ดวงใจภวินท์ - บทที่ 136 ความเคลื่อนไหวของนีราภา
ทำให้เธอประหลาดใจมากพอแล้ว
ครั้งก่อนที่ภวินท์มาทำบะหมี่ให้เธอ เธอก็แปลกใจแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่า วันนี้เขาจะเข้าครัวทำอาหารเช้า
ราวกับได้ยินการเคลื่อนไหวข้างหลัง ภวินท์ก็หันไปเล็กน้อยเห็นญาธิดายืนอยู่หน้าประตูด้วยความงุนงง เขาพูดเบาๆ ว่า “อาหารเช้าพร้อมแล้ว กินข้าวกัน”
ในภวังค์ ญาธิดากลับมาความรู้สึกเหมือนพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ไม่นาน อาหารเช้าก็ถูกเสิร์ฟ ไข่เจียวกับขนมปังปิ้ง และนมร้อน แม้ว่ามันจะเรียบง่าย แต่ก็รู้สึกน่ากินมาก
ทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากัน เดิมทีญาธิดารู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นอาหารเช้าก็ลืมความกังวลนั้นไป
เรื่องกินเรื่องใหญ่
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ญาธิดาอิ่มหนำแล้ว ก็เริ่มเก็บถ้วยชามเข้าไปในครัว จะเริ่มล้างจาน
ทันทีที่เธอเปิดก๊อกน้ำก็มีเสียงฝีเท้าตามมาข้างหลัง ภวินท์เดินมา เธอที่ถือจานอยู่ก็ชะงัก
กินข้าวเช้าแล้ว ทำไมเขายังไม่ไป
ภวินท์เดินไปหยุดที่ข้างๆเธอ ก่อนที่เธอจะพูดอไร เขาก็พูดก่อน “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ญาธิดาเริ่มกังวลแล้ว “เรื่องอะไรหรือ”
เมื่อเห็นว่าเขาจริงจังขึ้นมา เธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ภวินท์พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เมื่อวานลูกน้องรายงานผม บอกว่านีราภาเคลื่อนไหวแล้ว เธอติดต่อนักข่าวข่าวบันเทิงและข่าวซุบซิบ หรือแม้แต่ติดสินบนพนักงานเสิร์ฟในSeremban Hotel”
ญาธิดาคิดไม่ออกเลย ถามเบา ๆ ว่า “เธอต้องการจะทำอะไรหรือ”
“งานเลี้ยงวันเกิดของท่านสุวิทย์ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ Seremban Hotel และเธอก็รู้รายชื่อของบริษัทที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย”
ญาธิดาจ้องตากับนัยน์ตาดำลึกของภวินท์ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว “เธอมาเพราะฉันหรือ”
“เป็นไปได้ จำนวนแขกเดิมไม่มีเธอ แต่พอเธอดูรายชื่อแล้วก็ไปขอให้ลุง เพิ่มชื่อเธอเข้าไป”
ภวินท์พูดอย่างไม่เร่งรีบ “เธอยังอยากรู้อีกด้วยว่ามาร์ตินกับศศิจะไปงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วยไหม”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรอยู่นาน คิดถึงที่ชมพู่พูดเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าเห็นพิชญ์สินีและนีราภาคุยกัน เธอก็เหมือนจะรู้อะไร
คราวที่แล้วนีราภาส่งรูปไปให้ศศิ ภรรยาของมาร์ติน ทำให้เธอเสียหน้าที่บริษัท เรื่องนั้นจบไปแล้ว ข่าวลือก็ค่อยๆ ซาลง ตอนนี้นีราภากำลังวางแผนอะไรอยู่ เป็นไปได้ว่าต้องเกี่ยวกับมาร์ตินแน่นอน!
ความโกรธออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ญาธิดากัดฟัน กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วถามว่า “เธอ…ทำไมไม่ยอมปล่อยฉันไป!”
เธอกับนีราภาไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่หล่อนไม่ยอมปล่อยเธอไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ภวินท์ที่ได้ยินคำพูดนั้น ริมฝีปากบางของเขาเม้มเป็นเส้น แล้วครู่หนึ่งก็พูดเบา ๆ ว่า “อย่ามองคนดีเกินไป คนบางคน ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายเรา”
ได้ยินแบบนั้น ญาธิดาก็เย็นชาขึ้น เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงเสมียนตัวเล็กๆ แค่ทำงานให้เสร็จไปในแต่ละวัน ใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ตอนนี้ตำแหน่งของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอได้เห็นด้านมืดของโลกนี้มากขึ้น
ญาธิดากำหมัดแน่น และหลังจากเงียบไปนาน เธอก็ค่อยๆ สงบลง
สักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมองภวินท์แล้วถาม “แล้วฉันจะต้องทำยังไง”
จะทำเป็นไม่สนใจแผนการนี้ของนีราภาหรือจะสู้ฟันต่อฟันให้รู้กันไปเลย
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อหล่อนต้องการจะทำลายชื่อเสียงของคุณ พวกเราก็ทำเหมือนกัน แถมยังจัดการกับมาร์ตินได้อีกยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ”
ตอนแรกเขายังไม่คิดว่าจะจัดการกับมาร์ตินยังไงดี แต่ตอนนี้นีราภาปรากฏตัวออกมา ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างออก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “แล้วจะทำยังไงดี มีวิธีไหม”
“ก็นะ” ภวินท์ทำสีหน้าให้เป็นปกติ เงยหน้ามองญาธิดา เหมือนจะดูลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ยอมเปดปาก “แต่มันอาจจะเสี่ยงไปหน่อยสำหรับคุณ”
มีแสงสว่างวาบในแววตาของญาธิดา เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร”
ตราบใดที่เธอบรรลุเป้าหมายได้ เธอก็ไม่กลัวที่จะเสี่ยง!
