ดวงใจภวินท์ - บทที่ 102 เป็นแค่หมากตัวนึง
คุณปภาวีมองญาธิดาที่เมาจนไม่ร้เรื่อง จากนั้นได้รีบหลีกทางให้ภวินท์เข้าไปในบ้านทันที
หลังจากวางญาธิดาไว้บนเตียงนอนเสร็จ คุณปภาวีห่มผ้าให้เธอด้วยแล้วมองไปที่ภวินท์พร้อมกับถามว่า “เธอ…ทำไมเธอถึงได้ดื่มเยอะขนาดนี้คะ ”
ภวินท์หยุดชะงักไปครู่นึง จากนั้นได้พูดเสียงเบาว่า “มีการดื่มเหล้าระหว่างคุยงานกับผู้ใหญ่ เธอเลยดื่มไปบ้างครับ”
คุณปภาวีฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ดื่มเหล้าเพื่องาน คุณให้เธอไปดื่มเหล้ากับลูกค้าได้ยังไง ”
ภวินท์ขมวดคิ้ว แววตาลึกๆมีแสงมืดมนแวบผ่าน เขาเงียบกริบไม่ได้ตอบ
เขาคิดได้ตั้งนานแล้วว่ามาร์ตินอาจจะทำให้เธอลำบากใจ เขายังได้กำชับเธอเป็นพิเศษว่ามีเรื่องอะไรก็โทรหาเขา แต่เธอดันไม่ฟัง ถ้าไม่ใช่วันนี้บังเอิญเจอเธอที่หน้าAmaya Hotel ไม่แน่ยังจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างอื่นอีก
คุณปภาวีเห็นตั้งครึ่งค่อนวันเขาก็ไม่พูดจา สีหน้าก็แสดงความหงุดหงิดออกมา “ก่อนหน้านี้ฉันเห็นคุณเป็นลูกเขยแท้ๆมาโดยตลอด ตอนนี้ดูท่าธิดาตัดสินใจถูกแล้วจริงๆที่หย่ากับคุณ คุณไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ”
ภวินท์ลังเลอยู่เสี้ยววินาที จากนั้นได้ก้มคำนับให้กับคุณปภาวีเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงเบาว่า “รบกวนแล้วครับ”
พอพูดจบ เขาได้หันหลังเดินออกมาจากห้องนอน แล้วเดินออกจากบ้านอย่างไว
ลองถามใจดู หลังจากญาธิดาแต่งงานกับเขา เขาไม่เคยทำหน้าที่สามีคนนึงเลยจริงๆ และไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี ไม่ว่าคุณปภาวีพูดยังไง หน้าที่ความรับผิดชอบอยู่ที่เขา เขาก็ไม่พูดอะไรหรอก
ออกมาจากหมู่บ้าน หลังจากขึ้นรถ พายุดูออกว่าสีหน้าของภวินท์ไม่ค่อยดี จึงรีบสอบถามว่า “คุณภวินท์ครับ ตอนนี้จะไปไหนครับ ”
ภวินท์ดึงสติกลับมาแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ “ไปโรงพยาบาล”
สองวันนี้ เขาพยายามทุกวิถีทาง ในที่สุดก็หาคนที่มีไตที่เข้ากับนิวราได้อีกครั้ง หลังจากทั้งสองฝ่ายได้ติดต่อกัน จะทำการผ่าตัดช่วงนี้เลย ก่อนผ่าตัด เพื่อรับประกันว่าทุกอย่างเหมือนเดิม เขาจะคอยเฝ้าอยู่ที่ข้างกายของนิวราทุกคืน
ยกมือขึ้นมานวดระหว่างคิ้ว ใบหน้าของภวินท์มีความเหนื่อยล้าโผล่ขึ้นมา ตอนที่เขาก้มหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จู่ๆสายตาได้ถูกคราบน้ำบนทรวงอกดึงดูด
ในขณะที่เขาข้องใจ จู่ๆได้นึกถึงภาพตอนที่ญาธิดาหมอบอยู่ในอ้อมอกตนเองเมื่อสักครู่นี้ ทันใดนั้นได้เข้าใจทันทีว่า ที่แท้นี่เป็นคราบน้ำลายที่เธอทิ้งเอาไว้
ไม่รู้เพราะอะไร นึกถึงหน้าตาของผู้หญิงในเมื่อกี๊ ภวินท์รู้สึกความเหนื่อยล้าได้จางหายไปทันที มุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
สิ่งที่เขาติดค้างญาธิดา สักวันเขาจะต้องชดเชยให้เธอแน่นอน
……
ประมาณ8โมงของวันถัดมา ตอนที่ญาธิดาตื่นขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าปวดหัวจนจะระเบิดอยู่แล้ว คอก็แห้งจนไอจะพ่นออกมาอยู่แล้ว
