ดวงใจภวินท์ - บทที่ 119 เขากำลังตามจีบคุณหรือ?
มองดูคณินจะเดินไปไกลแล้ว ญาธิดาจึงรีบจ้ำอ้าวเดินตามเขาไป แล้วเอ่ยปากถามว่า “คุณจะไปหาภวินท์จริงๆ หรือ ”
คณินเลิกคิ้ว “ไม่อย่างนั้น?”
มองดูท่าทีแน่วแน่ของเขา ญาธิดาก็ไม่เหมาะจะพูดอะไรอีก ทำได้เพียงเดินตามเขาไปทางบริษัท
มองดูใกล้จะเดินถึงประตูใหญ่ของบริษัทแล้ว ญาธิดารู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แล้วก็ถามอีกคำว่า “คุณมาหาภวินท์เพราะเรื่องอื่นจริงหรือ ”
คณินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ วางใจเถอะ ผมยังรู้อยู่ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ญาธิดาจึงโล่งอก
เมื่อถึงบริษัท ขณะที่รอลิฟต์อยู่ คณินจ้องมองไปทางญาธิดาที่ยืนอยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยปากกล่าวว่า “ผมส่งคุณกลับไปที่แผนกก่อน”
ญาธิดาเอ่ยปากปฏิเสธโดยไม่ตั้งตัว “ไม่ต้อง”
หากให้เพื่อนร่วมงานในแผนกเห็นเธออยู่กับคณิน ไม่แน่ว่าอาจจะพูดอะไรกันอีก
“ทำไมไม่ต้อง?” คณินก้มหน้า เอ่ยปากถามกลับอย่างหยั่งเชิง “รู้สึกว่าอยู่กับผมแล้วขายหน้าหรือ?”
“ไม่ใช่…อย่างนั้น สรุปคือฉันกลับไปเองก็พอแล้ว”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเถียงกัน จู่ๆ มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากข้างๆ เพื่อนร่วมงานข้างกายเอ่ยเสียงเบาว่า “ดูซิ คุณภวินท์มาแล้ว ”
ได้ยินคำว่า “คุณภวินท์” ญาธิดาหันหน้าไปอย่างไม่รู้ตัว ตามคาด เห็นกลุ่มคนที่มีหัวหน้าเป็นภวินท์กำลังก้าวเท้าเดินมาทางนี้
ภวินท์ยืนอยู่ตรงกลาง กำลังเอียงข้างเล็กน้อยสั่งงานพายุ คิ้วเข้มดวงตาคมโต สง่าโดดเด่น
คณินก็เห็นเขาแล้ว แววตามีประกายเย็นชาฉายผ่าน พึมพำเสียงเย็นชาว่า “หยาบคายแต่แสร้งเป็นสูงส่ง”
เขายังพูดไม่จบ ภวินท์ก็ได้หันศีรษะกลับมาแล้ว
สายตาภวินท์กวาดไปที่คณิน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเมื่อขยับสายตาไปเห็นญาธิดาที่อยู่ข้างๆ เขา สีหน้าของเขาหมองลงทันที
ทำไมพวกเขาจึงอยู่ด้วยกัน?
ไม่อาจจะสนใจการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาได้แล้ว ภวินท์ก้าวเท้าตรงไปทางพวกเขา
เขาหยุดเท้าลงที่ระยะห่างครึ่งเมตร มองดูคณินด้วยสายตาเย็นชาแล้วถามว่า “คุณคณิน เป็นอย่างไรบ้าง”
คณินกระตุกมุมปาก ยิ้มอย่างไม่จริงใจ เงยหน้าขึ้น “คุณภวินท์ มีเวลาไหม ไม่เชิญผมไปดื่มกาแฟที่ห้องทำงานของคุณสักแก้วหรือ ”
แววตาของภวินท์เย็นชา สีหน้าไม่เปลี่ยน “หากคุณคณินต้องการ ผมสะดวกเสมอ”
คณินยิ้ม “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มสักแก้ว”
สายตาของภวินท์หยุดอยู่บนตัวของญาธิดา แล้วกล่าวเอื่อยๆ ว่า “ในเมื่อคุณญาธิดาสนิทกับคุณคณินถึงเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเลย ”
พูดพลาง เขาก็ก้าวเท้าเดินไปทางลิฟต์ประจำตัว
จู่ๆ ญาธิดาก็ถูกเรียกไปด้วย ทันใดนั้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ภวินท์เรียกเธอไปด้วย มันหมายความว่าอย่างไร?
