ดวงใจภวินท์ - บทที่ 112 สัญญาสามข้อ
พออัญมณีเห็นคนออกไปหมดแล้ว ก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที แล้วก็สะบัดมือของพายุออก ยักคิ้วและพูดขึ้นว่า “ผู้ช่วยพายุ เซอร์ไพรส์นี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
พายุเสียใจแทบแย่แล้ว ถ้ารู้ว่าเธอจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่มีทางไปล่วงเกินเธอเลย!
ด้านหนึ่งก็เป็นคำสั่งของท่านประธาน อีกด้านหนึ่งก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ควรล่วงเกิน เขาช่างยากลำบากจริง ๆ!
พอเห็นว่าผ่านไปนานพายุก็ไม่พูดอะไร อัญมณีก็ยักคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วยิ้มอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร “ผู้ช่วยพายุ เดี๋ยวถ้าไปถึงห้องโถงใหญ่แล้ว ก็น่าจะได้เจอเพื่อนร่วมงานอีกไม่น้อยเลยใช่ไหม?”
สีหน้าของพายุเปลี่ยนไป “คุณ คุณจะเอายังไงอีก?”
เธอคงจะไม่ได้อยากทำให้เขาชื่อเสียงป่นปี้ไปจริง ๆ หรอกนะ ในเมื่ออยู่ในบริษัทนี้เขายังมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อยนะ ถ้าอัญมณีช่วยโฆษณาให้เขาแบบนี้แล้ว คาดว่าทุกคนคงจะคิดว่าเขาเป็นคนโรคจิตที่ชื่นชอบซาดิสม์กับมาโซคิสม์ไปแล้ว!
อัญมณีเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วกะพริบตาใส่เขานิดหนึ่ง “คุณทายซิ?”
พอเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าหญิงสาว พายุก็ยิ่งรู้สึกถึงความเย็นเฉียบอย่างหนึ่ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็รีบเปิดปากพูดขึ้น “คุณอัญมณี เดี๋ยวผมแก้เชือกออกให้คุณนะครับ”
ใครจะไปรู้ว่าอัญมณีกลับเบี่ยงตัวหนีไป ตั้งใจหลบให้พ้นจากมือของเขา แล้วก็ยิ้มแฉ่งและพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามัดเชือกไว้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
คราวนี้พายุไม่มีทางออกแล้ว จะแกะเชือกออกให้เธอ เธอก็ไม่ยอมให้แกะแล้ว ควรจะทำยังไงดีล่ะ
พอลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็กัดฟันกรอก แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “คุณอัญมณีครับ เมื่อกี้เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรที่จะใช้เชือกมัดคุณไว้”
อัญมณียิ้มเล็กน้อย “อ๋อ เหรอคะ?”
พายุหรี่ตาลงเล็กน้อย “ใช่ครับ เป็นความผิดของผมเอง”
อัญมณีพยักหน้าขึ้น สายตาหยุดอยู่ที่ขนตายาว ๆ ของเขา
เธออดกลั้นความไม่พอใจในใจเอาไว้ เป็นผู้ชายอะไร ทำไมถึงได้ขนตายาวกว่าเธอซะอีก
พอตั้งสติกลับมาได้ อยู่ ๆ เธอก็มีความรู้สึกสนใจในตัวพายุขึ้นมา แล้วก็ค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “จะให้ฉันให้อภัยคุณ มันก็พอจะมีวิธีอยู่นะ”
พอพายุได้ยิน ก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองเธอ และดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “วิธีอะไรเหรอครับ?”
อัญมณียักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “รับปากสัญญากับฉันสามข้อ ถือว่าเป็นการทดแทน”
พายุเป็นคนที่อยู่ข้างกายภวินท์ เธอจะเอ่ยเงื่อนไขแบบนี้ออกไปก่อน ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีเรื่องที่ต้องให้เขาทำก็ได้
ไม่ว่ายังไง การโดนคนมัดมือมัดเท้าแต่แลกกับสัญญาสามข้อ เธอก็ไม่ได้เสียเปรียบ
พายุรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “นี่……”
“ถ้าคุณรู้สึกว่าลำบากใจก็ช่างเถอะ ฉันไม่บังคับ” อัญมณีพูดแล้ว ก็เหล่ตาไปมองตัวเลขบนลิฟต์ทีหนึ่ง แล้วตาก็เห็นว่าใกล้จะถึงชั้นหนึ่งแล้ว “ในเมื่ออีกเดี๋ยวตอนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่นั้นฉันจะพูดยังไงคุณก็มายุ่งไม่ได้แล้ว……”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ สมองของพายุก็ร้อนขึ้นมา แล้วก็รีบเปิดปากพูดขึ้นว่า“ผม ผมรับปากคุณครับ!”
