ดวงใจภวินท์ - บทที่ 105 สเปคที่เธอใฝ่ฝัน
นึกถึงตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาทำงานที่STN Group ถึงแม้เงินเดือนจะต่ำ แต่กลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้…
ญาธิดายิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ มองดูมาม่าในมือ แม้แต่คำเดียวก็กินไม่ลงแล้ว เธอกัดฟันแล้วลุกขึ้นมา เอามาม่าและส้อมทิ้งลงไปในถังขยะโดยตรง จากนั้นได้เช็ดน้ำตาแล้วเดินไปที่กระจก
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงในกระจกกำลังอยู่ในช่วงที่เยาว์วัยและสวยงาม แต่ใบหน้าที่บวมแดงขึ้นมาข้างนึงของเธอกลับเป็นสัญลักษณ์ที่ตลกที่สุด
ช่วงเวลานี้ เหมือนเธอจะทำผิดไป ไม่ควรแต่งงานกับบอสของตนเองเพราะนัดบอดครั้งหนึ่งแล้ววิวาห์สายฟ้าแลบ และไม่ควรฝันเฟื่องคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตกับเธอดีๆ ยิ่งไม่ควรพัวพันกับเขาไม่เลิกครั้งแล้วครั้งเล่า และก่อกวนชีวิตของตนเอง
พริบตาเดียว ราวกับความสับสนกับความพร่ามัวทั้งหมดล้วนชัดเจนขึ้นมาในเสี้ยววินาทีนี้ เธอมองตัวเองผ่านในกระจก มีความคิดอะไรบางอย่างค่อยๆแน่วแน่ขึ้นมา
เรียบเรียงความคิดทั้งหมด เป้าหมายบางอย่างค่อยๆชัดเจนขึ้นมาเยอะเลย
เธอจะหาห้องพัก ย้ายออกมาจากบ้าน และใช้ชีวิตตามลำพัง จากนั้นหาแฟนที่พึ่งได้คนนึง คบหากันอย่างจริงจังก่อน จากนั้นค่อยเข้าสู่ประตูวิวาห์……
หลังจากคอนเฟิร์มทุกอย่างเรียบร้อย ญาธิดาเหมือนคึกขึ้นมายังไงอย่างงั้น มีพลังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พอดีเลย พรุ่งนี้เธอไม่ต้องทำงาน ไปหาห้องพักก่อน มีห้องที่เหมาะสมก็เช่าเอาไว้ แล้วย้ายออกมาจากบ้าน
อีกฝั่งนึง โรงพยาบาลโชคศิริ
ภวินท์ยืนขมวดคิ้วอยู่ที่ริมทางเดินของโรงพยาบาล
ตอนนี้หาแหล่งไตใหม่ที่เข้ากับของนิวราได้แล้ว แต่การวางแผนล่วงหน้าของการผ่าตัดได้หยิบยกปัญหาต่างๆที่อาจจะเจอออกมา นั่นก็หมายความว่า การผ่าตัดของครั้งนี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็น ถึงPeterเป็นคนผ่าตัดเองก็ตาม ก็อาจจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายได้
พายุเดินมาพูดเสียงเบาว่า “คุณภวินท์ครับ”
สีหน้าของภวินท์ขยับ เขาหันหน้าไปเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเรียบเฉย “ว่ามา”
“รู้สึกเหมือนคุณญาธิดากำลังจะหาห้องอยู่ครับ ในเฟสบุ๊คยังได้โพสต์ข้อความที่หาผู้เช่าร่วมด้วยครับ อีกอย่างทางฝั่งผมก็เฝ้าติดตามเจอข้อมูลความต้องการที่เธอโพสต์ลงในเพจหาห้องด้วยครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้ว “เธอหาห้องทำไม ”
หรือว่าเตรียมจะย้ายออกจากบ้าน
หยุดชะงักไปสองวินาที เขาได้หันไปสั่งการพายุ “ปล่อยเช่าคอนโดที่โกลเด้นมูน เบย์ห้องนั้นออกไป”
พายุพยักหน้าพร้อมตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ”
พอพูดจบ เขาก็รีบไปทำตามคำสั่งทันที
ภวินท์เงยหน้ามองไปไกลๆ อารมณ์ที่อยู่ในแววตาสลับซับซ้อน ทำให้คนเดาไม่ออก มองไม่ทะลุปรุโปร่ง
…..
