ดวงใจภวินท์ - บทที่ 107 เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง
เธอใช้แรงกัดไม่เบาเลย ภวินท์เจ็บจนขมวดคิ้ว ร่างกายถอยไปด้านหลังทีนึงด้วยสัญชาตญาณ
ญาธิดาหาโอกาสที่เหมาะสม ใช้แรงผลักเขาออก จากนั้นได้ฉวยโอกาสหันไปเปิดประตูแล้ววิ่งออกจากร้านค้าโดยตรง
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดที่ริมฝีปาก ได้ก้าวเท้าตามไปทันที เขาตามเธอทันในสองสามก้าว พร้อมยื่นมือจับข้อมือเธอไว้
“คุณปล่อยมือนะ!”ญาธิดาถูกดึงจนหยุดฝีเท้าลง เธอหันมามองภวินท์ โกรธจนเบ้าตาแดงก่ำ
เธอเพิ่งตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าจะไม่พัวพันกับเขาอีก จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาดันไม่ยอมปล่อยเธอไป!
เห็นเธอน้ำตาคลอเบ้า ภวินท์ตกใจ แต่ความโกรธของเมื่อครู่ก็ยังไม่ได้จางหายไป เขาเข้าใกล้เธอ ในเสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยความแหบพร่า “กลับไปกับผม ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ไม่!”ญาธิดาปฏิเสธโดยตรงโดยที่ไม่ต้องคิดเลย
เธอรู้ดี ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์นั้น นอกจากเป็นบอสกับพนักงานแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก
ภวินท์ขยับริมฝีปากอย่างแน่นตึง กำลังจะเปิดปาก ด้านหลังห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงที่แฝงด้วยความร้อนรนใจก้องมา “ธิดา!”
พอเขาหันหน้าไป เห็นคนที่วิ่งมาทางนี้คือธีทัตแล้ว สีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้แหละ ผู้ชายที่เขาเห็นอยู่ญาธิดาที่หน้าบริษัทคราวก่อนก็คนนี้แหละ!
ในใจรู้สึกหงุดหงิด มือที่ภวินท์กำข้อมือของญาธิดาไว้ได้กำแน่นยิ่งขึ้น พร้อมดึงเธอไปที่ด้านหลัง จากนั้นได้มองคนที่เข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ภวินท์ ปล่อยฉัน!” ญาธิดาเห็นธีทัตเดินเข้ามาใกล้แล้วค่อนข้างกังวลทันที เธอออกแรงขัดขืนกลับไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของเขา
ธีทัตเดินเข้าไปใกล้ เห็นสถานการณ์นี้แล้ว สีหน้าก็ได้เย็นชาขึ้นเช่นกัน เขาขมวดคิ้วมองไปที่ภวินท์ และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ปล่อยเธอ!”
“ถือสิทธิ์อะไร ”ภวินท์ยักคิ้ว จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นายเป็นอะไรกับเธอ ”
“คุณปล่อยมือก่อน!”ธีทัตขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าก็เริ่มร้อนรนใจแล้ว
ภวินท์ฟังแล้วขมวดคิ้ว เขาไม่อยากคุยอะไรกับธีทัตอีก ได้หันไปดึงญาธิดาเดินไปที่อีกฝั่งนึงเลย
“คุณหยุดนะ!”ธีทัตเดินไปกดไหล่ของภวินท์เอาไว้ สีหน้าก็เคร่งขรึมและเย็นชาเหมือนกัน “คุณปล่อยธิดาเดี๋ยวนี้!”
ภวินท์หันหน้าไป ความเย็นชาในแววตาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เขาย้อนถามทีละถ้อยคำ “ถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ ”
ญาธิดายืนอยู่ข้างๆ สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลง เห็นหมัดที่กำเอาไว้แน่นและเส้นเลือดที่นูนออกมาของภวินท์ เธอแทบจะสามารถเดาได้เลยว่าเขาอยากทำอะไร!
