ดวงใจภวินท์ - บทที่ 151 ฉีกเสื้อผ้าเธอ
เมื่อได้ยินญาธิดาพูดออกมาเช่นนี้ อัญมณีพยายามระงับความโกรธที่อัดแน่นเต็มหัวใจ พลางจ้องตาแองจี้อย่างเย็นเฉียบ และนั่งลงอีกครั้ง
คนที่อยู่ด้านข้างมองเห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ จึงต้องการผ่อนคลายบรรยากาศ พลางรีบลากอัญมณีกับญาธิดามาเขย่าไฮโลเล่น การินที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาผสมโรงด้วย พลางพูดเกลี้ยกล่อมออกมา “วันนี้ทุกคนมาเที่ยวกัน ไม่ต้องเอาเรื่องไม่ดีเก็บเอามาใส่ใจ มาสนุกกันให้เต็มที่ถือว่าสำคัญที่สุดแล้ว”
การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ คนที่อยู่รอบข้างเริ่มพูดสนับสนุนทันควัน ทุกคนตอบโต้ซึ่งกันและกัน บรรยากาศจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลงเยอะ
โชคดีที่อัญมณีเป็นคนขี้เล่น พอปากพูดว่าเขย่าไฮโลดวลเหล้า จนทำให้เรื่องเมื่อกี๊โยนมันทิ้งไว้ด้านหลัง โดยลากญาธิดามาเริ่มเล่นสนุกกับทุกคน
ตอนแรกก็มีไม่กี่คน พวกเขายิ่งเล่นก็ยิ่งครื้นเครงขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังกระหึ่มขึ้น จนเรียกความสนใจจากคนที่อยู่รอบข้างก็พลอยสนุกไปด้วย และเข้ามาเล่นด้วยกัน
แองจี้ นั่งอยู่ทางด้านข้าง พลางจ้องมองพวกเขาที่กำลังถกเถียงกันอย่างครื้นเครง ซึ่งเธอก็อยากจะเข้าร่วมวงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ติดตรงที่อัญมณีนี่แหละ เธอจึงนั่งกระดกเหล้าอย่างอึดอัด
“แองจี้ เราก็ไปร่วมวงด้วยมั้ย?”
ผู้หญิงคนนั้นที่นั่งอยู่ด้านข้างแองจี้ก็ดึงเธอเข้าไปเล่นด้วย ทว่าใครจะรู้ว่ามีคำพูดออกจากปากแองจี้ สีหน้าเปลี่ยนไปถนัด “แกอยากไปก็ไปเองสิ!”
เธอพูดทิ้งท้ายประโยคนี้เอาไว้แล้ว จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นอย่างโมโห พลางก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปยังห้องน้ำทันที
ถ้าเธอรู้ตั้งแรกว่าอัญมณีจะมาด้วย เธอคงไม่มาแล้วแหละ จะมาหาเรื่องสนุกทำก็ทำไม่ได้ แถมยังทำให้ตัวเองหัวเสียอีก
รอตอนที่เธอออกมาจากห้องน้ำ พลางมองเห็นทุกคนตั้งกลุ่มกันตรงโซนโซฟาทรงกลมนั่น โดยกำลังเขย่าไฮโลเล่น วินาทีนั้น ความโกรธเคืองในใจของเธอกลับยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้น
จังหวะที่แองจี้กำลังกระทืบเท้าอยู่นั้น พิชญ์สินีที่อยู่อีกฝั่งก็เห็นทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มสองตา
วันนี้เธอนัดเพื่อนคนหนึ่งออกมาเที่ยวที่Wesker Nightclub ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับ “เพื่อนเก่า” ตอนที่ญาธิดากับอัญมณีเพิ่งเดินเข้ามานั้น เธอจึงสังเกตเห็นแล้ว ซึ่งบังเอิญที่เธอเองก็รู้จักกับแองจี้ ก่อนหน้านี้เธอเคยเรียนวิชาโยคะ และอยู่ห้องเดียวกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอมองพอคร่าวๆ ซึ่งเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ในเวลานี้เมื่อเห็นท่วงท่าแองจี้โกรธเคืองออกนอกหน้า เธอกวาดตาเหลือบมองญาธิดาที่อยู่ในกลุ่มนั้น พลันฉายแววตาเย็นชาจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัด
พิชญ์สินีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางก้าวเท้าไปทางแองจี้ พลันยกมุมปากขึ้นแสดงรอยยิ้มให้ “แองจี้ บังเอิญจริง ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ด้วย?”
