ดวงใจภวินท์ - บทที่ 162 กินไม่เลือกขนาดนี้เลย?
ก่อนจะไปสิงคโปร์สองวัน ญาธิดายุ่งมาก นอกจากงานของช่วงกลางวันแล้ว กลางคืนกลับมาถึงคอนโดเธอยังต้องเก็บข้าวของอีก
นอกเหนือจากนี้แล้ว เธอยังต้องเจียดเวลาไปเยี่ยมดร.ยติภัทรกับปภาวีที่โรงพยาบาลด้วย บริษัท โรงพยาบาลและคอนโด ทุกวันวิ่งอยู่แค่สามที่นี้ ไม่เคยได้พักผ่อนดีๆเลย
ก่อนจะไปวันนึง งานที่ต้องเตรียมทั้งหมดล้วนเตรียมได้พอสมควรแล้ว ในที่สุดญาธิดาก็มีเวลาได้พักผ่อนสักที ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆจะได้รับสายจากการิน
คราวก่อนหลังจากการินถูกหามส่งโรงพยาบาล เธอโทรถามอาการบาดเจ็บของเขาโดยเฉพาะ หลังจากรู้ว่าไม่เป็นอะไรมาก ก็รู้สึกค่อยๆวางใจแล้ว
ตอนนี้การินออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะนัดเธอออกไปทานข้าว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่Wesker Nightclubในคราวก่อน เธอยากที่จะปฏิเสธโดยตรง คิดไปคิดมา จึงได้ตอบตกลง
“งั้นก็คืนนี้เลย ฉันอยากเรียกอัญมณีไปด้วย เราสามคนเป็นเพื่อนนักเรียนเก่ากันหมด นายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ เห็นได้ชัดว่าคนในสายได้หยุดชะงักไปครึ่งวิ ตามด้วยเสียงอ่อนโยนของการินก้องมา “ได้สิ คนเยอะสนุกดี”
ฟังเขาพูดแบบนี้ ญาธิดารู้สึกโล่งอกไปที จากนั้นได้คุยกับเขาอีกสักพักถึงวางสาย
ที่เรียกอัญมณีไปด้วย เป็นเพราะว่าเธอสามารถจินตนาการได้ถ้าเธอทานข้าวกับการินสองต่อสองมันต้องอึดอัดมากแค่ไหน คิดไปคิดมา เลยอยากลากเพื่อนไปด้วย
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอัญมณี หลังจากพูดเรื่องให้ชัดเจนแล้ว อัญมณีที่อยู่ในสายอดขำไม่ได้
“ธิดา การินนัดเธอไปทานข้าว เธอเรียกฉันไปด้วย นี่ไม่ใช่จงใจลากฉันไปเป็นก้างขวางคอเหรอ!”
ญาธิดาเลยสารภาพซะเลย “ฉันรู้สึกว่าฉันทานข้าวกับเขาสองต่อสองมันอึดอัดมาก ก็เลยเรียกเธอไปด้วย”
อัญมณีฟังแล้วแกล้งพูดว่า “ไม่ไปๆ ฉันไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะขนาดนั้นหรอก!”
ญาธิดาฟังแล้วแกล้งทำเป็นเสียใจ และพูดเกลี้ยกล่อม “อันอัน เธอก็ถือซะว่าช่วยฉันหน่อยก็แล้วกันนะ ถ้าเธอไม่ไป ฉันตัวคนเดียวคงอึดอัดแย่เลย…”
จะพูดยังไงดี เธอกับการินก็ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปีแล้ว จู่ๆทั้งสองไปทานข้าวด้วยกันสองต่อสอง เธอไม่กล้าคิดภาพนั้นเลย……
อัญมณีที่อยู่ในสายฟังแล้วได้หัวเราะอย่างซุกซน “ฉันจะต้องไปอยู่แล้ว!เมื่อกี๊แค่ล้อเล่นเฉยๆ นาทีแบบนี้ ฉันจะทิ้งเธอได้ยังไง?”
