ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 99
เจสันเศร้าที่การต่อสู้ของเขาจบลงที่ห้อง 54 เนื่องจากเจสันคาดหวังที่จะได้เลื่อนห้องเยอะๆ เพื่อที่จะได้รับคะแนนเลซในการซื้อเทคนิค
เมื่อเจสันเข้าไปที่เว็บของโรงเรียนและคลิปไปที่ส่วนของคะแนนเลซ ซึ่งจะสามารถเห็นคอลัมน์ต่างๆ ได้ ในส่วนของร้านค้า การดานภารกิจ การซื้อและการขาย สิ่งที่ทำให้เจสัน
เขาเข้าไปในเว็บไซต์ของโรงเรียนทันทีก่อนจะคลิกตรงส่วนนั้นเพื่อหาจุดลูกไม้ ซึ่งจะเห็นคอลัมน์ต่างๆ เช่น ส่วนการค้า กระดานภารกิจ การซื้อ และการขาย
เมื่อมองไปที่ส่วนของการซื้อด้วยคะแนนเลซเจสันก็ต้องตกตะลึง เพราะสามารถซื้อคู่มือ พืชเวทย์มนต์ อาวุธ ชุดเกราะ และอื่นๆ ได้นับพันรายการ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคะแนนที่มีอยู่ 75 คะแนน
เจสันต้องการรู้ว่าเทคนิคระดับ 1 แบบไหนที่สามารถซื้อได้ เจสันมองเห็นเทคนิคกว่า 100 เทคนิคและเทคนิคที่ถูกที่สุดมีราคา 500 คะแนนเลซ 10 ล้านเครดิต หากแปลงมูลค่าแล้ว
และมันอาจจะราคาสูงกว่านั้น เนื่องจากการหาคะแนนเลซนั้นยากกว่า เจสันผิดหวังและปิดจอโฮโลแกรมของตัวเอง
ตอนนี้เจสันมี 75 คะแนนเลซและมันยังซื้อเทคนิคที่ราคาถูกที่สุดยังไม่ได้ และมันไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเจสันได้
*
บ่ายวันศุกร์เจสันกำลังเดินไปที่ประตูโรงเรียนเพื่อที่จะรอรถรับส่งและกลับบ้าน และสีหน้าที่หงุดหงิดในขณะที่เซรอนกำลังวิ่งหาเจสัน
“เจสัน หยุดก่อนๆ เจสัน “
เซรอนตะโกนเรียกเจสัน และเจสันก็หยุดและมองหาเซรอน
“หืม? มีอะไรงั้นหรอ”
เจสันถามเซรอน
เซรอนนั้นคล้ายเกร็กที่ไม่ค่อยมีเพื่อน และยังฉลาดตั้งแต่เด็ก แต่ช่องมานาที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เขาต้องอับอายและถูกมองว่าเป็นขยะในครอบครัว
การที่ฝึกซ้อมกับเจสันตลอดทั้งสัปดาห์ และเซรอนก็ยอมรับในตัวของเจสันแม้ว่าเซรอนจะไม่เคยเอาจริงกับเจสัน และเนื่องจากเจสันจะปกปิดความลับของเขาให้และยังไม่คิดที่จะใช้เทคนิคโฟลติ้งสกาย ทำให้เซรอนรู้สึกแย่นิดหน่อย เดียวได้พูดคุยเกี่ยวกับทิลล์ในเรื่องนี้
เซรอนกระแอมเบาๆ ในลำคอและกล่าวว่า
“เจสัน ขอบคุณสำหรับที่จะปิดบังตัวตนของพวกเรานะ และอย่างนั้นฉันอยากให้ของขวัญบางอย่างแทนการขอบคุณ และนายต้องรับมัน ! พวกเรารู้สึกผิดที่ไม่ให้นายรู้ถึงพลังของเทคนิคโฟลติ้งสกาย ตอนนี้เราก็ขอให้นายหยุดใช้มัน แต่ของขวัญนี้จะทดแทนสิ่งนั้นและมันจะช่วยเพิ่มความแข้งแกร่งให้กับนายได้ ! ฮ่าๆๆ “
เสียงหัวเราะของเซรอนทำให้เจสันรู้สึกเบื่อหน่าย และเซรอนก็ส่งไฟล์เทคนิคให้กับเจสัน ก่อนที่จะวิ่งกลับไปในโรงเรียน และปล่อยให้เจสันที่กำลังงงวยยืนอยู่คนเดียวและรถรับส่งก็มาถึง เจสันได้ขึ้นไปแล้วเปิดไฟล์ที่เซรอนส่งมา
[เทคนิคระดับ 1 ทักษะไร้น้ำหนัก]
‘หือ?’