แองจี้หันศีรษะกลับไปมอง ก็เห็นพิชญ์สินี พลางกระตุกมุมปากให้อย่างผิวเผิน และเอ่ยปากพูดตามน้ำไป “อืม บังเอิญมาก”
เมื่อมองเห็นแองจี้จ้องมองจุดนั้นตาไม่กะพริบ พิชญ์สินียิ้มให้ พลางกระซิบพูด “แต่ที่บังเอิญมากกว่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณก็รู้จักญาธิดาด้วย”
เมื่อได้ยินพิชญ์สินีเอ่ยถึงญาธิดา แววตาแองจี้ชะงักทันที พลันหันศีรษะไปมอง “คุณก็รู้จักเธอ?”
“แน่นอนสิ นางเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน ทำงานด้วยกันมานานแล้ว” พิชญ์สินีเลิกคิ้วตอบ “ธิดามีเสน่ห์จริงๆ เพื่อนผู้ชายในที่ทำงานต่างก็ชอบเธอทั้งนั้นแหละ กระทั่งรองประธานเองก็ยังเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ ฉันก็ไม่คิดว่าพวกคุณรู้จักกัน ที่แท้ผู้หญิงสวยๆ ก็เป็นเพื่อนกันกับผู้หญิงสวยๆ ด้วยกันนี่เอง”
คำพูดประโยคนี้ของพิชญ์สินีฟังดูเหมือนเป็นคำชม ทว่าสีหน้าของแองจี้กลับหม่นหมองลงเล็กน้อย
แท้จริงตอนที่ญาธิดามาเธอก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ญาธิดาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็ดูแสนธรรมดามาก รูปลักษณ์ภายนอกถือว่าใสซื่อบริสุทธิ์ ทว่าไม่คิดเลยว่าหลังจากเรียนจบมาสองปี จะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมืออย่างกับมีเวทมนตร์ ซึ่งไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย
เดิมทีเธอเองก็ไม่พอใจนักกับเพศหญิงที่เป็นภัยให้กับตนเอง ซึ่งในวันนี้เมื่อเห็นว่าเธอแย่งซีนตัวเองไป กลับยิ่งขยะแขยงเธอมากขึ้นกว่าเดิม
พิชญ์สินีมองสีหน้าของแองจี้ จึงยกมุมปากขึ้น และเริ่มใส่ไฟเติมเชื้อเพลิงให้แตกหักเพิ่มขึ้นเรื่อย “พูดตามความจริง ฉันอิจฉาธิดามากเลยแหละ เธอเป็นคนจิตใจเมตตาใสซื่อบริสุทธิ์ เป็นดอกบัวบริสุทธิ์ผุดผ่องจนถูกใจคนไปทั่ว และดึงดูดเพศตรงข้ามมากที่สุด ใช่มั้ยแองจี้?”