เธอลุกมานั่งอย่างยากลำบาก คว้าน้ำครึ่งแก้วที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงมาดื่มหมดในกรึ๊บเดียว หลังจากวางแก้วลง ความทรงจำที่อยู่ในหัวเหมือนเศษค่อยๆมาปะติดปะต่อกัน
เมื่อวานเธอกลับมายังไง เธอจำไม่ได้เลยจริงๆ
ในขณะนี้เอง จู่ๆประตูได้ถูกผลักออก คุณปภาวียกน้ำเข้ามาแก้วนึง เห็นเธอตื่นแล้ว ได้รีบเดินมาถาม “ธิดา ลูกเป็นไงบ้าง ”
“หนูปวดหัวนิดหน่อยค่ะ……”ญาธิดาสูดหายใจเข้าทางปากทีนึง แล้วยื่นมือรับน้ำแก้วนั้นมา จากนั้นได้ดื่มไปอีกหลายกรึ๊บ และถือโอกาสถามว่า “แม่คะ เมื่อวานหนูกลับมายังไงคะ ”
สีหน้าของคุณปภาวีเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าไม่ค่อยอยากจะพูด เธอได้ตอบแบบลวกๆ “ลูกรีบลุกขึ้นมาเลย สายแล้วนะ ยังต้องทำงานอีก ”
ญาธิดาตอบคำนึง จากนั้นได้ถามต่ออีกว่า “เมื่อวานหนูกลับมาเองเหรอคะ ”
คุณปภาวีขมวดคิ้ว และพูดอย่างค่อนข้างโกรธ “เมื่อวาน…ภวินท์เป็นคนส่งลูกกลับมา”
“อะไรนะ ”
ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเขา แต่ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย
“ช่างเถอะๆ จำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปคิดมันแล้ว รีบไปอาบน้ำอาบท่าเร็ว เดี๋ยวมาทานอาหารเช้า ”
คุณปภาวีผลักญาธิดาเข้าไปในห้องน้ำ ทีนี้เธอถึงไม่ได้ถามต่ออีก
พอทานอาหารเช้าเสร็จ ญาธิดาได้ไปที่บริษัทโดยตรง เพิ่งถึงแผนก ก็มีเพื่อนร่วมงานแจ้งว่าจะประชุมใหญ่แผนกกะทันหัน
ประชุมใหญ่แผนกไม่เหมือนประชุมแผนก เป็นการประชุมที่พนักงานหลักของหลายแผนกในบริษัทจัดขึ้น เพราะภวินท์ไม่อยู่ ดังนั้นประชุมเลยมีมาร์ตินเป็นผู้ดำเนินการ
ญาธิดาหยิบสมุดบันทึกการประชุมขึ้นมา จากนั้นได้ไปประชุมที่ห้องประชุมตามเพื่อนร่วมงาน เพิ่งเดินมาถึงหน้าห้องประชุม ก็เห็นมาร์ตินกับลูกน้องทั้งหลายเดินมา
แววตาที่เคร่งขรึมของเขาได้กวาดผ่านผู้คน สุดท้ายสายตาได้หยุดอยู่ที่บนตัวญาธิดา หยุดชะงักไปครึ่งวินาที ได้เชิดคางเล็กน้อยพร้อมพูดกับญาธิดาต่อหน้าผู้คนว่า “มานี่”
ญาธิดาตกใจ “คุณมาร์ตินมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ”
“ไปชงชามาให้ผมแก้วนึง”
มาร์ตินทิ้งคำนี้ไว้ จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปในห้องประชุมโดยตรง
ญาธิดารู้สึกว่าคนที่อยู่รอบๆล้วนมองมาที่เธอในชั่วขณะ สายตากับแววตาเหมือนหนามทิ่มตำแผ่นหลัง ทำให้เธออึดอัดไปทั้งตัว
เธอเป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนกของแผนกธุรการ จู่ๆคุณมาร์ตินของบริษัทเรียกชื่อเอ่ยนาม สั่งให้เธอไปชงชาให้เขาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ย่อมทำให้คนไม่น้อยเกิดการคาดเดาและสงสัย
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ เธอก็ไม่มีเวลาสนใจมาเยอะขนาดนั้นแล้ว ได้เอาสมุดจนบันทึกให้ชมพู่ที่อยู่ข้างๆ“ชมพู่ เธอช่วยฉันเอาเข้าไปก่อน เดี๋ยวฉันตามมา”
ชมพู่พยักหน้า จากนั้นได้ถือสมุดเดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน
ชงชาเสร็จ ญาธิดายกชาเดินเข้าไปในห้องประชุม เอาแก้ววางลงที่ข้างๆของมาร์ตินแล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณมาร์ตินชาของคุณค่ะ”
