ดวงใจภวินท์ - บทที่ 123 ในตอนที่ต้องการเขาที่สุด
ญาธิดาได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นเห็นอัญมณีวิ่งเข้ามา
“ธิดา ไม่เป็นไรนะ!” อัญมณียื่นมือดึงเธอขึ้น มองซ้ายทีขวาทีอย่างเป็นกังวล
ญาธิดาถอนหายใจแล้วส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร อันอัน ฉันสบายดี”
ถ้าเธอมาหลังจากนี้ เกรงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอซะแล้ว
หลังจากแน่ใจว่าญาธิดาไม่เป็นไรแล้ว อัญมณีก็หันกลับมาตะโกนใส่ทุกคนว่า “ทำอะไรกัน คิดจะรังแกผู้หญิงคนเดียว พวกแกทำได้ยังไง!”
ผู้จัดการและเจ้านายหลายคนในห้องถึงกับตะลึงเมื่อพวกเขา เมื่อเห็นท่านี้ ธนวิชเป็นคนแรกที่ตอบโต้ เหล่ยิ้ม
“คุณญาธิดา แบบนี้ไม่ถูกมั้ง มาดื่มกันใครเขาพาพวกมาด้วยล่ะ เอาคุณมาร์ตินเจ้านายคุณไปไว้ไหนเนี่ย”
เขาพูดแบบนี้ เรื่องก็มาลงที่ญาธิดาทันที
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น มองดูมาร์ตินที่สีหน้าบอกบุญไม่รับ เธอหายใจเข้าลึกๆ กำหมัดแน่น “ฉันไม่รู้ว่าคุณมาร์ตินเอาฉันไว้ที่ไหนเหมือนกัน ให้ลูกน้องผู้หญิงของตัวเองมานั่งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้า แบบนี้มันถูกแล้วหรอ!”
เธอพูดแบบนี้ สีหน้าของคุณมาร์ตินก็แย่ลงอีก นัยน์ตานกอินทรีคู่นั้นเปล่งประกายด้วยแสงอันเยือกเย็นราวกับจะมองทะลุผ่านตัวเธอ
เขาพูดน้ำเสียงเย็นชา “อย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ ฉันไม่เคยบังคับเธอให้ดื่ม!”
ญาธิดาโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่ได้บังคับเธอให้ดื่มงั้นเหรอ ต้องเอามีดปาดคอก่อนถึงจะเรียกว่าบังคับใช่ไหม
อัญมณีดึงมือญาธิดาออกมา “ธิดา ไม่ต้องไปพูดไร้สาระกับพวกเขา ไปกันเถอะ!”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้า ก่อนจะก้าวเท้าออกไป คุณธนวิชก็พูดขึ้น
“ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ วันนี้ใครกล้าออกไป!” เขาคว้าขวดไวน์แล้วกระแทก “ปัง”ที่มุมโต๊ะ เศษแก้วแตกกระจายที่พื้น
ธนวิชดื่มมากเกินไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็โปน
บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดทันที ญาธิดามองไปยังดวงตาที่เฉยเมยของคนทั้งห้อง กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ปัง ปัง!”
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูหลายครั้ง
ทุกคนหันมองเสียงแล้วเห็นพายุยืนอยู่ที่ประตู เสียงเมื่อกี้คือเสียงที่เขาทำตอนยกมือขึ้นจับประตู
ญาธิดาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ได้เห็นร่างที่คิดไว้
“คุณมาร์ติน ผมมาที่นี่เพื่อรับคุณญาธิดากลับ”
พายุเดินเข้ามาแล้วโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางคุณมาร์ติน น้ำเสียงแน่วแน่
ก่อนที่มาร์ตินจะพูด คุณธนวิชที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ก็ตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น ไปพวกขัดลาภ!”