มุมปากแองจี้โค้งขึ้น พลางช้อนสายตาอันแสนเย็นเฉียบเหลือบตามองพิชญ์สินี หล่อนไม่ยอมจะคุยกับเธอต่อสักประโยค เธอจึงสาวเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางนั้นแทน
เมื่อมองเห็นแองจี้เดินทิ้งห่างไปไกล มุมปากพิชญ์สินีโค้งขึ้นจนเผยรอยยิ้มอันแสนร้ายกาจ แม้ว่าเธอเคยเรียนกับแองจี้ไม่กี่ชั่วโมง ทว่าพอคลำนิสัยของเธอได้อย่างชัดเจน หยิ่งจองหองเกินเหตุ และไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ซึ่งไม่ยอมให้ใครหน้าไหนยอดเยี่ยมไปกว่าตนเองแน่นอน
เรื่องนี้ ไม่ต้องให้เธอลงมือ เกรงว่าญาธิดาคงต้องมีอะไรดีๆ ให้ได้อิ่มหนำสำราญแน่
ตอนที่แองจี้เดินกลับไปยังจุดนั้น เป็นจังหวะที่ญาธิดาเล่นเกมแพ้พอดี อัญมณีเป็นตัวตั้งตีเรียกร้องให้ญาธิดาขึ้นไปเต้นบนฟลอร์ตรงกลางเวที
“ธิดารีบไปเร็ว เมื่อกี้ตอนเดินทางมาแกตอบตกลงกับฉันแล้วนะ ทำไมแกพูดแล้วคืนคำล่ะ!”
“ใช่ ธิดา แกยอมรับความพ่ายแพ้ซะ!”
“ไม่งั้นแกก็ต้องดื่มเหล้าสามแก้ว ไม่ได้สิ หกแก้ว! ครั้งนี้ไม่อนุญาตให้การินดื่มแทนแกแล้วนะ!”
“……”
คนในกลุ่มต่างฮือฮากันยกใหญ่ ญาธิดาทำอะไรไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าหลบเลี่ยงก็ไม่ได้ เธอทำได้เพียงยกมือเพื่อยอมจำนน “ได้ ฉันไป ฉันจะไปเต้นพอใจกันหรือยัง?”
เธอเข้าใจดีมากที่สุด เพราะนี่คือความตั้งใจของอัญมณีแน่เลย ทั้งที่รู้ว่าเธอเต้นไม่เข้าจังหวะ ยังจะให้เธอออกไปขายหน้าให้ได้
อัญมณีชูมือขึ้นเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง “รีบไปสิรีบไป พวกเราจะไปรอดู เตรียมโทรศัพท์ไว้พร้อมแล้วนะ!”
แองจี้เห็นเหตุการณ์นั้น พลางส่งเสียงพึมพำอยู่ในลำคออย่างเย็นชา และเดินไปยังฟลอร์เต้นรำทางนั้นด้วย
ภายใต้แรงกดดันและการผลักไส ญาธิดาก็ขึ้นบนเวที โดยแข่งขันกับหนุ่มสาวนัดเต้นมืออาชีพห้าถึงหกคนที่มากความสามารถ เธอก็เหมือนกับเจ้าเป็ดน้อยที่เงอะงะคนหนึ่ง ขยับตัวไปมาด้วยร่างกายอันแข็งทื่อ
อัญมณีหัวเราะจนเหนื่อยล้าอยู่ทางด้านล่างเวที จนน้ำตาเล็ด
จังหวะนี้เอง แองจี้ขึ้นเวที ราวกับจงใจอยู่ด้านข้างญาธิดา และส่ายเอวไปมาตามจังหวะดนตรีอย่างลื่นไหล และคล่องตัวอย่างมีชีวิตชีวาราวกับงูน้ำ
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน การเคลื่อนไหวของญาธิดาแข็งทื่อกว่าเดิม ภายใต้ความผิดปกติไม่เป็นตัวของตัวเองจนไม่รู้ว่าควรเอามือเท้าจัดให้อยู่ตรงจุดไหน
เมื่อเห็นท่วงท่าญาธิดา แองจี้โค้งมุมปากขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เธอถนัดทางด้านนี้แล้วเธอจะปล่อยโอกาสในการกดบดขยี้ญาธิดาในครั้งนี้ไปได้ยังไงกัน?
