัย
สิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นโรงเรียนแนวหน้าคือรากฐานที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้เชิงทฤษฎีที่ตราตรึงอยู่ในใจของนักเรียน
คติประจใจของพวกเขาคือ “ความรู้คือพลัง” แต่โชคไม่ดีนักสำหรับเจสัน คือความรู้ของเขาไม่ได้มีพลังขนาดนั้นและเขาได้แค่ คิดว่าคตินี้ถือเป็นสิ่งที่โง่เขลา
มนุษย์หลายคนเสียชีวิตในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและเจสันรู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาจะทะเยอทะยานให้แกนมานาไปถึงระดับที่สูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็มาถึงข้างนอกและมาร์คก็เรียกรถลีมูซีนสีแดงเข้มที่ดูสปอร์ตมา ซึ่งมีความยาวมากกว่า 6 เมตร
อย่างไรก็ตาม รถลีมูซีนคันนี้ดูแพงกว่ารถบรรทุกที่ดูโฉบเฉี่ยวตอนที่นั่งมา และเจสันก็เห็นมานาแผ่ออกมาจากรถและเขารู้ได้ทันทีว่ามันสร้างขึ้นจากสัตว์ร้ายระดับเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่ง
ในขณะที่ก้าวเข้าไปด้านใน เจสันรู้สึกแปลกประหลาดใจกับการตกแต่งภายในที่ล้ำยุกยุคสมัย และมันดูล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมาก โดยมีหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหน้า มีตู้เย็นอยู่ด้านข้างและมีเครื่องดื่มอยยู่ภายใน
ภายในรถกว้างขวางอย่างมาก และเบาะนั่งก็รู้สึกสบายมากเพราะเจสันรู้สึกว่าเขาจะสามารถเผลอหลับไปตอนไหนก็ได้
เมื่อมองไปรอบๆ แม้แต่เกร็กและมาเลียยังแสดงสีหน้าที่รู้สึกผ่อนคลาย และกาเบรียลลาก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของเจสัน
“เจสันเพียงแค่เธอรู้ว่า รถลีมูซีนบินระดับสุงสุด 2 คนนี้สร้างขึ้นจากสัตว์ร้ายที่กักตุนอูราซินซึ่งเป็นสัตว์วิเศษที่หายาก อูราซินเพียวอย่างเดียวก็เป็นโลหะที่มีค่ามากอยู่แล้ว แต่เมื่อสัตว์ร้ายวิเศษนี้กักตุนโลหะชนิดนี้ไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ทำให้พวกมันนั้นหายากและมีราคาที่แพงมากๆ มันสามารถทำให้รถลีมูซีนเคลื่อนที่ด้วยความเร็วได้สูงมาก พูดตามตรงรถคันนี้เป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดและราคาแพงที่สุดด้วย….. อิอิ”
กาเบรียลลาอธิบายให้เจสันได้ฟัง
“โอ้โห … แพงแค่ไหน ??”
เมื่อเจสันได้ฟัง ทำให้เขายิ่งอยากรู้ราคาของรถคันนี้ เจสันรู้ว่าพวกเฟลเลอร์นั้นร่ำรวยมาก แต่เขาอยากรู้ว่าทรัพย์สินที่ราคาแพงที่สุดของพวกเขาจะราคาแพงขนาดไหน
“เราจ่ายด้วยหินมาระดับสูงและสมบัติวิเศษอื่นๆ ที่ถูกดัดแปลง มันมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100 สตาร์โน๊ต”
เจสันดูตกตะลึงและงงว่าสตาร์โน๊ตคืออะไร
“อ่อใช่ เธอคงยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสตาร์โน๊ต เครดิตส่วนใหญ่จะใช้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่สตาร์โน๊ต เป็นสกุลเงินที่แพงกว่า 100,000,000 จะเท่ากับ 1 สตาร์โน๊ต ดั่งนั้นเราจ่ายเพื่อซื้อรถคันนี้ไป 100 สตาร์โน๊ต จะเท่ากับ 1 หมื่นล้านเครดิต”
กาเบรียลลาอธิบายให้เจสันฟัง
“ห๊ะ 1 หมื่นล้านเครดิต “
เจสันอุทานออกมา ทำให้กาเบรียลลาหัวเราะเบาๆ เธออยากจะคุยโม้ให้ลูกน้อยของเธอ และไม่คิดว่าเจสันจะมีการตอบสนองแบบนี้
“ไปกันเถอะ ที่รัก!”