สถานการณ์แบบนี้ เธอก็ไม่กล้าถามมาก ชีวิตสำคัญกว่า จึงทำได้เพียงขึ้นลิฟต์ประจำตัวไปพร้อมกับคณิน
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามภวินท์อยู่ก่อนนั้นล้วนไม่ได้ตามมา ในลิฟต์นอกจากภวินท์กับคณินแล้ว ก็เหลือเพียงเธอ
ประตูลิฟต์ปิดลง ในพื้นที่ปิด ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศนั้นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าจงใจหรืออย่างไร ขณะที่อยู่ในลิฟต์เงียบสงบไม่มีเสียงอะไรเลย จู่ๆ คณินหันหน้าไปทางญาธิดา ยิ้มถามว่า “คืนนี้ให้ผมมารับนะ?”
ญาธิดาชะงัก ไม่คิดว่าคณินจะกล้าถึงเพียงนี้ กล้าถามเธอเช่นนี้ต่อหน้าภวินท์
ขณะนี้เธอตอบก็ไม่ใช่ ไม่ตอบก็ไม่ได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
ญาธิดาจับชายเสื้อไว้แน่นๆ ฝืนยิ้มแห้ง ๆออกมา “ไม่ต้อง…”
พูดพลาง เธอก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้คณิน
เมื่อคณินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้ม อย่างกับไม่เข้าใจความหมายของเธอเช่นนั้น ยกมือขึ้นลูบเส้นผมเธออย่างรักใคร่ “ทำไมยิ้มได้น่าเกลียดขนาดนี้?”
ญาธิดารีบหลบราวกับกลัวการนินทา รอยยิ้มบนใบหน้าราวกับร้องไห้
เป็นไปตามคาด ภวินท์ที่อยู่อีกฝั่งหันหน้ามา ใต้ดวงตาคู่ลึกเผยให้เห็นแววตาที่เย็นชา ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง
ตอนนี้ในใจเธออยากจะฆ่าคณินให้ตาย!
ในที่สุด เสียง “ติ๊งต่อง——” ถึงแล้ว
เห็นภวินท์ก้าวเท้าเดินนำหน้าออกจากลิฟต์ ญาธิดาสูดลมหายใจลึกๆ ราวกับโล่งอก แล้วรีบเดินตามออกไป
หลังจากออกมาจากในลิฟต์แล้ว เดินไม่ไกล ก็ถึงสำนักงานCEO
คณินเดินตามภวินท์เข้าไปในห้องทำงานของภวินท์ กวาดสายตามองไปที่การตกแต่งของสำนักงานแล้ว เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก “จำได้ว่าครั้งก่อนที่ผมมาSTN Group แม้แต่ห้องทำงานของคุณภวินท์ก็เข้ามาไม่ได้ ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้มาแล้ว”
คำพูดของคณินมีเลศนัย ภวินท์ย่อมฟังออกอยู่แล้ว เขาก้าวเท้าเดินไปนั่งลงตรงข้ามคณิน มองไปทางญาธิดาแล้วสั่งว่า “ไปเตรียมกาแฟมาให้สองแก้ว”
ญาธิดายืนอยู่กับที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้สติคืนมา ตอบรับหนึ่งคำ หันหลังเดินออกจากห้องไป
แม้ว่าการต้อนรับแขก ในเรื่องเตรียมน้ำเตรียมขนมเหล่านี้ล้วนเป็นงานของเลขา แต่ภวินท์สั่งเธอในเวลานี้ เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้
เมื่อญาธิดาก้าวเท้าเดินออกไปแล้ว ภวินท์จึงหันหน้ามองไปที่คณินด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขา คณินไม่โกรธแต่กลับยิ้ม แล้วถามเสียงเบาว่า “ไม่รู้ว่าวันนี้คุณภวินท์อยากจะคุยอะไรกับผมบ้าง เรื่องที่ดินเขตตะวันตกผืนนั้น หรือว่าเกี่ยวกับญาธิดา?”
