ดวงใจภวินท์ - บทที่ 114 ไม่ได้จิตใจหวั่นไหวต่อเขา
ยุ่งวุ่นวายไปมาประมาณสองชั่วโมง ของทั้งหมดก็เก็บกวาดได้พอประมาณแล้ว
อัญมณีทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เหนื่อยจนหายใจหอบ “ธิดา ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!”
ญาธิดาถือน้ำเปล่าสองขวดเดินมาหา แล้วยื่นให้เธอขวดหนึ่ง ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันสั่งอาหารไปแล้ว มีกระเพาะปลาที่เธอชอบที่สุด แล้วก็มีปิ้งย่างด้วย”
พอได้ยินว่ามีของอร่อย ดวงตาทั้งคู่ของอัญมณีก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนขึ้นมา “ธิดาเธอนี่เข้าใจฉันจริงๆเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยากจะกินอะไรน่ะ?”
ญาธิดายิ้มเล็กน้อย แล้วก็ถือน้ำอีกขวดหนึ่งเดินไปข้าง ๆ ธีทัต “คุณพักสักครู่เถอะค่ะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดเก็บเองค่ะ”
ธีทัตรับขวดน้ำไป แล้วคลี่ยิ้มให้เธอเล็กน้อย ทั้งคิ้วทั้งสายตาล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยน่ะ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”
ญาธิดาสบเข้ากับสายตาที่ลึกซึ้งของชายหนุ่ม รู้สึกแต่เพียงว่าในแววตาของเขามีอะไรบางอย่างที่เธอคาดเดาไม่ออก แต่กลับดึงดูดคนแปลก ๆ……
“ธิดา วันนี้เรามาเปิดแชมเปญฉลองกันสักขวดเป็นไง?” อยู่ ๆ อัญมณีที่อยู่ข้าง ๆ ก็ออกเสียงขึ้นมา แล้วถึงทำให้เธอตั้งสติกลับมาได้
“ได้……ได้ซิ”
ไม่ว่าจะยังไง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ก็สมควรที่จะต้องฉลองกันสักหน่อยจริง ๆ
พออัญมณีได้ยิน ก็ยิ้มแล้วโยนกุญแจรถไปให้ธีทัต “ได้ พี่ กุญแจให้พี่นะ ในรถของเรายังมีเหล้าอยู่สองขวด พี่ไปเอาไป”
พอคำพูดจบลง เธอก็รู้สึกว่าธีทัตกำลังจดจ้องเธออยู่ ด้วยสายตาเย็นเฉียบ
เธอขนลุกขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็รีบเปลี่ยนคำพูดไป “ฉัน……ฉันไปเอาเองค่ะ พี่พักผ่อนไปเถอะ”
ถ้าเธอกล้าทำลายโอกาสของพี่ชายเธอไป เกรงว่าเวลาที่ต้องทนทุกข์ทรมานของเธอจะรออยู่ข้างหลังนะ
พอธีทัตได้ยิน มุมปากก็คลี่ออกเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาขึ้นมา “ไปเถอะ”
อัญมณีคิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วขนาดนี้ แล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน แล้วก็รีบออกไปเอาเหล้าเลย
ญาธิดาไม่รู้ถึงท่าทีของพวกเขาสองคนเลยสักนิด กำลังเอาผ้าเช็ดโต๊ะไป จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจเช็กว่าอาหารที่สั่งไปถึงไหนแล้ว
ธีทัตเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองใบหน้าด้านข้างของหญิงสาว สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เขายังจำครั้งแรกที่เจอกับญาธิดาได้ ในตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอันอัน เขากำลังรออันอันอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน รอไปรอมาก็ไม่เห็นตัว แต่กลับเห็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินอย่างเร่งรีบมา
แล้วฝนเพิ่งตกเสร็จ บนพื้นเป็นดินโคลน แล้วมีคนแก่คนหนึ่งเหยียบเข้าไปในดินโคลน บนรองเท้าผ้าใบเปื้อนดินโคลนไปชั้นหนึ่ง ในตอนที่กำลังทำอะไรไม่ถูกนั้น ญาธิดาก็เดินเข้าไป แล้วเอาผ้าออกมาและนั่งลงไป ช่วยเธอเช็ดจนสะอาด
เขาไม่มีทางลืมรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ดูสดใส สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนมากมาย
“ติ่ง!” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทีหนึ่ง แจ้งเตือนว่าอาหารที่สั่งไว้ได้มาถึงหน้าประตูแล้ว พอญาธิดาได้ยินก็รีบพูดขึ้นว่า “อาหารมาถึงแล้ว”
พูดแล้ว เธอก็รีบหมุนตัวไป และไม่ได้ระวังใต้ฝ่าเท้า ใครจะไปรู้ว่าจะไปเหยียบโดนแผ่นพลาสติกแผ่นหนึ่งเข้า พอใต้ฝ่าเท้าเกิดลื่นขึ้นมา ทั้งตัวก็ล้มหงายหลังไป
“อ๊าก!”