ถ้าเขาไม่รับปาก เกรงว่าพอถึงห้องโถงใหญ่แล้ว ถ้าเจอกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ของเขา เธอก็จะทำแบบเมื่อกี้อีก งั้นภาพลักษณ์ของเขาในบริษัทก็คงจะต้องพังทลายไปหมดแล้วจริง ๆ!
พอเห็นเขาตอบตกลงแล้ว มุมปากของอัญมณีก็คลี่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วหมุนตัวไปและหันหลังมาให้เขา และขยับมือทั้งสองข้างที่โดนมัดอยู่ของตัวเองเล็กน้อย “แก้มัดซิ”
พายุโน้มตัวไป แล้วยื่นมือไปช่วยเธอแก้เชือกออก ข้อมือที่เรียวยาวขาวนวลของหญิงสาว โดนเชือกรัดจนเป็นรอยแดง ๆ ออกมาเส้นหนึ่ง เห็นแล้วก็ทำทิ่มแทงตาอย่างบอกไม่ถูก……
ที่ห้างหูมีเสียงคำพูดที่เธอพูดเมื่อกี้กะพริบดังขึ้นมา พวกชอบแสดงเป็นตัวละครอะไร พวกซาดิสม์มาโซคิสม์อะไรนั่น แล้วในชั่วพริบตา หัวสมองของพายุก็เกิดภาพจินตนาการขึ้นมา
สองวินาทีให้หลัง จู่ ๆ เขาก็ตั้งสติขึ้นมาได้ แล้วในใจก็ก่นด่าขึ้นมาคำหนึ่ง!
นี่ตกลงเขากำลังคิดอะไรอยู่!
พอแก้เชือกออก อัญมณีก็หมุนข้อมือเล็กน้อย แล้วมองไปทางพายุและยักคิ้วขึ้น “เอาช่องทางการติดต่อมาให้ฉัน ฉันเรียกเมื่อไหร่ก็จะต้องมาทันที สัญญาสามข้อ เข้าใจไหม?”
พายุพยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วล้วงนามบัตรใบหนึ่งออกมายื่นให้กับอัญมณี
“ติ่งต๊อง……”
ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง อัญมณีเก็บนามบัตรยัดใส่กระเป๋าไป ก่อนที่จะออกไปยังไม่ลืมที่จะหันมากะพริบตาใส่พายุเล็กน้อย แล้วก็พูดอย่างตั้งใจขึ้นว่า “บาย ๆ ค่ะยุ!”
พูดเสร็จแล้ว เธอก็ก้าวเท้าเดินจากไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมาอีกเลย
พายุจ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาว แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ในใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาไม่หยุด เต้นตึกตักขึ้นมาอย่างแรงไปเรื่อย ๆ
แล้วก็พอดีมีพนักงานสาวคนหนึ่งมาขึ้นลิฟต์ พอเห็นพายุ ก็อึ้งไปเล็กน้อยแล้วถามขึ้นว่า “ คุณพายุ ทำไมหน้าคุณถึงแดงแบบนี้คะ?”
พายุรีบปรับสีหน้าขึ้นมาทันที แล้วปฏิกิริยาบนใบหน้าก็กลับคืนสู่ความเคร่งขรึมตามปกติ แล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร”
ญาธิดาออกมาจากบริษัท เดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นอัญมณีกำลังยืนอยู่หน้าประตู พิงอยู่ตรงประตูอย่างเหนื่อยหน่าย
ที่แท้หล่อนมารออยู่ที่นี่เอง เธอยังนึกว่าหล่อนไปแล้วซะอีก!
“อันอัน”
พออัญมณีได้ยิน ก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นญาธิดา แล้วก็รีบเดินไปหา “เป็นยังไงบ้าง? เรียบร้อยหรือยัง?”
ญาธิดาลังเลไปครู่หนึ่ง พอนึกถึงสัญญาฉบับที่อยู่ในมือภวินท์เมื่อกี้ ใจก็รู้สึกหนักหน่วงขึ้นมาเล็กน้อย เธอส่ายหน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า “ยัง……”
“เกิดอะไรขึ้น ไอ้ผู้ชายชั่วคนนั้นไม่ยอมปล่อยตัวใช่ไหม?” ในดวงตาของอัญมณีเกิดไฟโกรธพุ่งขึ้นมา แล้วก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วก็จะเดินเข้าไปในบริษัทเลย “เดี๋ยวฉันจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง!”