เจสันประหลาดใจที่เห็นเซรอนส่งเทคนิคการเคลื่อนไหวมาให้เขา!
เซรอนหรือทิลล์ที่อยากส่งเทคนิคนี้กับเจสัน นั้นเจสันไม่รู้แต่ที่แน่ๆ เจสันก็ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้
เขาขอบคุณเซรอนด้วยใจแม้กระทั่งส่งข้อวคามเพื่อขอบคุณทิลล์ ในขณะที่เซรอนวัย 14 ปีดูมีความสุขมาก และทิลลืก็ส่งข้อวคามกลับไปหาเจสันว่า
[ไม่เป็นไร คุณสมควรได้รับมัน]
ซึ่งทำให้เจสันสับสน
ไม่ใช่ว่าเจสันทำบางสิ่งบางอย่างที่สมควรได้มันมางั้นหรอ เจสันส่งข้อความให้กับเซรอนโดยไม่รู้เกี่ยวกับคำตอบของทิลล์
[ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกการเลือกสัตว์พันธะตัวที่ 2 ฉันก็สามารถช่วยได้นะ ฉันเก่งในการเลือกสัวต์ที่มีศักยภาพสูง]
คำพูดของเจาัสนที่มีต่อเซรอน นั้นไม่ค่อยมีอะไรมากนั้น แต่สำหรับเจสันการที่จะบอกใครๆเกี่ยวกับความสามารถในการแยกแยะความบริสุทธิ์ของแกนมานาสัตว์ร้ายนั้นค่อยข้างอันตราย
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เจสันได้ทบทวนความสามารถของดวงตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เจสันก็ไม่เข้าใจขีดจำกัดของมันหรือสิ่งที่สามารถทำได้ในเรื่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเจสันรู้โดยคร่าวๆ ว่าควรทำอย่างไร แต่ก็ยังยากที่จะเข้าใจ ในท้ายที่สุด เจสันได้ตัดสินที่จะหยุดคิดถึงความสามารถของดวงตา โดยสรุปได้ว่าเจสันสามารถตรวจจับความบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายได้
นอกจากนี้เจสันยังรู้ดีว่า หากไม่ฉีดมานาลงไปในด้วยตา เจสันสามารถข่มขวัญศัตรูได้ เมื่อเพิ่มจิตสังหารที่ปล่อยออกมา แม้แต่คนที่ระดับสูงกว่ายังรู้สึกหวาดกลลัวเจสัน
เมื่อนึกถึงตอนที่ต่อสู้กับลีโอ ฮาร์ท เจสันรู้ว่าเอฟเฟกดวงตานรกนั้นเป็นเพียงการขายผลการคุกคามด้วยจิตสังหาร เจสันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดวงตาของตัวเองเลย และเจสันก็หยุดคิดเรื่องนี้
เจสันเริ่มเปิดคู่มือเทคนิคไร้น้ำหนัก เพื่อเรียนรู้มัน เจสันได้รับอนุญาติให้ฝึกโดยไม่มีใครสามารถรบกวนได้ในโลกวิญญาณ และภายในโลกวิญญาณก็สั่นไหวเล็กน้อย
เจสันสังเกตุเห็นว่ารังไหมรอบๆ อาร์เทมิสนั้นเริ่มบางลง และเจสันก็มีเหงื่อออกจากแรงกดดันบางอย่าง
‘อย่าเพิ่งนะ ฉันยังไม่พร้อมมม ‘
เจสันคิดขึ้นและสังเกตว่าอาร์เทมิสจะพัฒนาเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์
‘แย่แล้ว’
นั้นเป็นความคิดเดียวของเจสัน ในขณะที่วางคู่มือเทคนิคไร้น้ำหนักและเข้าไปในโลกวิญญาณอีกครั้ง ตลอดทั้งสัปดาห์พลังวิญญาณของเจสันเพิ่มเป็น 11.1 หน่วย ในขณะที่ต้องใช้พลังวิญญาณ 10 หน่วย เพื่อพิจารณาว่าอาร์เทมิสจะเข้าศุ้สัตว์ร้ายระดับการถูกปลุกพลัง และเจสันต้องเร่งเพิ่มพลังวิญญาณขึ้นอย่างน้อย 2-3 เท่า
ตอนนี้เจสันไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ในขณะที่ฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ขั้น 2 และหากไม่สามารถสงบจิตใจได้ การฝึกฝนเทคนิคนี้ก็ยากลำบากและอันตรายมาก แะเจสันก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง
