ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 97
‘นั้นคือเจสันจริงๆ งั้นหรอ’
เซรอนคิดขณะที่ถอยห่างออกมา
ดวงตาสีทองของเจสันที่กำลังแทรกซึมทุกรูขุมขน ขณะที่กรีลใช้นิ้วที่ห่อหุ้มมานาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจสันและเซรอน
“เจสัน ใจเย็นๆ เราไม่ได้เป็นคนผิดนะ”
เมื่อได้ยิน เจสันก็สงบลง แต่เจสันก็คิดทบทวนว่า กรีลนั้นสามารถจัดการสัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ได้ ทำไมเขาถึงไม่ทำ และกรีลได้ตอบคำถามที่เจสันไม่ได้เอ่ยปากพูด
“คุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าฉันฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านั้น ฉันทำไม่ได้หรอกนะ ถ้าฉันฆ่าพวกมันที่กำลังปกป้องสมบัติวิเศษที่กำลังเติบโต ฉันจะถูกล่าค่าหัวอย่างแน่นอน
หมูเกาะมีความคล้ายคลึงกับแผนครอบครัวใหญ่ที่แบ่งกระจายกันออกไปเหมือนหมู่เกาะเล็กๆ ที่แปบ่งตัวจากหมู่เกาะ
คุณจะบอกคุณจะเคลียร์เกาะ 2 3 เกาะ เพื่อคนอื่น แล้วเกาะอื่นๆ ละๆ ใครจะเป็นคนจัดการ และเกาะที่กำลังพัฒนาใหม่ละ ครอบครัวขนาดใหญ่ต้องยกพื้นที่ของตัวเองเพื่อให้คนที่อื่นๆ มาอยู่ร่วมงั้นหรอ
ฉันเข้าใจว่าคุณเกลียดที่เห็นคนอ่อนแอกว่าถูกรังแก แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และฉันเองก็อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับครอบครัวใหญ่เหล่านี้ ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวดังเดิมที่รอดพ้นจากการระบาดครั้งแรกของมานา และคนที่รอดชีวิตบางคนก็ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ฉันอายุ 56 และความสามารถในการปรับแต่งแกนมานนและความสามารถในการดูดซับของฉันก็ดีมาก และคุณคิดว่าพวกพ่อมดแม่มดที่มีอายุมากกว่า 300 ปีนั้น จะเป็นอย่างไร “
“บอกตามตรง ฉันก็ไม่ชอบสิ่งที่ครอบครัวใหญ่พวกนี้ทำกับคนอ่อนแอคนอื่นๆ หรอกนะ พวกเขาแบ่งคาเนียร์ตามความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ทุกครอบครัวที่ไม่ดี และคุณเองก็น่าจะสังเกตได้จากแอสทริซ์ว่าแม้ว่าลำดับชั้นนั้นไม่มีความเท่าเทียม และเกาะอื่นๆ ก็เป็นเช่นกัน
อย่างเกาะเบลกรา เกาะใหญ่ที่มีประชากรมากว่า 400 ล้านคน และได้แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ในขณะที่ 2 ส่วนใช้เป็นที่อาศัยสำหรับมนุษย์ และสำหรับสัตว์ที่ไม่มีอันตราย ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้
พวกมันค่อนข้างสงบ ในขณะที่พื้นที่ที่เหลือนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย และมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าของมนุษย์ และมีเพียงนักล่า ทหาร และผู้ที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถเข้าสู้ 3 ส่วนที่เหลือได้