มาร์ตินเงียบไปครู่นึง แล้วทำมือไม่ให้เขาพูด “คุณธนวิช”
จากนั้นเขาก็มองพายุอีกครั้ง ขมวดคิ้วแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เป็นคำสั่งของภวินท์หรือ”
พายุพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ เป็นคำสั่งของคุณภวินท์” ทุกคนในห้องได้ยินชื่อ “ภวินท์” สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะคุณธนวิชที่มองดูพายุอยู่ อึ้งจนพูดไม่ออก
ตรงกันข้าม มาร์ตินนั้นสงบกว่ามาก เขาหันหน้ามองญาธิดา ริมฝีปากสีม่วงเข้มของเขายกขึ้นแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ก็ได้ ไปเถอะ”
พายุพยักหน้า มองไปที่ญาธิดากับอัญมณี
ญาธิดาสูดหายใจลึกแล้วลากอัญมณีออกจากห้อง
เมื่อเธอออกไปข้างนอก เธอมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นร่างที่คุ้นเคย
“ธิดา รีบสิ!”
ทันทีที่ออกจากห้อง อัญมณีก็ลากเธอ ฝีเท้าก็เร่งขึ้น
ญาธิดาไม่มีเวลาถามจึงทำได้เพียงตามเธอไปที่ลิฟต์เท่านั้น
ออกมาจากสตาร์ไลท์คลับ ก็เข้าไปในรถของอัญมณี พายุตามเข้ามานั่งที่เบาะหลัง
ญาธิดาตกตะลึง มองดูพายุและอัญมณี ถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
พายุเป็นคนของภวินท์ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสั่ง พายุไม่มาอยู่ที่นี่แน่ แต่ทำไมเขาถึงขึ้นมาในรถด้วย
อัญมณีสตาร์ทรถแล้วถึงโล่งใจ “ธิดา เมื่อกี้ฉันกลัวแทบตาย แต่โชคดีที่โทรตามพายุมา! ไม่งั้นไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ!”
“พวกเธอ…”
ทำไมอัญมณีถึงเรียกพายุมาได้ล่ะ
อัญมณีมองดูเธออย่างมึนงง และรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ตอนที่ฉันได้รับโทรศัพท์ หาใครมาช่วยไม่ได้เลย พี่ชายกำลังเดินทางไปทำธุรกิจ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโทรหาคุณพายุ เธอคงไม่ว่าอะไรนะ!”
เธอไม่ว่าอะไร เธอแค่สงสัยว่าอัญมณีเรียกพายุมาได้อย่างไร
ญาธิดาแย้มริมฝีปาก “ฉันแค่อยากรู้ว่าพวกเธอสองคน…”
อัญมณีดูเหมือนจะเดาได้ว่าญาธิดาจะถามอะไร แล้วจับมือพวงมาลัยแน่น “เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง! ”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สูดหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ลงอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
เธอเงยขึ้นมองพายุที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง แล้วถามเบาๆ “ภวินท์…เขาไปไหน ทำไมเขาไม่รับสาย?”
ในสถานการณ์เลวร้าย ความคิดแรกของเธอคือ ภวินท์ เธอโทรเรียกเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสาย
สีหน้าของพายุลังเลขึ้นมา เขาอ้าปากแต่ก็ลังเลที่จะพูด
เมื่อญาธิดาเห็นท่าทีของเขา ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “เขา…ไปสังสรรค์หรือ”
“ไม่ใช่ครับ” พายุพูดเสียงเบาว่า “คุณภวินท์อยู่โรงพยาบาล”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็เข้าใจได้ทันที
ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ภวินท์กำลังเฝ้านิวราอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่รับโทรศัพท์ของเธอ
อัญมณีเห็นญาธิดาดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อยู่โรงพยาบาลหรือ เขาไปทำอะไรที่โรงพยาบาล”
เดิมพายุไม่อยากจะพูด แต่เรื่องมีขนาดนี้แล้ว เขาจำเป็นต้องพูด คุณนิวราจะเข้ารับการผ่าตัดพรุ่งนี้เช้าครับ คุณภวินท์อยู่เฝ้าเธอที่โรงพยาบาล”
