ดวงใจภวินท์ - บทที่ 133 รู้ตัวเองดี
เมื่อถูกถาม ญาธิดาก็รีบปฎิเสธไปว่า “ใครบอกว่าฉันร้องไห้กันล่ะ”
ภวินท์ยิ้มมุมปาก ค่อยๆแกะกระดุมชุดสูทออก ถอดเสื้อคุมถือไปใส่ไว้ในอ้อมแขนของญาธิดา “เอาไป เดี๋ยวผมจัดการให้”
ญาธิดาอึ้งไป “คุณ…จัดการหรอ”
ต้องบอกก่อนว่า เขาเป็นประธานของSTN Group เขาจะยอมจัดการของพวกนี้งั้นหรอ
แต่ใครจะรู้ว่าภวินท์ไม่พูดอะไร เขายกแขนเสื้อขึ้น หยิบชิ้นส่วนอย่างระมัดระวังแล้วโยนลงถังขยะ
เมื่อมองดูสีหน้าที่จริงจังของชายคนนั้นและการกระทำของเขาที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ญาธิดาก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถละทิ้งสถานะของเขา มาทำสิ่งเหล่านี้
แม้แต่เวลาจัดการกับขยะ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูสบายตา เสื้อที่ม้วนขึ้นยังติดอยู่ที่ข้อศอก เพียงเผยผิวสีเนียนจากแขนของเขา…
ภวินท์จัดการกับเศษแก้วเรียบร้อยแล้ว ก็ล้างมือด้วยก๊อกน้ำ หันหน้าไปสังเกตเห็นดวงตาที่ร้อนผ่าวของญาธิดา เขาขดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วถามว่า “ยังดูไม่พอหรอ”
น้ำเสียงชายหนุ่มสดใส พอพูดประโยคนั้น ญาธิดาก็ละสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว แก้มเธอก็แดงขึ้น
เธอไม่พูดอะไร กอดเสื้อคุมแน่นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ภวินท์เช็ดมือตามออกมาจากห้อง
“ญาธิดา ทำไมคุณไม่ไปหาผมที่โรงรถใต้ดินวันนี้”
พวกเขานัดกันไว้แล้ว และเธอก็รับปาก แต่ใครจะรู้ว่าไม่เป็นตามนั้น
หลังจากถูกถาม ญาธิดารู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ใจของเธอก็นึกถึงนิวรา
เธอกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉันคิดว่าคุณคงไม่มีเวลาก็เลยไม่ได้ไป ฉันรู้ตัวเองดีเรื่องนี้”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นพูดเบา ๆ “รู้ตัวเองดีหรอ”
เขาล่ะอยากรู้จริงๆว่าเธอรู้อะไรดี
ญาธิดาเบือนหน้าหนี จงใจไม่มองเขา เธอเอาเสื้อคุมในมือไปให้ภวินท์ แล้วรีบพูดว่า “คุณรีบกลับเถอะ คุณมีแฟนแล้ว ถ้ามีคนเห็นคุณในบ้านของฉัน สองต่อสอง จะเข้าใจผิดได้”
ภวินท์ได้ยินคำพูดก็เลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เขามองดูญาธิดา ทำไมดูเหมือนเธอจะหึงเลยนะ
หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็เปิดริมฝีปากบางของเขาเบา ๆ พูดเบา ๆ ว่า “ผมไม่ไป”
เขามาหาเธอเพราะมีเรื่องที่จะพูด ไม่คิดเลยว่าจะถูกเธอไล่ทันทีที่เขามาถึง
ญาธิดาดูจะสะดุ้งกับน้ำเสียงจริงจังของชายผู้นั้น ญาธิดาจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณช่วยไปสักทีได้ไหม! คุณมีแฟนแล้ว ถ้าคุณนิวรารู้แล้วเธอจะคิดยังไง! ”
เมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตั้งใจจะออกไป ญาธิดาก็รู้สึกรีบร้อน
เมื่อก่อนที่แต่งงานกับเขา เธอไม่รู้หรอกว่ามีนิวราอยู่ เมื่อรู้แล้ววันนี้ เธอจะเป็นบุคคลที่สามไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นได้ยังไง!
ด้วยความวิตกกังวลและโกรธ เธอเอื้อมมือผลักภวินท์ออกไป ผลักภวินท์ไปที่ประตู
“เร็วเข้า! ภวินท์ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ! ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจความสัมพันธ์ของเราผิด!”
ภวินท์เอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือเธอและดึงเธอเข้ามาหาเขาอย่างง่ายดาย
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็แคบลง ภวินท์โน้มตัวลงจ้องเธออย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากบางของเขาก็ผละออกจากกัน แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่กลัวคนอื่นเข้าใจผิดล่ะ”
“คุณไม่กลัว ฉันกลัว!”
ญาธิดากัดฟันกรอดมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า น้ำตาก็ไหลออกมาทันใด
เธอไม่อยากถูกคนอื่นดุด่า และไม่ต้องการทำร้ายความรักของนิวราและภวินท์ เพราะตัวเธอเอง
“ออกไป!”