หลังจากภวินท์จากไป ญาธิดาก็นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว วนคิดเกี่ยวกับแผนการที่เขาว่า
แผนการค่อนข้างเสี่ยง แต่เป็นวิธีที่ดีที่ไม่เพียงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอเท่านั้น แต่ยังสอนบทเรียนให้แก่นีราภา และอาจถึงขั้นทำให้มาร์ตินกับศศิหย่าร้างกันได้อีกด้วย
ยิ่งญาธิดาคิดขึ้นก็ยิ่งสับสน เมื่อคิดถึงงานเลี้ยงวันเกิดคืนพรุ่งนี้ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมไว้เลย คิดไปคิดมา เธอทำได้เพียงขอยืมชุดจากอัญมณี
ส่งอข้อความให้อัญมณี นัดกับเธอว่าพรุ่งนี้จะไปยืมชุดจากเธอ ญาธิดาถึงวางใจลงได้
ชั่วอึดใจ เช้าของวันรุ่งขึ้นก็มาถึง ญาธิดาก็ทานอาหาร เก็บข้าวของ แล้วก็ตรงไปที่ตระกูลกรเวช
อัญมณีเพิ่งกลับประเทศได้ไม่นาน ในคอนโดของตัวเองไม่ได้มีชุดงานเลี้ยงมากนัก ดังนั้นญาธิดาจึงต้องไปหาเธอที่ตระกูลกรเวช
ที่ประตูตระกูลกรเวชคนใช้ที่รออยู่ข้างหน้าก็ทักทายว่า “คุณธิดาใช่ไหมคะ”
ญาธิดาพยักหน้า “ใช่ค่ะ อันอันให้ฉันมาที่นี่”
คนรับใช้ได้ยินอย่างนั้นก็เปิดประตูต้อนรับเธอเข้ามา
ตระกูลกรเวชในเมือง J ก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ในโลกธุรกิจเช่นกัน แต่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใกล้เคียง และบางแห่งก็อยู่ต่างประเทศ ถึงแม้ชื่อเสียงจะไม่ดัง แต่ตระกูลนี้ก็มีฐานะดีและมีอำนาจระดับนึงเลย
ญาธิดามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นอัญมณีหรือใครในตระกูลกรเวชเลย อดไม่ได้ที่จะถามคนใช้ว่า “ขอโทษนะคะ อันอันอยู่ที่ไหนหรือ”
“คุณหนูอยู่ข้างบนค่ะ บอกว่าถ้าคุณถึงแล้วให้พาขึ้นไป เชิญตามมาได้เลยค่ะ”
ญาธิดาพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม ตามเธอไปที่ชั้นสอง
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็บังเอิญได้ยินสาวใช้สวัสดี “คุณชาย”
ญาธิดามองตามเสียงไป แล้วเห็นธีทัตเดินลงบันไดไป เมื่อเห็นเธอ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยในแววตา
“ธิดา คุณมาหาอันอันเหรอ”
ญาธิดายิ้มและพยักหน้าให้เขา “ใช่ค่ะ ฉันมาเอาเสื้อผ้า”
ธีทัตพยักหน้ารับ แววตาสดใส “อ่อครับ ขอให้สนุกนะครับ”
ญาธิดาพยักหน้า นึกถึงครั้งก่อนที่ธีทัตมอบสร้อยคอให้เธอ ใจก็อบอุ่นขึ้น กล่าวขอบคุณเขาเบาๆ “สร้อยคอคราวก่อน ฉันชอบมากเลย ขอบคุณนะคะ”
ธีทัตยิ้ม กำลังจะพูด จู่ๆ เสียงของอัญมณีก็ดังขึ้นจากทางบันไดว่า “ธิดา ฉันรอเธอนานแล้ว ทำไมเธอยังไม่ขึ้นมาอีก”
อัญมณีสวมเสื้อยืดหลวมๆ เดินลงบันไดมา กอดญาธิดาไว้ เห็นธีทัตข้างๆ เธอก็เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดติดตลกว่า “ทำไมหรือ! เจอพี่ฉันแล้วก็ลืมฉันเลยนะ”
ได้ยินเสียงประชดประชันของอัญมณี ญาธิดายิ้ม หัวเราะ แล้วดึงแขนเธอ “อันอัน อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ!”
ธีทัตมองทั้งสองคน ยิ้มไม่พูดอะไร แล้วก็เดินลงบันไดไป
อัญมณีพาญาธิดาขึ้นไปชั้นบนแล้วพูดอย่างตื่นเต้นขณะที่เดินไปว่า “ฉันจะบอกให้นะ ฉันเลือกไว้ให้เธอตั้งหลายชุด เธอต้องชอบแน่!”
ตามเธอไปที่ห้อง ญาธิดาก็มองดู เตียงที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า เธออดเซอร์ไพรส์ไม่ได้เลย “อันอัน เกิดอะไรขึ้นกับห้องของเธอ โจรขึ้นบ้านหรอ ”
“ที่ไหนกันล่ะ เพราะว่าช่วยเธอเลือกเสื้อผ้านั่นแหละ!”
อัญมณีพูดแล้วหยิบชุดกระโปรงแดงขึ้นมา หยิบไปให้ญาธิดา กะพริบตาพูด “ธิดา เธอว่าชุดนี้เป็นยังไงบ้าง”
มองเพียงแวบเดียว ญาธิดาก็รู้สึกว่ามันแปร๊ดเกินไป กระโปรงสายเดี่ยวปักเลื่อมสีแดงนั้น ทั้งสั้นทั้งเล็ก ดูไม่เหมือนคนจะไปงานวันเกิด เหมือนจะเตรียมตัวไปผับซะมากกว่า!