มาร์ตินพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณนั่งข้างๆผมเนี่ยแหละ”
ญาธิดาอึ้ง จากนั้นได้ปฏิเสธด้วยจิตใต้สำนึก “คุณมาร์ตินนี่ไม่เหมาะสมค่ะ”
การประชุมแบบนี้ล้วนเรียงตามตำแหน่งสูงต่ำ ที่นั่งที่อยู่ข้างมาร์ตินคือที่นั่งของหัวหน้า เธอเป็นแค่ผู้ช่วยหัวหน้าเล็กๆคนนึง จะข้ามมานั่งที่นี่ได้ยังไง
แววตามาร์ตินซีเรียส และได้พูดด้วยเสียงเย็นชา “ผมบอกให้นั่งก็นั่ง”
เสียงของเขาไม่ดังแต่ก็ไม่เบา ทำให้คนที่อยู่รอบๆทยอยกันหันมามอง ทันใดนั้นญาธิดาไม่รู้ควรจะทำยังไงแล้ว
คราวก่อนเขาให้เธอเข้าไปทำงานที่ห้องทำงานของเขา ครั้งนี้ก็ให้เธอนั่งที่ข้างกายเขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แบบนี้ทำให้คนสงสัยและเข้าใจผิดไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ พอมาแบบนี้ ล้วนมีผลกระทบกับทั้งสองคน
มาร์ตินทำแบบนี้ หรือจะเหมือนที่ชมพู่พูดจริงๆ เขามีใจให้เธอ หรือว่าเขาแกล้งแสดงละครให้คนอื่นดู ให้เธอเป็นเป้าโจมตีของทุกคน
ไม่ว่าเป็นคำตอบแบบไหน ล้วนทำให้เธออกสั่นขวัญหายและปรับตัวไม่ได้ทั้งนั้น
ญาธิดากัดริมฝีปาก แล้วพูดเสียงต่ำว่า “คุณมาร์ตินมีเรื่องอะไรคุณสั่งฉันมาตอนนี้โดยตรงก็พอค่ะ ฉันรับรองว่าจะทำให้ภารกิจให้สำเร็จค่ะ”
มาร์ตินฟังแล้วได้ยักคิ้วเล็กน้อย แววตาเผยรอยยิ้มที่คลุมเครือออกมา เขายิ้มหยันพร้อมพูดว่า “เมื่อคืน คุณไม่ได้ปฏิเสธผมขนาดนี้เลย ”
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ ญาธิดารู้สึกแค่ว่าข้างหูมีเสียงระเบิดดังบึ้มขึ้นมา เสียวสันหลังอย่างควบคุมไม่ได้
เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบๆบางคนได้ยินคำพูดของมาร์ตินแล้ว ต่างก็มองพวกเขาด้วยสีหน้าตะลึง
มาร์ตินนี่คือจงใจให้คนอื่นเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาผิดชัดๆ
ญาธิดากำหมัดแน่น แววตาค่อยๆเหลือแค่ความเย็นชา “คุณมาร์ตินพูดจาซี้ซั้วไม่ได้นะคะ เมื่อคืนอยู่ที่โต๊ะทานข้าวคุณเมาเหล้า หลังจากฉันส่งคุณขึ้นรถฉันก็ได้จากไปเลย คุณอาจจะเมาแล้วลืม แต่ฉันจำได้ชัดเจนเลยนะคะ”
แววตาของมาร์ตินมีความประหลาดใจที่ไม่ชัดเจนแวบผ่าน เหมือนคิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะหักหน้าเขาอย่างหัวแข็งขนาดนี้ เขายกมุมปากขึ้นอย่างฝืนยิ้มพร้อมพูดอย่างเรียบเฉย “แค่ล้อเล่นเฉยๆ คุณญาธิดาก็ทำเป็นจริงจังไปได้ ”
ญาธิดาพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็ได้หันหลังเดินไปยังทิศทางของแผนกฝ่ายธุรการ
มองร่างเงาของผู้หญิงที่จากไป สายตาของมาร์ตินเคร่งขรึมเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ญาธิดาพยายามฝืนกลับที่นั่งของตัวเอง ชมพู่ที่อยู่ข้างๆรีบเขยิบเข้ามาสอบถามสถานการณ์ “เรื่องมันยังไงกันเหรอ ”
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ ส่ายหัวแล้วไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ในใจเธอรู้ดีว่ามาร์ตินจะต้องเตรียมแผนร้ายอะไรอยู่แน่นอน ส่วนเธอเป็นแค่หมากตัวนึงเท่านั้น