วินาทีต่อมา เธอก็ล้มลงสู่อ้อมกอดกว้างและอบอุ่น แต่ไม่ได้ล้มลงไปบนพื้น
“ระวังหน่อยครับ”
น้ำเสียงที่มีเสน่ห์น่าฟังของชายหนุ่มลอยมา ญาธิดาลืมตาขึ้นมา แล้วก็สบเข้ากับดวงตาทั้งคู่ของธีทัต
เธอโดนเข้ากอดอยู่ในอ้อมกอด ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก อยู่ ๆ บรรยากาศในห้องก็ร้อนระอุขึ้น แก้มของญาธิดาก็แดงระเรื่อขึ้น
แล้วประตูก็โดนผลักออก และตามมาด้วยเสียงของอัญมณี “อาหารมาถึงแล้ว……”
พอเธอมองภาพเหตุการณ์ในห้องชัดเจนแล้ว น้ำเสียงก็หยุดไปทันที
ทำไมญาธิดาถึงไปนอนอยู่ในอกพี่ชายเธอได้ล่ะ? พัฒนากันไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ!
ญาธิดาเหมือนกับว่าเพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝัน แล้วก็รีบลุกขึ้นมายืนให้มั่นคง จากนั้นก็ถอยออกไปก้าวหนึ่งเพื่อให้ทั้งสองคนมีระยะห่างขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็พยักหน้าขอบคุณธีทัตได้ด้วย
พอธีทัตรู้สึกได้ ก็พยักหน้าให้เธอเล็กน้อย ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดอะไร
ความอยากรู้อยากเห็นของอัญมณีขยายใหญ่ขึ้นมาในวินาทีนี้ เธอค่อย ๆ เดินเข้ามา แล้วก็วางอาหารที่สั่งและกล่องเหล้าที่อยู่ในมือลง แล้วทำเสียงซี่ ๆ ใส่พวกเขาสองสามที
เธอเหมือนจะยิ้มแล้วไม่ยิ้มและถามขึ้นมาว่า “พวกเธอ……ฉันมาผิดจังหวะไปหรือเปล่านะ?”
ญาธิดารีบพูดขัดคำพูดของเธอขึ้น “ไม่ผิดหรอก……อาหารมาถึงแล้ว ก็เริ่มกินกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปหยิบแก้ว”
พออันอันพูดมาแบบนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกลำบากใจอยู่บ้างนะ
แต่ถึงเธอจะลำบากใจ แต่จังหวะหัวใจกลับเต้นตามปกติ ไม่ได้เต้นเร็วขึ้น……
เธอเหมือนจะยิ้มแล้วไม่ยิ้มและถามขึ้นมาว่า “พวกเธอ……ฉันมาผิดจังหวะไปหรือเปล่านะ?”
ธีทัตเพียบพร้อมไปทุก ๆ ด้าน แต่เหมือนกับว่าเธอจะไม่ได้จิตใจหวั่นไหวกับเขา……
ญาธิดากัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วก็ไม่ทันได้คิดอะไรชัดเจน ก็หยิบแก้วแล้วเดินออกจากห้องครัวไป
พอเริ่มกินข้าว เรื่องอึดอัดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็เหมือนกับว่าจะถูกลืมเลือนไป พวกเขาควรจะกินก็กิน ควรจะดื่มก็ดื่ม บรรยากาศถือได้ว่าไม่เลวเลย
ในขณะที่ไม่รู้ตัว ญาธิดาก็ดื่มแชมเปญไปสองสามแก้วแล้ว บนใบหน้าก็เกิดสีแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้นมาชั้นหนึ่งแล้ว
“ธิดา มีอยู่เรื่องหนึ่งฉันยังไม่ได้บอกเธอเลย……” อัญมณีเองก็ดื่มจนเมาแล้ว แล้วก็เรอขึ้นทีหนึ่ง
ญาธิดาดื่มไปจนมีสภาพเมาเล็กน้อยแล้ว และก็คลี่มุมปากแล้วถามขึ้นว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”
อัญมณีคลี่มุมปากยิ้มขึ้นมา “ต่อไป ฉันกะว่าจะกลับมาอยู่ในประเทศแล้ว ”
พอได้ยิน ญาธิดาก็ตื่นขึ้นมาหลายส่วน “เรื่องจริงเหรอ?”