ถ้าธีทัตไม่หลีกไปอีก เกรงว่าหมัดของภวินท์ก็จะชกไปที่หน้าของเขาแล้ว
“ถือสิทธิ์อะไร ”ภวินท์ยักคิ้ว จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นายเป็นอะไรกับเธอ ”
ญาธิดากัดฟันแล้วพูดเสียงสูง “ภวินท์ คุณปล่อยมือนะ!”
เธอจะทนดูพวกเขาสองคนชกต่อยกันเพราะเธอไม่ได้
เธอร้อนรนใจปุ๊บ ก็ไม่คิดพิจารณาถึงระดับความแรงเลย ได้ใช้แรงดึงข้อมือออกมาจากมือของผู้ชาย เพราะความเฉื่อย มือของเธอได้สลัดไปข้างหลังแล้วไปโดนถังขยะที่อยู่ข้างๆ
ครั้งนี้เธอใช้แรงสลัดมือแรงเกินไป ไปโดนมุมแหลมของถังขยะโดยตรง ตรงแขนถูกกรีดเป็นแผล บาดแผลได้บวมแดงขึ้นมาทันที
เธอเจ็บจนขมวดคิ้ว “ซี๊ด——”
ภวินท์ที่อยู่ข้างๆได้ยินเสียงแล้วหันมามองที่เธอทันที เห็นมือขาวเนียนของเธอมีรอยแดงขึ้นมารอยนึง แววตาตึงเครียดขึ้นมาทันที
ทำไมเธอถึงไม่ระวังตัวเลย!
เขาก้าวไปข้างหน้า กำลังจะยื่นมือดึงแขนของเธอไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่าญาธิดาจะถอยหลังไปก้าวนึง ตีตัวออกห่างกับเขาโดยตรง
“ญาธิดา……”
ภวินท์ตกใจ คำพูดที่บอกว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลยังไม่ได้พูดออกมา เธอก็ได้เปิดปากพูดก่อนแล้ว “เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง”
มองดูความห่างเหินและความเย็นชาที่กระเพื่อมอยู่ในแววตาของผู้หญิง ภวินท์ขยับริมฝีปาก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอเกลียดเขาขนาดนี้เลยเหรอ
ธีทัตที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วได้เดินไปข้างหน้าทันที ดูบาดแผลบนมือของญาธิดาแล้วได้ขมวดคิ้ว พร้อมพูดทันทีว่า “ธิดา ต้องไปทำแผลนะ ฉันพาเธอไปโรงพยาบาล”
ญาธิดาย้ายสายตากลับมาพยักหน้าให้กับเขา และไม่มองหน้าภวินท์อีก จากนั้นได้หันหลังจากไปพร้อมกับธีทัต
มองร่างเงาที่จากไปของเธอ ดวงตาคมเข้มของภวินท์มีความเย็นชาโผล่ขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตามไป
……..
ในห้องทำแผล โรงพยาบาลสงฆ์
คุณหมอดูแผลที่แขนของญาธิดาแล้วได้ขมวดคิ้ว อดบ่นไม่ได้ “นี่ไปทำอีท่าไหนมา ถึงได้บวมขนาดนี้ ยังดีที่ไม่ได้โดนกระดูก”
สีหน้าแววตาของญาธิดามีความกังวล เผชิญกับการเค้นถามของคุณหมอ เธอแค่ยิ้มอย่างลวกๆ ไม่มีอารมณ์พูดอะไรกับคุณหมอมากมายขนาดนั้น
หมอฆ่าเชื้อและพันแผลด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว จากนั้นได้กำชับธีทัตที่อยู่ข้างๆว่า “พ่อหนุ่ม ช่วงนี้แผลของแฟนนายโดนน้ำไม่ได้นะ กินอาหารเผ็ดกับอาหารทะเลไม่ได้ จำไว้ล่ะ แล้วก็คราวหน้าต้องระวังล่ะ ไม่งั้นจะทิ้งแผลเอาไว้ได้”
ธีทัตฟังแล้วก็ไม่ได้บอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งสอง ได้พยักหน้าให้กับคุณหมอแล้วตอบว่า “ครับ ผมรู้แล้วครับ”
จัดการทุกอย่างเสร็จ หมอพยักหน้าแล้วก็ได้เดินออกไปเลย
ญาธิดานั่งอยู่บนเก้าอี้ ดูแขนข้างนึงของตนเองถูกพันด้วยผ้าพันแผลแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ ถ้าถูกคุณปภาวีเห็นเข้า จะต้องโดนด่าชุดใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้อีกแน่นอน