ญาธิดาพยายามดิ้นให้หลุดจากมือ แต่แรงของเธอสู้แรงผู้ชายไม่ได้
เมื่อเห็นว่าหญิงมีท่าทีรีบร้อน ภวินท์ก็ขมวดคิ้วเข้าไปอีก เขาอดไม่ได้ที่จะบีบเธอให้แน่น “คุณอยากให้ผมออกไปขนาดนี้เลยหรอ”
ญาธิดากัดฟันแล้วพูด “ใช่ ออกไป!”
เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของภวินท์ ตอนที่ใช้แรงอยู่นั้นมือก็ปัดไปโดนแขนของภวินท์
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภวินท์กระตุกแล้วคลายมือออก ขมวดคิ้ว
ญาธิดารีบถอยหลังสองก้าว หอบหายใจขณะมองดูเขาอย่างตั้งรับ
เมื่อเห็นชายคนนั้นขมวดคิ้วและก้มหน้าลง ญาธิดาก็มองตามไปเห็นรอยสีแดงยาวที่ปลายแขน
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วแล้วมองที่ข้อมือ เมื่อเห็นสร้อยข้อมือมือ เธอก็นึกขึ้นได้
มีจี้หมุดอยู่บนสร้อยข้อมือของเธอ ปลายแหลมก็หันออกด้านนอก เมื่อกี้ คงไปบาดเขาเข้าตอนที่ดึงดันกันอยู่
เธอเงยหน้าด้วยความตื่นตระหนก เห็นว่าคราบเลือดที่แขนของชายหนุ่มลึก มีเลือดไหลออกมา แค่ดูก็รู้สึกเจ็บ
ญาธิดาร้อนรน “ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
เธอแค่ต้องการให้เขากลับไป ไม่ได้อยากทำร้ายเขา
เธอก้าวไปข้างหน้าและมองดูบาดแผลที่ยังมีเลือดไหลออกมา หัวใจของเธอก็เจ็บแปลบ “อย่าขยับ ฉันจะเอายามาล้างแผลให้!” พูดเสร็จเธอไปหากล่องยาทันที
ตอนที่ย้ายบ้าน เธอนำกล่องยาเล็กๆ มาจากบ้าน รวมทั้งยาแก้หวัด ยาแก้อักเสบ และผ้าก๊อซ แต่เธอลืมไปว่าวางไว้ที่ไหน
ญาธิดาตื่นตระหนก เปิดลิ้นชักทีละอัน ตอนที่คิดว่าจะหามันไม่เจอแล้วนั้น เธอก็พบกล่องยาที่ลิ้นชักด้านล่าง
เธอรีบหยิบกล่องยาออกมา วิ่งเหยาะๆ ไปที่โซฟา ให้ภวินท์นั่งลง จะจัดการบาดแผลให้เขา
เธอหยิบยาออกมา มองดูคราบเลือดยาวที่ไหลออกตลอดเวลา มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นตาม
เมื่อเห็นว่าเธอดูประหม่ามากกว่าตนเองซะอีก ภวินท์ก็เปิดปากถามเบาๆ ว่า “ไม่งั้น ผมทำเองก็ได้”
ญาธิดารีบพูดขึ้นว่า “คุณ…อย่าขยับ อย่าพูด”
เธอเอาสำลีเช็ดเลือดให้เขาอย่างระมัดระวัง
แต่ยาก็คือยา เมื่อโดนบาดแผลก็จะรู้สึกแสบ ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
บาดแผลเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ทำอะไรเขาไม่ได้
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมองดูท่าทางของเขา แล้วพูดเบาๆ ว่า “น่าจะเจ็บมาก เดี๋ยวฉันเป่าให้นะ…”
เธอยกคางขึ้นเล็กน้อย โน้มตัวไปข้างหน้าใกล้บาดแผล แล้วเป่าเบาๆ
เกิดความรู้สึกเย็นๆ ซึ่งบรรเทาความเจ็บปวดได้จริง ๆ ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยท่าทางที่อ่อนโยน สีหน้าจริงจังหัวใจของเขาร้อนผ่าว
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีเสน่ห์แค่ไหน มันทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
ญาธิดาไม่ได้สังเกตเลย จับผ้าก๊อซแล้วพูดเบาๆ “อย่าขยับนะ ฉันจะพันผ้าก๊อซ”
ภวินท์ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นเลย การกระทำของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เหมือนมีแรงดึงดูดอะไร ที่ทำให้เขาไม่อาจต้านทานได้
เมื่อคิดถึงวันนั้นที่โรงพยาบาล ภาพที่เธอพูดด้วยความมั่นใจว่าไม่มีเขาอยู่ในใจ ภวินท์ก็โกรธอย่างไม่มีเหตุผล
เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่มีเขาอยู่ในใจ!
ญาธิดาห่อผ้าก๊อซแล้วแปะเทปชิ้นสุดท้ายเสร็จ ภวินท์ก็ก้มหน้าลง ริมฝีปากอันอบอุ่นก็ตกลงมาที่มุมริมฝีปากของเธอ