ทันทีที่เขาพูดจบ บรรยากาศในรถก็เงียบอย่างเห็นได้ชัด
อัญมณีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเหลือบมองดูท่าทางของญาธิดาอย่างเงียบ ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังแล้วเขม่นตามองพายุ
เธอมองดูญาธิดาแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ธิดา ฉันส่งเธอกลับบ้านก่อนดีไหม”
ประสบการณ์อันน่าหวาดกลัวในห้องนั้น ทำให้ญาธิดาเวียนหัวและรู้สึกหัวหนักอึ้ง จนหายใจลำบาก
เธอยกมือขึ้น ขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อันอัน ช่วยพาฉันกลับไปที่คอนโดที ฉันไม่ค่อยสบาย”
อัญมณีตอบทันทีว่า “โอเค”
บนรถเงียบงันมาตลอดทาง
เมื่อถึงด้านล่าง ญาธิดาก็พูดว่า “ส่งตรงนี้แหละ”
อัญมณีเห็นเธอผลักประตูแล้วลงจากรถ ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “ธิดา ให้ฉันไปส่งข้างบนไหม”
ญาธิดาโบกมือปัด เธอดูเหนื่อยๆ “ไม่ต้อง เธอไปส่งพายุเถอะ วันนี้ต้องขอบคุณเขาเลย” พูดจบเธอก็หันหลังเดินเข้าไป
เมื่อผ่านประตู ญาธิดาก็คิดคำพูดของพายุที่เคยพูดซ้ำๆ ในใจ
ตอนที่พายุปรากฏตัวที่ประตูห้องนั่น เธอนึกว่าเป็นภวินท์ แต่ดันเป็นเธอที่คิดมากไป
ในตอนที่เธอต้องการเขามากที่สุด เขาดันอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่เธอยังคงมีความหวังและคาดหวังกับเขามากมายเหลือเกิน
ญาธิดายิ้มแหยะๆ
เมื่อถึงตอนที่เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับภวินท์แล้ว เธอจะไปจากที่นี่ ไปจากเขา จากไปอย่างไม่หันหลังกลับ
บทที่ 122 มีเรื่องด่วนให้ช่วย
บทที่ 124 ต่อว่าผู้ชายเลว
บทที่ 124 ต่อว่าผู้ชายเลว
ที่ประตูด้านล่าง รถของอัญมณียังจอดอยู่ที่นั่น ราวกับว่าเขาไม่ได้อยากจะจากไป
พายุนั่งอยู่เบาะหลัง แอบสังเกตท่าทางของอัญมณี หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเป็นอะไรไป”
เมื่อถูกถามแบบนี้ อัญมณีก็ยิ่งหน้าบูดบึ้ง ยกกำปั้นขึ้นกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง ใครจะรู้ว่าหมัดไปกดเข้าที่แตรรถ
อัญมณีด่าเบาๆ เหยียบเบรกมืออย่างหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วเตรียมสตาร์ทรถ
“เดี๋ยวก่อน!”
จู่ๆพายุก็พูดขึ้น เปิดประตูลงจากรถ เดินไปรอบๆ แล้วเดินไปที่ประตูที่นั่งคนขับ
เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ เอียงศีรษะเล็กน้อยมองดูอัญมณี “คุณลงมา ผมขับเอง”
“อะไรหรือ”
พายุเลิกคิ้วแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมกลัวคุณขับรถด้วยอารมณ์ เพื่อความปลอดภัย ให้ผมขับไปเถอะ”
อัญมณีได้ยินดังนั้น ก็กลอกตามองบน แต่ก็ลงจากรถอย่างเชื่อฟังแล้วไปนั่งในที่นั่งผู้โดยสาร
พายุคาดเข็มขัดนิรภัย มองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ “ว่ามาครับ คุณจะไปไหน”
อัญมณีลังเลอยู่สองวินาที แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไปที่บาร์!”
พายุนิ่งไป แต่ในที่สุด ก็เริ่มสตาร์ทรถแล้วขับไปที่แหล่งบาร์ในเมือง
ทันทีที่รถแล่นเข้าสู่ถนน อัญมณีก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองดูพายุ แล้วถามว่า “ฉันรู้สึกเหมือนธิดาจะหลงรักผู้ชายเลวนั่น! ตอนได้ยินว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในโรงพยาบาลเพียงเท่านั้นแหละ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง!”