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากทายาที่แก้มเสร็จ ก็ได้ใส่แมสปิดปากออกไปดูห้องเช่าโดยตรง
เมื่อคืนเธอก็ได้ดูห้องเช่าจากในโซเชียลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถือว่าได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่พอถึงมาถึงสถานที่และดูห้องจริงๆ เธอถึงพบว่าความใฝ่ฝันกับความเป็นจริงมันแตกต่างกันมากแค่ไหน
ไม่ก็ของจริงกับรูปถ่ายไม่สอดคล้องกัน ไม่ก็ไม่ทีห้องน้ำในตัว หรือไม่ก็อยู่เปลี่ยวเกินไป
ตระเวนไปครึ่งค่อนวัน ญาธิดาไม่เจอห้องที่น่าพึงพอใจเลยสักห้อง
ดื่มน้ำไปสองกรึ๊บ เธอค้นดูโทรศัพท์ เหลือแค่ห้องที่เธอถูกใจอยู่ห้องสุดท้ายแล้ว ถึงแม้ห้องห้องนี้ไม่ใหญ่ แต่การตกแต่งในรูปกลับสวยมาก พักคนสองคนเหมาะที่สุด ที่สำคัญคือราคาก็ไม่สูง เมื่อเทียบกับหลายห้องก่อนหน้านี้ที่มีแค่ห้องนอนเล็กๆห้องนอนเดียวก็แพงจะตายอยู่แล้ว ห้องนี้เหมือนเก็บมาได้ฟรีๆเลย
แต่จุดที่เธอเป็นห่วงก็จุดนี้แหละ ห้องเช่าที่สภาพดีทุกด้าน ทำไมโพสต์อยู่ในเน็ตก็เช่าไม่ออก หรือว่าจะมีอะไร……
ญาธิดาคิดเชื่อมโยงไปถึงข่าวที่ผู้หญิงไปดูห้องแล้วถูกเจ้าของห้องลวนลามและหลุมพรางของการเช่าห้องต่างๆนาๆในโซเชียลโดยที่ไม่รู้ตัวแล้ว ก็อดกลัวไม่ได้
แต่ตอนนี้ ห้องที่เธอได้เลือกในก่อนหน้าได้พังทลายสิ้น เธอได้แต่เอาตัวเองไปเสี่ยง ไปดูห้องสุดท้ายนี้แล้ว
“กริ๊งๆ——”
จู่ๆมือถือได้ดังขึ้น ญาธิดาหยิบมือถือขึ้นมาดู ธีทัตโทรมา
เธอลังเลอยู่เสี้ยววินาทีถึงได้รับสาย “ฮัลโหล ”
เสียงที่ประดับด้วยรอยยิ้มของ อัญมณีก้องมา “ธิดา บ่ายวันนี้อันอันจะถึงไทยแล้ว พวกเราจะต้องไปรับที่สนามบิน ยังจำได้มั้ยครับ ”
พอเขาย้ำแบบนี้ปุ๊บ ทีนี้ญาธิดาถึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนี้เป็นวันที่อัญมณีกลับประเทศ
ญาธิดาค่อนข้างร้อนตัว เธอรีบเปิดปากพูดว่า “จำ…จำได้สิ ถึงเวลาเราไปสนามบินด้วยกันนะ……”
ถึงจำไม่ได้เธอก็ต้องบอกว่าจำได้ ไม่งั้นตามนิสัยของอันอันแล้ว จะต้องฆ่าเธอแน่!
เสียงของธีทัตดังและชัดเจน “ตอนนี้เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปหาเธอและทานข้าวเที่ยงด้วยกัน จากนั้นค่อยไปสนามบิน ”
“ฉัน……ฉันกำลังดูห้องอยู่ ยังไม่รู้เลยจะดูถึงเมื่อไหร่”
“ดูห้องเหรอ ”
“ค่ะ…ฉันกะจะย้ายออกจากบ้าน แล้วออกมาอยู่คนเดียว”
ถึงจำไม่ได้เธอก็ต้องบอกว่าจำได้ ไม่งั้นตามนิสัยของอันอันแล้ว จะต้องฆ่าเธอแน่!