เมื่อมองเห็นญาธิดาเคลื่อนตัวไปทางริมขอบเวที แววตาแองจี้ฉายแววตาหม่นหมองลง พลันกัดฟัน และจงใจเอียงตัว และเบียดไปทางนั้น
เวลานี้ หากเห็นญาธิดาตกจากเวทีกับตา เธอยิ่งดีใจมากขึ้น
ญาธิดาโดนเธอเบียด พลันถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใครเล่าจะรู้ว่าฝ่าเท้าเหยียบลงบนความว่างเปล่า ซึ่งเห็นกับตาว่าจะตกเวทีอยู่รอมร่อ เธอจึงยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ เพื่อควานหาสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุด โดยให้ฝีเท้าได้ยืนทรงตัวอย่างมั่นคง
เธอเพิ่งจะถอนหายใจยาว พลางปล่อยมือ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ปกติ จึงเงยหน้าขึ้น และมองเห็นใบหน้าเล็กๆ ของแองจี้ที่กำลังแดงระเรื่ออยู่ทางด้านข้าง ดวงตาจ้องมองเธออย่างโหดร้ายทารุณ เธอไม่ค่อยเข้าใจ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอหลุบตาลง จึงมองเห็นสิ่งของที่ตนเองคว้าจับอยู่เมื่อครู่นี้ ใบหน้าพลันซีดเผือดลงถนัดตา
สิ่งของที่เธอเพิ่งคว้ามาเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งของอื่นใด แต่เป็นระบายชายเสื้อเปิดไหล่ของแองจี้พอดี! หลังจากผ่านการดึงจากเธอเมื่อครู่นี้ เสื้อเปิดไหล่ตัวเดิมถูกดึงจนขาดเป็นวงกว้าง จนเผยให้เห็นแผ่นปิดจุกนมที่อยู่ภายในเสื้อ!
สมองญาธิดาอื้ออึงทันที และรีบฉวยจังหวะก่อนที่แองจี้จะลงมือ โดยการเอาเสื้อผ้าติดกลับด้านบน เพื่อปิดตำแหน่งที่ไม่ควรเปิดเผยออกมา และพูดทันควัน “ขอโทษ ขอโทษค่ะ! ฉันไม่ได้…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ แองจี้ก็ง้างมือฟาดมาทางเธอ ท่ามกลางวินาทีวิกฤตนั้น เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อหลบหลีก จนฝ่ามือแองจี้ตบลงบนอากาศ
แองจี้โมโหจนมันเขี้ยวเคี้ยวฟัน การโดนญาธิดาดึงเมื่อครู่นี้ จนทำให้เธอโป๊อยู่บนเวที ด้านล่างเวทีมีคนเยอะขนาดนั้น มีคนอีกมากมายที่ได้เห็นเต็มสองตา แถมยังมีคนอีกมากมายที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเอาไว้ นั่นไม่เท่ากับว่าเธออับอายขายหน้าแบบไม่เหลือชิ้นดีหรอกเหรอ!
“ญาธิดา แกตั้งใจทำใช่มั้ย!”
แองจี้ปรี่มาทางด้านหน้าด้วยความก้าวร้าว และเตรียมง้างมือขึ้น ก็ถูกเพื่อนผู้ชายสมัยเรียนในมหาวิทยาลัยขึ้นมาขวางอยู่บนเวที อัญมณีเห็นว่าสถานการณ์ดูผิดแปลกไป เธอจึงรีบดึงญาธิดาลงมา และให้หลบอยู่ด้านหลังตัวเธอ
ญาธิดาตกใจจนมึนงงไปหมด และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา เมื่อครู่ที่เธอทำลงไปมันเป็นไปตามสัญชาตญาณ ถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เธอยินดีที่จะตกเวทีและไม่มีวันจะไปดึงเสื้อของแองจี้ด้วยซ้ำ!
ทว่าในเวลานี้ เห็นตำตาว่าเรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว เธอควรจะทำอย่างไรต่อดี?