ทันใดนั้นภวินท์แข็งทื่อไปเล็กน้อย และมีประกายความโกรธนิดๆ ในดวงตาคู่ลึก
หลังจากนั้นสองวินาที เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่เย็นชา “ไม่ว่าจะเป็นที่ดินผืนนั้น หรือว่าญาธิดา ล้วนเป็นของผม”
เมื่อคณินได้ยินเช่นนั้น สีหน้าขรึมลงเล็กน้อยเช่นกัน แล้วพึมพำเสียงเย็นชาว่า “หากผมจะบอกว่า ผมกำลังคิดจะจีบเธอล่ะ?”
ดวงตาภวินท์เป็นประกายเย็นชาแวบหนึ่ง และเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณคิดว่าคุณมีโอกาสหรือ?”
คณินทำท่ากระตุกริมฝีปาก รอยยิ้มจางๆ “ทำไมจะไม่มีโอกาส พวกคุณได้หย่ากันแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินคำว่า “หย่ากัน” ทันใดนั้นสีหน้าภวินท์หม่นหมองลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาห้วนๆ “แม้จะหย่ากันแล้ว คุณคิดว่าคุณมีโอกาสหรือ ”
เขาจะไม่ให้โอกาสกับใครทั้งนั้น
และในเวลานี้ ประตูห้องถูกผลักออก ญาธิดาถือกาแฟสองแก้วเดินเข้ามา เธอมองไปทางสองคนที่นั่งหันหน้าให้กันบนโซฟา รู้สึกมีกลิ่นอายเยือกเย็นอย่างอธิบายไม่ถูก
ชายหนุ่มสองคนฟาดฟันด้วยสายตา ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด ก็สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกว่าระหว่างพวกเขามีความขัดแย้งกัน
ญาธิดาเดินเข้าไป นำถาดวางลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวเสียงเบา “กาแฟได้แล้วค่ะ ”
เธอเพิ่งจะยกกาแฟวางบนโต๊ะ จู่ๆ ภวินท์ที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “คุยเรื่องที่เขตตะวันตกฝืนนั้นดีกว่า”
เห็นเขาเปลี่ยนบทสนทนา คณินทำท่ากระตุกริมฝีปาก ถามไปตามบทสนทนาของเขา “เกี่ยวกับที่ผืนนั้น คุณภวินท์คงได้รับทราบเป็นการส่วนตัวมาไม่น้อยแล้ว”
ภวินท์ยกกาแฟขึ้นมาจิบหนึ่งคำ พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “โครงการใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่า Wind Groupเจ้าเดียวคงรับไม่ไหว”
ญาธิดาอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงทั้งสองคนตอบโต้ไปมาคุณคำฉันคำ พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ดินเขตตะวันตก กำลังลังเลอยู่ว่าจะออกจากสำนักงานดีไหม แต่ภวินท์ไม่พูดอะไร เธอก็ไม่กล้าออกไปโดยพลการ
ยืนอยู่ข้างๆ เกือบจะประมาณยี่สิบนาที เธอหาวนอนอยู่หลายครั้ง ในที่สุด ทั้งสองเกือบจะคุยจบแล้ว
ก่อนที่คณินจะกลับ ยังไม่ลืมที่จะขยิบตาใส่ญาธิดา ยิ้มกล่าวว่า “รอโทรศัพท์จากผมนะ”
ญาธิดาตะลึงงัน มองดูเขาเดินออกจากสำนักงาน เมื่อได้สติคืนมา ก็พบว่าภวินท์กำลังจ้องมองดูเธออยู่
เธอสูดลมหายใจเข้า “คุณภวินท์……ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอออกไปก่อนนะ”
ภวินท์จ้องมองดูเธอ โดยไม่ยอมพูดสักที ในที่สุด เขาถามเสียงขรึมว่า “คณินกำลังตามจีบคุณอยู่หรือ ”