ส่วนหนึ่งมีเพียงสัตว์ร้ายระดับต่ำเท่านั้น ในขณะที่อีกสองส่วนนั้นมีสัตว์แทบจะทุกระดับที่ต่อสู้กันกินกันเองจนเกิดความวุ่นวายต่างๆ
พวกมนุษย์ทำงานหนักเพื่อผลิตอุปกรณ์ เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับนักล่า แทนที่จะเสี่ยงชีวิตไปสู้กับพวกสัตว์ร้าย “
กรีลพูดอย่างภูมิใจและเจสันก็มีลางสังหรณ์ผุดเข้ามาในใจ
“เบลกรา เป็นครอบครัวของครูใช่ไหม”
เจสันถามด้วยความลังเลเล็กน้อย
เซรอนสงบลงและมองดูเจสัน อย่างหวาดกลัวเล็กน้อย โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในขณะที่ท่าทีที่หยิ่งผยองของกรีลได้หายไป
กรีลกระแอมเล็กน้อยในขณะที่พูดว่า
“นั้นเป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่ง ครอบครัวของกรีลและเซรอนปกครองเบลกราด้วยกัน และนั้นเป็นเพียงเพราะเราเป็นครอบครัวใหญ่ 2 ครอบครัวที่มีความคิดที่สงบสุขกว่าครอบครัวอื่นๆ ครอบครัวของเราทั้ง 2 จึงก่อตั้งเบลกราขึ้นมา ในพื้นที่ 2 ส่วน “
เจสันได้รู้ข้อมูลมกามายในครั้งนี้ และในที่สุดก็เข้าใจว่าทำเซรอนถึงแตกต่างมากเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ และยังเข้าใจอีกว่าทำไมกรีลถึงแข็งแกร่งขนาดนี้
…………………………………………………………………………………………………
หลังจากนี้ขอเปลี่ยนจาก “กรีล” เป็น “ทิลล์” นะครับ เพราะคำว่ากรีล เป็นนามสกุล ผมเรียกผิดมาตลอด ขอโทษด้วยนะครับ
………………………………………………………………………………………………
เมื่อเจสันมองไปที่เซรอน เขาก็ได้ถามว่า
“นายไม่เคยสู้กับฉันอย่างเต็มกำลังใช่ไหม”
เซรอนมองหน้าเจสันและหยักหน้า
“บัดซบ”
เจสันอุทานออกมา เพราะคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งเกือบจะเทียบเท่ากับเซรอน ทิลล์และเซรอนก็เข้าใจในสิ่งเจสันกำลังคิด
“แต่พูดตามตรง ความสามารถของคุณนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยน ถ้าคุณดูค่าเฉลี่ยการต่อสู้ทั่วไปของแอสทริกซ์และแกนมานาของคุณในตอนนี้ คุณสังเกตุเห็นแล้วว่าในการต่อสู้ในวันี้ คุณรู้สึกหนักใจ และต้องขอบคุณการสังเกตที่ยอดเยี่ยมและความสามารถที่สามารถเลียนแบบเทคนิคโฟลติ้งสกาย ที่ทำให้คุณสามารถชนะได้
เมื่อพิจารณาจากคนอื่นๆ ในเมืองไซโรความแข็งแกร่งของคุณในตอนนี้อยู่ในระดับกลางเลยทีเดียว แต่รวมเฉพาะความแข็งแกร่งของนักเรียนชั้นมอปลายทั้งหมดในไซโรเท่านั้น”
เมื่อได้ยินทิลล์บอกเกี่ยวกับความแข็งแกร่ง เจสันก็ขมวดคิ้ว เจสันรู้ว่าสัตว์พันธของเขาอ่อนแอและแกนมานาก็มีระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนของเมืองไซโร แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นค่อนข้างดีงั้นหรอ
จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งของเจสันที่เข้ามาในหัว
“ครู ถ้าผมได้เรียนรู้เทคนิคที่คล้ายกับเทคนิคโฟลติ้งสกาย ผมจะแข็งแกร่งขึ้นได้ใช่ไหม ?!”