ญาธิดารีบรั้งตัวเธอเอาไว้ “อันอัน เธออย่าไปเลย เขาออกไปแล้ว”
แล้วอีกอย่าง คนที่เซ็นสัญญาก็คือเธอ เพราะว่าเธอไม่ได้ดูเงื่อนไขพวกนั้นให้ชัดเจนเอง แล้วถึงจะไปฟ้องศาล เธอก็จะเป็นผู้เสียเปรียบเอง
อัญมณีโกรธแทบไม่ไหว “งั้นจะทำยังไงดี คงจะให้เธอคอยทำงานอยู่ที่บริษัทเขาตลอดไม่ได้หรอกนะ?”
ญาธิดากัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “ไม่มีทางอื่น ก่อนหน้านี้ฉันได้เซ็นสัญญาไว้แล้ว ถ้าจะลาออก ก็จะต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาหนึ่งล้าน”
“หนึ่งล้านเลยเหรอ!” อัญมณีลืมตาโตขึ้นมา “นี่เขากรรโชกทรัพย์กันหรือไง!”
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ดีมีสุขมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยขาดเงิน แต่เธอก็รู้ว่าหนึ่งล้านนั้นหายากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับญาธิดาด้วย จะยากแค่ไหนกัน
ญาธิดาถอนหายใจ แล้วลากอัญมณีลงจากตึกไป “พวกเราไปกันก่อนดีกว่า”
เรื่องมาถึงแบบนี้แล้ว เธอไม่มีทางที่จะวิ่งหนีได้แล้ว จึงได้แต่ต้องเผชิญหน้าแล้ว งานก็ทำไปก่อนเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีรายได้เข้าทุกเดือน
แล้วบวกกับเธอเพิ่งจะเช่าบ้านไป เงินเก็บของตัวเองก็หายไปเกือบครึ่ง ถ้าเธอยังมาตกงานอีก คิดว่าแม้แต่การดำรงชีวิตก็คงจะเป็นเรื่องยากแล้ว
ถึงแม้ว่าญาธิดาจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่อัญมณีก็พอคิดได้ จึงไม่ได้พูดอะไรมาก “งั้น……ตอนนี้ควรจะทำยังไง หรือไม่รอให้ผ่านไปสักช่วงหนึ่งค่อยว่ากันดีกว่า”
อยู่ต่อหน้าโชคชะตา ใคร ๆ ก็ต้องก้มหัวกันทั้งนั้น
ญาธิดาพยักหน้า แล้วก็ยิ้มให้เธอเล็กน้อย “เธออยากกินหม้อไฟไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะ ฉันรู้จักร้านหนึ่งอร่อยมากเลยนะ”
พอพูดถึงเรื่องกิน สีหน้าของอัญมณีก็เปลี่ยนจากเคร่งขรึมเป็นสดใสขึ้นมาทันที “จริงเหรอ รีบไปกันเถอะ ฉันหิวตั้งนานแล้ว!”
พอกินหม้อไฟมื้อหนึ่งเสร็จ ทั้งสองคนก็อิ่มหนำสำราญใจแล้ว แล้วอารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่น้อย
“อันอัน ตอนบ่ายนี้เธอพอจะมีเวลาไหม?”
อัญมณีพิงอยู่บนพนักโซฟา แล้วก็เรอขึ้นมาทีหนึ่ง “มีซิ มีเรื่องอะไรเธอก็ว่ามาได้เลย!”
“ฉันเพิ่งจะเช่าบ้านไป ยังไม่ทันได้ย้ายของเลย ที่สำคัญยังไม่ได้บอกกับแม่ฉันด้วย……”
เรื่องที่เธอเช่าคอนโดไปแล้วยังไม่ได้บอกกับคุณปภาวีเลย ถ้าให้ท่านรู้เข้า คงหนีไม่พ้นต้องโดนบ่นเป็นชุดแน่เลย พอดีเลยถือโอกาสตอนที่อัญมณีอยู่ด้วย จะได้ลากหล่อนไปกับเธอด้วย เผื่อจะพอช่วยพูดได้บ้าง
อัญมณีมองดูปฏิกิริยาบนใบหน้าญาธิดาแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาทันที แล้วก็กะพริบตาและพูดขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันกลับไปกับเธอเอง!”
พอญาธิดาได้ยิน ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “สมเป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ!”
พออัญมณีโดนเธอชื่นชมแบบนี้ อยู่ ๆ มือที่แอบส่งข้อความอยู่ใต้โต๊ะก็สั่นขึ้นมาทีหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็นิ่งค้างได้ด้วย
นี่ถ้าให้ญาธิดารู้เข้าว่าเธอส่งข้อความให้พี่ชายของเธอ หล่อนจะต้องไม่มีทางชื่นชมเธอว่าเป็นเพื่อนที่ดีแน่!