พายุที่อยู่ข้างๆไม่กล้าพูดอะไร ยังไงซะ “ผู้ชายเลว” ที่อัญมณีพูดถึงก็คือเจ้านายของเขา
อัญมณีโกรธเคืองใจ อดไม่ได้ที่จะด่าต่อว่า “นายภวินท์นั่นก็ใจร้ายจริงๆ เข้าหาธิดาของเราอย่างดี แต่ตอนนี้หย่าร้างไปก็ไม่ยอมให้เขาไป นี่มันตรรกะอะไรวะเนี่ย”
พายุฟังอีกฝ่ายโวยวายไปตลอดทางแต่ไม่กล้าตอบสักคำ
พอไปถึงแหล่งบาร์ พายุก็หาที่จอดรถ
อัญมณีผลักประตูรถลง หยิบกุญแจรถที่เขายื่นให้มา แล้วเงยหน้าขึ้นมอง”นายกลับบ้านเองเถอะ ฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันไม่ไปส่งเธอแล้ว”
พูดจบเธอก็โบกมือให้เขา หันกลับมาแล้วเดินไปที่บาร์ที่อยู่ข้างหลังเธอ
เมื่อเห็นแผ่นหลังสุดเท่ของหญิงสาว พายุขมวดคิ้วและเรียกเธอ “เดี๋ยวก่อน!”
ตอนนี้ก็ค่ำแล้วเขาจะมองดูเธอไปที่บาร์คนเดียวได้ยังไง
อัญมณีหยุด หันหน้ามองมาเขา เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “อะไรน่ะ หรือว่านายจะดื่มเป็นเพื่อนฉัน”
พายุลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินเข้ามาทางเธอ “ถ้างั้น ผมดื่มแนเพื่อนคุณหน่อยแล้วกัน”
แววตาของอัญมณีรู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่เธอก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เธอยกมือขึ้นตบเขา ไหล่ “ก็ได้ ฉันจะเลี้ยงเอง!”
พอได้เห็นญาธิดาเมื่อกี้ เธอก็รู้สึกอึดอัดในใจ ดื่มสักแก้วสองแก้วคงทำให้ดีขึ้น พายุอยากไปกับเธอด้วย ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ที่เคาน์เตอร์บาร์ อัญมณีดีดนิ้วให้บาร์เทนเดอร์ “มาร์ตินีแพรสองแก้ว!”
บาร์เทนเดอร์ยิ้มให้เธอแล้วเริ่มชงเหล้าทันที
อัญมณีหันหน้าไปหาพายุที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “นายจะดื่มอะไร”
พายุหยุดถาม “เมื่อกี้ไม่ได้สั่งแล้วเหรอ”
เขาได้ยินชัดว่าเธอสั่งมาร์ตินีสองแก้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อัญมณีก็เลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มล้นออกมาจากมุมปาก “เวลาที่ฉันดื่ม ฉันดื่มเป็นเลขคู่เสมอ”
ภายใต้แสงสลัว นัยน์ตาฟีนิกซ์ของหญิงสาวก็ลอยขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ยกขึ้น เป็นองศาความโค้งที่ชวนหลงใหล แววตาที่เปล่งประกาย เย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
พายุอยู่ในภวังค์ รู้สึกหายใจไม่ทัน เขามองออกไปด้วยความตื่นตระหนก กระแอม แล้วสั่งวิสกี้หนึ่งแก้ว
อัญมณีได้เหล้ามา ก็หยิบแก้วขึ้นมาจิบ รู้สึกว่ารสชาติดี ก็ดื่มไปจนเกือบหมด
พายุอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่เคยเห็นผู้หญิงดื่มแบบนี้ ดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำเปล่า โดยที่ไม่แม้แต่จะเลิกคิ้ว
เมื่อเห็นว่าแก้วที่สองของเธอกำลังจะหมด เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดเตือน “คุณ อย่าดื่มเยอะสิครับ”
อัญมณีขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนั้น “พายุ นายอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม คำก็คุณสองคำก็คุณ ฉันชื่อว่า อัน-ยะ-มะ-นี”
พายุได้ยินแบบนั้น เมื่อมองดูใบหน้าของหญิงสาว เขาก็รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
จู่ๆ อัญมณีก็หันกลับมาถามเขาอย่างจริงจังว่า “พายุ ทำไมนายถึงยอมเป็นลูกน้องไปคนเจ้าชู้พรรค์นั้น”
พายุไม่คิดเลยว่าไปๆมาๆ หัวข้อการสนทนาก็กลับมาตกที่เจ้านายของเขาอีกแล้ว ปวดหัวจริงๆ
“ที่จริงคุณภวินท์ไม่ได้เป็นแบบที่คุณเห็น เขามีความรับผิดชอบมาก เรื่องคุณญาธิดา เขาก็รู้สึกผิดและต้องการชดใช้”
“ชดใช้หรือ” คราวที่แล้วอัญมณีได้ยินเรื่องตลกมา เธอขมวดคิ้ว “มัดคนอื่นไว้ข้างกาย แบบนี้คือการชดใช้หรือ”
เธอตอบด้วยการเยาะเย้ย “ตลกสิ้นดี!”