เธอพูดแล้วหันไปหามาร์คที่สตาร์ทเครื่องยนต์ทันที
เช้านี้พวกเขายื่นขอใบอนุญาติการบินจาก AI ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการอนุมัติอย่างง่ายดายและตอนนี้รถลีมูซีนกำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เจสันกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างโดยยังคงตะลึก จากนั้นเจสันก็ล้มใส่เกร็กเนื่องจากการเร่งความเร็วกระทันหันของรถ
อาการคลื่นใส้และอยากจะอาเจียนเป็นปัญหาเล็กสุดของเจสันในตอนนี้ เพราะตอนนี้เจสันกำลังนอนทับตัวเกร็กขณะที่เกร็กกอดเจสันไว้แน่น เนื่องจากความเร็วของรถทำให้เจสันรู้สึกไม่สบายตัว
มาเลียสร้างเยื่อมานามาเคลือบร่างกายบางๆ และหัวเราะเบาๆ ขณะที่เกร็กค่อยๆ ผลักเจสันออกเบาๆ พร้อมกับหัวเราะ
“โทษที แต่นายไม่ใช่สเปคของฉัน ฮ่าๆ “
“นายก็ไม่ใช่สเปคของฉันเหมือนกัน ไอ้เจ้ากล้ามเนื้อ !!”
เจสันร้องเสียงหลงเพราะความเขินอาย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ารถลีมูซีนจะมาถึงความเร็วที่น่ากลัวเช่นนี้
เจสันยังคงไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้
‘รถคันนี้เร็วแค่ไหน ทำไมฉันมองไม่เห็นข้างนอกเลย’
แต่เมื่อนึกถึงราคาของรถคันนี้ เจสันก็เข้าใจความเร้วของรถลีมูซีนคันนี้ทันที
หลังจากพยายามหาตำแหน่งที่ดีที่จะนั่ง เจสันตัดสินใจเข้าสู่โลกวิญญาณเพื่อหนีจากสถานกาณ์ที่น่าอึดอัดจากเกร็กแต่อย่างไรก็ตามเจสันก็มักจะอยู่ระหว่างเกร็กและมาเลีย เจสันจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากนัก
ตอนนี้พลังวิญญาณของเจสันอยู่ที่ 5.4 หน่วย ในขณะที่การผลิตพลังงานทั้งหมดตามธรรมชาติใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงซึ่งเร็วกว่าพลังวิญญาณส่วนใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาฟื้นฟูทั้งวัน
เจสันรู้สึกว่าโลกวิญญาณของตัวเองนั้นใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญแต่เจสันก็มีความสุข ก่อนจะเดินไปมองรังไหมที่มีเกล็ดหิมะล้อมรอบบริเวณนั้น ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ภายนอกโลกวิญญาณเจสันได้สังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่างสีฟ้าบินมาทางพวกเขา
ในขณะที่ทั้ง 3 อยู่ในโลกวิญญาณ รถลีมูซีนได้ทำการตีโค้งอย่างกว้าง ทำให้เกร็กล้มทับเจสันอีกรอบ โดยเจสันได้ล้มทับใส่มาเลียอีกที มาเลียจึงออกมาจากโลกวิญญาณของเธอ
มาเลียสังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังทับหน้าอกของเธอ ซึ่งมันก็คือใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีดำที่กำลังหลับตา และน้องชายตัวแสบของเธอก็นอนทับเจสันอยู่
ใบหน้าของมาเลียเปลี่ยนไปเป็นสีแดงด้วยความอับอาย มาเลียได้สร้างลูกบอลน้ำสองลูก โดยมีขนาดเล็กกว่า 1 ลูก
ลูกบอลน้ำลูกใหญ่ได้พุ่งเข้าไปที่ใบหน้าของเกร็กด้วยความเร็วสูง ในขณะที่ลูกเล็กพุ่งเข้าไปใบหน้าของเจสัน ซึ่งลืมตาขึ้นก่อนที่ลูกบอลน้ำจะกระทบกับใบหน้า
เจสันรู้สึกว่าตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ก่อนที่จะโดนลูกบอลน้ำ
“อ๊ากกกกกกกกกก”
เจสันและเกร็กร้องขึ้นพร้อมกันในขณะที่จับไปที่หัวซึ่งกำลังเปียกแฉะ