“การเพิ่มความหลากหลายของเทคนิคนั้นยังไม่พอ เพราะความแข็งแกร่งโดยกำเนิดของคุณนั้นอ่อนแอเกินไป เมื่ออายุ 14 แต่เพิ่งจะอยู่ในมือใหม่ระดับสูง แต่เมื่อพิจารณาความสามารถของคุณ ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแกนมานาของคุณถึงยังต่ำอยู่”
เจสันหดหู่เล็กน้อยและรู้ว่าตัวเองนั้นยังคงอ่อนแอ และแม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่มันก็ไม่มากพอ ขณะที่เจสันเพิ่งจะนึกออกว่าจะถามว่าทำไมทั่งคู่ถึงมาที่นี่
“แล้วทำไมครูกับเซรอนถึงมาที่นี่ ละ”
ทิลล์คิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะยังไม่อยากบอกความลับในตอนนี้ เมื่อมองไปที่เซรอน เขาก็ได้รับสายตาที่จะบอกอะไรบ้างอย่าง อย่างเช่น ‘ไม่เป็นไร’ ในขณะที่ทิลล์เริ่มพูด
“เรามีเหตุผลหลายอย่างที่มาที่แอสทริกซ์พวกขเามีบางอย่างเกี่ยวกับเมืองไซโรและเซรอน ฉันไม่แน่ใจว่าจะบอกยังไง แต่เราจะจับสัตว์พันธะตัวที่ 2 ของเซรอนที่นี่ สัตว์ร้ายตัวนั้นหายากและในกำเนิดลูกหลายทุกๆ 2-3 ปี มันสำคัญมากเพราะสัตว์ร้ายตัวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บางอย่างได้ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าความหนาแน่นของมานาที่คาเนียร์นั้นหนาแน่นกว่าที่นี่
นั้นเป็นเรื่องจริงเพียงส่วนหนึ่ง เว้นมานาที่คาเนียร์น้นหากยาก และความหนาแน่นที่คาเนียร์ก็ไม่ได้ต่างจากที่นี่เท่าไหร่ ถ้าคุณดูที่เซรอนที่มี่แกนมานาที่ต่ำนอกจากนี้ฉันยังต้องสอนชั้นเรียนนี้ เพื่อทดสอบว่าฉันจะสามารถปรับปรุงความสามารถในการต่อสู้ของคนอื่นๆ ได้ไหม ฉันจึงมาสอนที่นี่”
เจสันได้สรุปสิ่งที่ทิลล์กล่าวมา และสิ่งที่ทั่งคู่กำลังรอคือ สัตว์ร้านที่กำลังเกิดใหม่ แล้วเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทั้งสองก็จะจากไป เมื่อได้ฟังว่าทิลล์นั้นอายุ 56 เจสันก็ตกใจ ทิลล์ตัดสินใจมาสอนเพราะต้องการทดสอบความสามารถของตัวเองและทิลล์ยังให้เทคนิคที่หายากเพราะต้องการดูว่าเด็กนักเรียนจะสามารถทำได้ไหม
เจสันเข้าใจคร่าวๆ ว่าทำไมแกนมานาของเซรอนถึงอ่อนแอเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของชาวคาเนียร์ และหลังจากที่เจสันมองแกนมานาของเซรอน เขาก็มีโครงสร้างร่างกายที่ดี ซึ่งทำให้เจสันประหลาดใจเมื่อช่องมานาของเซรอนดูแตกต่างกว่าที่มันควรจะเป็น
มานาของเซรอนมันไม่เสถียร มันกำลังยืดตัว บิดเบี้ยว พังทลาย และกลับเป็นปกติ วนลูปไป ด้วยเหตุนี้เจสันจึงคิดว่า เซรอนมีสัตว์พันธะที่ไม่เหมือนใคร มันอาจจะสามารถรักษาช่องมานาได้
นั่นหมายความว่าเซรอนสามารถใช้มานาได้หลังจากที่ทำพันธะกับสัตว์ร้ายตัวแรก เซรอนยังเงียบยิ่ง หลังจากที่ทิลล์บอกว่าเซรอนเองก็มีเหตุผลของตัวเองสำหรับแกนมานา แต่เจสันมองเห็นความไม่พอใจของเซรอนในสายตา
เจสันเข้าใจที่เซรอนหงุดหงิด เพราะครอบครัวของเขาก็ไม่พอใจที่ช่องมานาของเซรอนที่เหมือนจะพิการ เจสันไม่แน่ใจว่าเซรอนมีพี่น้องหรือไม่
เมื่อก่อนเซรอนไม่เคยพูดเกี่ยวกับตัวเอง และเจสันก็ไม่ได้อยากรู้มากนัก เพราะทั้งคู่เป็นแค่คู่ซ้อมการต่อสุ้ และไม่ได้รู้จักกันมานายาวจนถึงจะไว้วางใจหรือจริงใจต่อกันมากนัก