พายุเข้าใจดี ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม อัญมณีก็คงไม่ฟัง เลยไม่ได้พูดต่อ
หลังจากดื่มไปหลายแก้ว อัญมณีก็เมา เธอยื้อให้พายุเล่นเกมกับเธอ วุ่นอยู่นาน ดื่มจนหมดแล้วก็ไม่ยอมกลับ
ดึกมากแล้ว พายุมองไปที่ผู้หมดเมาไม่เป็นท่า เขารู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไม่ดี เขาจึงเก็บบิลแล้วพยุงเธอออกจากบาร์
ทั้งคู่เมาแล้ว ขับรถไม่ได้ พายุจึงเรียกคนขับ
เมื่อมองดูผู้หญิงที่พิงไหล่ของเธอ แก้มของเธอแดงก่ำ เธอยังคงบ่นพึมพำ พายุยิ้มแล้วถามว่า “อัญมณี บ้านของคุณอยู่ที่ไหน ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
ได้ยินแบบนั้น อัญมณีขมวดคิ้วแล้วเบิกตาที่พร่ามัว “นาย…จะหลอกถามที่อยู่บ้านฉันหรอ..ไม่บอกหรอก”
พายุทั้งไม่พอใจทั้งหัวเราะ “คุณไม่บอกผม แล้วผมจะส่งคุณกลับยังไง”
“ฉันจะไม่กลับ…ฉันกลับไปก็จะโดนพ่อบอกให้ไปนัดดูตัว!”
อัญมณีโบกมือปัด หันหลังกลับแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่ง
เธอยืนไม่ไหว พายุไม่พยุงเธอ เธอก็สะดุดเกือบล้ม
พายุรีบเอื้อมมือออกไปดึงเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “ระวัง!”
อัญมณีเงยหน้าขึ้นมอง มองดูท่าทางกังวลใจบนใบหน้าของชายคนนั้น หัวเราะคิกคัก จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นเกี่ยวคอ เขย่งปลายเท้าจุมพิตริมฝีปากของเขา
ขณะนั้น พายุเหมือนถูกฝังเข็ม ร่างกายของเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ จิตใจของเขาว่างเปล่า
จูบเบาๆ ค่อยๆจากไป ราวกับความฝัน
หัวใจของพายุเต้นแรง แก้มและหูของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หลังจากยืนนิ่งอยู่นานเขาก็ได้สติกลับมา
เขาก้มลงมอง ก็เห็นว่าอัญมณีพิงอยู่ที่หน้าอกของเขา ดูเหมือนหลับปุ๋ยไปแล้ว
พายุรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ประสบกับลมพายุฝน อดทนกับเรื่องทั้งหมดเพียงลำพัง แต่คนในอ้อมแขนของเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้ริเริ่มพายุนี้
ไม่นาน คนขับรถก็มาถึง พายุมองดูอัญมณีที่หลับไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้ พยุงเธอเข้าไปในรถ “ช่วยพาเราไปส่งที่โรงแรมเชียสหน่อยครับ”
ในสถานการณ์แบบนี้เขาทำได้แค่ให้เธอไปพักที่โรงแรมก่อน
เมื่อไปถึงโรงแรม เขาเปิดห้องหนึ่ง ส่งอัญมณีไปที่ห้อง อุ้มเธอไปที่เตียง แล้วห่มผ้าให้เธอ
ก่อนจะออกไป เขายืนอยู่ข้างเตียง มองไปที่คนบนเตียง แอบหวัง
หวังว่าพรุ่งนี้เธอจะตื่นมาและจำอะไรไม่ได้