ในสายลังเลอยู่สองวิ จากนั้นได้ถามเสียงเบา “เดี๋ยวยังจะดูอีกเหรอ ”
“ใช่”
อย่างน้อยเธอก็จะลองไปดูห้องสุดท้ายที่เธอถูกใจ จากนั้นอย่างอื่นค่อยว่ากันใหม่
ธีทัตแนะนำเสียงเบา “งั้นฉันไปกับเธอดีกว่า”
“ไม่ต้องรบกวนแล้ว ฉันไปดูเอง……”ญาธิดาจะปฏิเสธด้วยจิตใต้สำนึก แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองคิดเชื่อมโยงเหล่านั้น นึกถึงจะต้องไปดูห้องนั้นคนเดียว ในใจค่อนข้างกลัว “คุณ……สะดวกจริงเหรอ ”
ธีทัตหัวเราะ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำราวกับสามารถทะลุมาจากมือถือ “วางใจได้ สะดวกอยู่”
ญาธิดาก็ยกมุมปากขึ้นเช่นกัน “โอเค งั้นฉันส่งโลเคชั่นให้คุณนะ”
ที่จริง คบหากับธีทัตก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเมื่อคืนเธอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะทำการเปลี่ยนแปลง และคิดดีแล้วว่าจะมีแฟนคบหาดูใจกันดีๆสักครั้ง
และตอนนี้ ธีทัตเป็นคนที่คุ้มค่าแก่การคบหาที่สุด
รอไม่ถึงยี่สิบนาที ธีทัตก็มาถึงแล้ว เห็นใบหน้าของญาธิดาใส่ผ้าปิดปากเอาไว้ เขาได้ถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไร เป็นหวัดเหรอ ”
แววตาของญาธิดาค่อนข้างหลบหลีก ไม่รู้จะตอบยังไง “เปล่า……”
ธีทัตรู้สึกได้ว่าผิดสังเกต สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาเยอะ พร้อมทั้งได้พูดเสียงเบาว่า “ไหนให้ฉันดูหน่อย”
มองสายตาจริงจังของผู้ชาย ญาธิดาก็รู้เลยว่าเขาจะต้องดูอะไรออกแน่ๆ เธอกัดฟันแล้วค่อยๆถอดผ้าปิดปากออก เผยใบหน้าออกมา
รอยฝ่ามือสีแดงที่อยู่บนใบหน้าด้านซ้ายนั้น หลังจากผ่านการทายาและการพักผ่อนมาคืนนึงก็ได้จางหายไปเยอะมากแล้ว แต่พอดูดีๆก็ยังสามารถดูออกอยู่ว่านั่นคือรอยฝ่ามือ
ธีทัตเห็นแล้วขมวดคิ้ว นานๆทีสีหน้าจะเคร่งขรึมขนาดนี้ “ใครเป็นคนตบ ”
“ไม่มีอะไรหรอก ”ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ แล้วใส่ผ้าปิดปากอีกครั้ง
เห็นเธอไม่อยากพูด ธีทัตขยับริมฝีปาก คิ้วสวยผูกเป็นโบว์ สุดท้ายก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ
เรื่องแบบนี้ ถามเยอะเกินไปกลับไม่ดี
เขายกมือ ปัดผมที่อยู่ตรงแก้มของญาธิดาไปไว้ด้านข้างเบาๆ พร้อมพูดเสียงเบาว่า “ฉันไม่ถามแล้ว ไป เราไปดูห้องกัน”
เสี้ยววินาทีที่เสียงอ่อนโยนของเขาออกมาจากปาก ญาธิดารู้สึกว่าตัวเองเหมือนแฟนที่ถูกเขาปกป้องและเอาใจใส่เลย ใจแทบจะละลายอยู่แล้ว
เธอพยักหน้า และพูดอย่างเชื่อฟัง “โอเคค่ะ”
เห็นหน้าตาแบบนี้ของเธอแล้ว แววตาของธีทัตมีความเอ็นดูโผล่ขึ้นมา จกนั้นพวกเขาได้เดินไปข้างหน้า
ญาธิดามองผู้ชายที่เดินอยู่ข้างกายตนเองแล้ว รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ผู้ชายอย่างธีทัต คงเป็นแฟนที่ผู้หญิงนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันเลยมั้ง
ดูเหมือนว่า ก็เป็นสเปคที่เธอใฝ่ฝันเหมือนกัน