และประมาณว่าพลังวิญญาณของเจสันเพิ่มขึ้น 0.1-0.2 หย่วยในทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องประหลาด เมื่อพิจารณาว่ามีพลังวิญญาณเพียง 11.1 หน่วยในขณะนี้
โดยปกติคนอื่นๆ มักจะใช้เวลา 3 วันสำหรับการเพิ่มขึ้นมา 0.1-0.2 หน่วย และเจสันมั่นใจว่าจะใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในความเร็วปัจจุบันที่จะเพิ่มพลังวิญญาณ 0.2 ในทุกๆ วันอย่างต่อเนื่อง
นี่หมายความภายใน 2 สัปดาห์เจสันจะเพิ่มพลังวิญญาณเป็น 13.2 หน่วย ซึ่งยังแย่อยู่ เมื่อหักพลังวิญญาณที่ใช้สำหรับสกอร์พิโอ เจสันจะเหลือ 7.2 หน่วย สำหรับอารืเทมิส แต่ถ้าอาร์เทมิสมีพลังวิญญาณอย่างน้อย 11 หน่วย เจสันจะได้รับพลังวิญญาณเพิ่ม 2.3 หน่วย
เมื่อคำนวณทุกอย่างแล้ว เจสันเห็นว่าพลังวิญญาณของเจสันยังคงต่ำอยูาประมาณ 1.5 หน่วย การคำนวณนี้ดีที่สุดแล้ว รวมถึงความจริงที่ว่าสกอร์พิโอจะเข้าสู่สัตว์ระดับ 5 ดาว ในระหว่างนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่อาร์เทมิสจะมีพลังวิญญาณมากกว่า 11 หน่วย
เจสันไม่ชอบที่สายใยพันธะของตัวเองไม่ได้รับพลังวิญญาณที่สูงกว่าจัวเจ้าของ เพราะมีโอกาสที่พวกเขาจะหลุดออกจากสายพันธะของกันและกัน และอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น คือความตาย
เจสันชื่อชอบสัตว์ของตัวเองมากกว่าสิ่งใด แม้แต่เกร็กที่เป็นเพื่อที่ดีที่สุดของเจสันก็ไม่สำคัญเท่ากับสัตว์ทั้ง 2 ตัวนี้
เจสันรู้สึกกดดันจากเหตุการณ์นี้ของอาร์เทมิส และก่อนที่จะคิดต่อรถรับส่งก็มาถึงหน้าบ้าน เจสันเดินลงและเดินเข้าบ้านไป และกินข้าวกับพวกเฟลเลอร์ ในขณะที่คนอื่นๆ สังเกตว่าช่วง 2-3ที่ผ่านมาเจสันดูไม่สนใจพวกเขาเลย
เกร็กไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเจสันมากนัก เพราะเขาต้องจดจ่อกับการต่อสู้ของเขา เพราะการต่อสู้ในระดับชั้นเรียนของ
เกร็กเพิ่งจะเริ่มขึ้นในขณะที่ของเจสันเพิ่งจะจบลง
ตอนนี้เท่านั้นที่เกร็กเข้าใจความแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมชั้น แต่ก็ไม่มีอะไรต้องอายเมื่อทักษะการต่อสู้ของเกร็กนั้นเหนือกว่า
มาเลียเองก็ต้องออกจากบ้านเร็วๆ นี้เพื่อทำภารกิจของโรงเรียน เนื่องจากเป็นการสอบอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้มาเลียเครียดเล็กน้อย
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างทำภารกิจอาจจะถึงตาย และการดูแลทีมสำรวจทั้งหมด ก็เป็นหน้าที่ของมาเลีย ที่อายุ 16 ปี ที่ต้องป้องกันหน่วยสำรวจ
กาเบรียลลาและมาร์คมองดูเด็กๆ อย่างเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความแข็งแกร่งของกาเบรียลลาและมาร์คนั้นสูงมาก พวกเข้าอยู่ในขั้นผู้วิเศษ
แต่ในฐานะขุนนาง ตำแหน่งทางความแข็งแกร่งนั้นไม่มีค่าอะไรเลย เพราะถึงแม้จะเป็นระดับผู้วิเศษขั้นสูงมันก็เทียบอะไรไม่ได้กับระดับราชวงศ์และพวกขุนนาง