หลังจากที่เรียนจบมาแล้ว เธอกับอัญมณีก็แยกจากกันเลย เธอมาทำงาน ส่วนหล่อนไปต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะติดต่อกันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้เห็นหน้ากับบ่อย ๆ มาตอนนี้อัญมณีจะกลับมาทำงานในประเทศแล้ว สำหรับเธอถือได้ว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีข่าวหนึ่ง
อัญมณีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดอย่างมั่นใจขึ้นว่า “จริงซิ มา ชนกันอีกแก้ว!”
ญาธิดาเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาอย่างดีใจ
ธีทัตที่อยู่อีกข้างหนึ่งจ้องมองหญิงสาวที่ได้ดื่มจนเมามายไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าขึ้นมา แล้วก็เอ่ยปากเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า “ดื่มกันน้อย ๆ หน่อยนะ พวกเธอ……”
หญิงสาวทั้งสองคนสบตากันแล้วก็ขำ ใครจะไปฟังกัน เสียง“แต๊ง”ชนแก้วกันไป แล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่มหมดแก้วไป
พอดื่มได้พอประมาณแล้ว อัญมณีก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ญาธิดากลับยืนอยู่ข้าง ๆค่อย ๆ เดินไปถึงริมหน้าต่าง
ด้านนอกท้องฟ้าได้มืดสนิทไปหมดแล้ว เธอจ้องมองไปที่แสงไฟบ้านเรือนด้านนอก และบอกกับความเมาจาง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้นมาว่า “ต้องรอถึงเมื่อไหร่ ถึงจะมีแสงไฟที่เป็นของฉันเองบ้างนะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบการโดนคุณปภาวีเร่งให้แต่งงาน แต่เธอก็อยากหาผู้ชายที่รักตัวเองดูแลตัวเองคนหนึ่ง มีบ้านเล็ก ๆ ที่เป็นของตัวเองจริง ๆ
ธีทัตเดินมาที่ข้าง ๆ เธอ จ้องมองใบหน้าด้านข้างของเธอ แล้วก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “วางใจเถอะ มันต้องมีแน่ ๆ”
ญาธิดาคลี่ยิ้มมุมปากขึ้นมา ในสายตามีความเหนื่อยหน่ายอยู่เล็กน้อย “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น……”
ธีทัตอึ้งไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าญาธิดาเอาความโศกเศร้าและเสียใจมาจากไหน ในเมื่อในความทรงจำของเขา เธอเป็นเด็กสาวที่ดีงามและบริสุทธิ์คนนั้นมาตลอด
ธีทัตขยับปากเล็กน้อย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเบาขึ้นว่า “ถ้าหากว่าคุณยินดี……”
ยังไม่ทันพูดจบ อัญมณีก็ได้ออกมาจากห้องน้ำแล้ว แล้วล้มตัวลงบนโซฟา หัวเอียงไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะนอนหลับแล้ว
พอญาธิดาได้ยินเสียงก็หันหน้ากลับไปดู จากนั้นก็หันหน้ามามองธีทัต “คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”
ลูกกระเดือกของธีทัตขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา แล้วคลี่ยิ้มส่งให้เธอเล็กน้อย “ไม่มีอะไร นี่มันก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวผมพาอันอันกลับไปก่อนนะ”
ญาธิดาจ้องมองอัญมณีที่นอนอยู่บนโซฟาจนใกล้หลับแล้วทีหนึ่ง ก็พยักหน้าให้เขา “ขบรถดีๆ นะคะ”
ธีทัตพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็หมุนตัวไปลากคนที่อยู่บนโซฟาให้ยืนขึ้น พออัญมณีโดนปลุกให้ตื่น ก็พร่ำบ่นขึ้นมาไม่หยุด แล้วก็โดนเกลี้ยกล่อมไปด้วย ถึงได้ยอมออกมาจากประตูได้
พอส่งพวกเขาจากไปแล้ว ญาธิดาถึงปิดประตูลง และอารมณ์สับสนเล็กน้อย
ที่จริงคำพูดธีทัตพูดเมื่อกี้ เธอได้ยินแล้ว แถมคำพูดในประโยคหลังที่เขาอยากจะพูด เธอก็เดาออกมาได้แล้ว
แต่ว่าใจของเธอ กลับไม่ได้หวั่นไหวต่อเขา
“กริ๊ง……”
อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ญาธิดาตั้งสติกลับมาได้ทันที พอเห็นชื่อที่บันทึกไว้แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ มือของเธอก็กำเข้าหากันแน่นขึ้นมาอัตโนมัติ
เป็นสายที่ภวินท์โทรเข้ามา