ธีทัตที่อยู่ข้างๆเห็นแววตามืดมนของญาธิดาแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามความสงสัยที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา “ธิดา เธอกับเขา…เป็นอะไรกันเหรอ ”
ถึงแม้เขาเพิ่งกลับประเทศได้ไม่นาน แต่ก็รู้บุคคลของเมือง Jคนนี้อยู่ ในนิตยสารการเงินหลายสัปดาห์ของเมือง J ล้วนมีสัมภาษณ์ของภวินท์ เมื่อกี๊ตอนที่เจอหน้าเขา เขาก็จำหน้าได้แล้ว
จิตใจญาธิดาเศร้าหมอง เธอย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า“เขา”ที่ธีทัตพูดถึงคือใคร เธอกัดริมฝีปาก เหมือนมีอะไรติดคอ ทำให้เธอพูดไม่ออก
ความสัมพันธ์ของเธอกับภวินท์ แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าคือสามีภรรยาเก่า หรือว่าเจ้านายกับลูกน้อง ไม่ว่ากำหนดยังไง เหมือนก็ไม่ค่อยแม่นยำเลย……
ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอรู้สึกคัดจมูก น้ำตาได้ไหลพรากลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
รู้สึกว่าเธอกับภวินท์แม้แต่ความสัมพันธ์ที่สมเหตุสมผลก็ยังไม่มีเลย ไม่ถือว่าเป็นแฟนกัน ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยาที่รักกัน และไม่ถือว่าเป็นเจ้านายลูกน้องที่จริงจัง
“ธิดา เธอ……”
เห็นน้ำตาของญาธิดาไหลพรากออกมา ธีทัตตกใจใหญ่เลย ได้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าอย่างลนลาน อยากจะไปช่วยเธอเช็ดน้ำตา แต่สุดท้ายได้แค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปอย่างช้าๆ……
ญาธิดารับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาเรื่อยเปื่อย จากนั้นได้สูดหายใจลึกๆแล้วพูดว่า “ฉัน…ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วง……”
จู่ๆ ประตูถูกคนผลักออกตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูง ผู้หญิงที่ใส่ชุดคลุมสีแดงเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
ญาธิดามองไปตามเสียง เธอร้องไห้จนตาพร่ามัว ยังไม่ทันมองคนที่มาชัดเจนเลย ก็เห็นสีแดงก้อนนึงกระโจนมาหาตัวเองแล้ว
“ที่รัก!เธอเป็นอะไร!”
ข้างหูมีเสียงสดใสของอัญมณีดังขึ้น
ญาธิดารีบเช็ดน้ำตาออก “อันอัน ”
อัญมณีสะบัดผมยาว ก้มหน้าเห็นแผลที่อยู่มือข้างขวาของญาธิดาและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาแล้ว ใบหน้าเรียวเล็กก็บูดเบี้ยวขึ้นมาทันที “ที่รักเธอร้องไห้ทำไม แล้วแขนของเธอเกิดอะไรขึ้น ”
ไม่รอให้ญาธิดาอธิบาย เธอก็ได้เงยหน้าขึ้นมาจ้องธีทัตที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าดุร้ายแล้ว “พี่!นี่พี่รังแกธิดาเหรอ ”
จู่ๆธีทัตถูกเธอจ้องมองเค้นถาม ได้หยุดชะงักอยู่ครึ่งวินาที ในขณะที่กำลังจะตอบ ญาธิดาก็ได้ยื่นมือดึงเสื้อของเธอไว้พร้อมรีบอธิบายว่า “อันอัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ชายเธอ”