ญาธิดาได้ยินแล้วโล่งอกไปที จากนั้นได้พูดคุยกับเธอไปอีกหลายคำถึงวางสายแล้วทำงานต่อ
พริบตาเดียวก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เดิมทีญาธิดาคุยกับอัญมณีไว้เรียบร้อยแล้วว่าเธอจะไปหาอัญมณีที่บริษัท จากนั้นทั้งสองค่อยไปเจอการินในร้านอาหารที่นัดเอาไว้
แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอเพิ่งเก็บข้าวของเสร็จ ยังไม่ทันได้ออกจากประตูของออฟฟิศเลย การินก็ได้โทรมาแล้ว
“ฮัลโหล ธิดา เธอเลิกงานหรือยัง?ฉันถึงใต้ตึกบริษัทเธอแล้ว”
ได้ยินการินพูดแบบนี้ ญาธิดาอึ้งเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะมารับเธอโดยตรง หลังจากสตั้นไปสองวิ เธอถึงค่อยๆดึงสติกลับมา “ฉัน…เลิกงานแล้ว นายอยู่ใต้ตึกเองเหรอ?”
เสียงของการินไพเราะอ่อนโยน ไม่มีทีท่าจะว่าเร่งรัดเลยสักนิด “ใช่ หน้าตึกSTN Group ฉันรอเธอลงมานะ”
ฟังเขาพูดแบบนี้ ในใจญาธิดาร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เธอเพิ่งจะเลิกงานเอง การินก็โทรมาแล้ว แสดงว่าเขาได้มาถึงล่วงหน้าและรอเธอตลอด
ญาธิดาไม่ทันได้คิดมาก ได้แต่ตอบตกลงทันที “โอเค ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
พอวางสาย เธอถือของลงไปชั้นล่าง เพิ่งมาถึงใต้ตึก ก็เห็นการินใส่ชุดสูทที่เป็นทางการทั้งตัว ในมือยังถือดอกไม้สดเอาไว้ช่อนึง
ปกติเห็นแบบนี้บนท้องถนน ไม่ใช่บอกรักก็คือขอแต่งงาน ทำเอาเธอตื่นเต้นขึ้นมากะทันหัน
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ ในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีโผล่ขึ้นมา เขาถือดอกไม้ช่อนั้นไว้ คงไม่ใช่เตรียมมอบให้เธอนะ?
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี พนักงานของบริษัทพลุกพล่านไปมา ไม่แน่เดี๋ยวจะถูกเพื่อนร่วมงานในแผนกเห็นเอาได้
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เธอได้แต่ฝืนเดินไปข้างหน้าอย่างไว และเรียกเสียงเบา “การิน”
พอการินหันมาเห็นเธอแล้ว ใบหน้าได้เผยรอยยิ้มออกมาทันที เขาเดินไปข้างหน้าแล้วยื่นดอกไม้ให้กับเธอ “ธิดา อันนี้ให้เธอครับ”
ญาธิดามองดอกไม้ที่อยู่ในมือของเขาแล้ว ยังคงค่อนข้างลังเลอีกเช่นเคย เธอได้ถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจู่ๆถึงซื้อดอกไม้ให้ฉัน?”
ดูเหมือนการินจะค่อนข้างเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก เขายิ้มมุมปากพร้อมพูดเสียบเบาว่า “ตอนที่ฉันมา เห็นข้างทางมีร้านขายดอกไม้อยู่ รู้สึกว่าสวยมาก ก็เลยถือโอกาสซื้อมาช่อนึง”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ทีนี้ญาธิดาถึงโล่งอกไปที เธอยื่นมือรับช่อดอกไม้เอาไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “เมื่อกี๊อันอันบอกฉันว่าเธอกำลังเดินทางมาแล้ว น่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ”
การินพยักหน้า “โอเค รถของฉันอยู่ข้างล่าง เราไปขึ้นรถรอเธอก่อนดีกว่า”
ญาธิดาย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว เธอกับการินยืนอยู่ที่นี่สองต่อสอง แถมในมือเธอยังถือดอกไม้เอาไว้ช่อนึง ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมาก สู้ขึ้นรถไปหลบก่อนดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ถูกเพื่อนร่วมงานในแผนกเห็นแล้วเอาไปซุบซิบนินทากัน
ดูเหมือนการินจะค่อนข้างเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก เขายิ้มมุมปากพร้อมพูดเสียบเบาว่า “ตอนที่ฉันมา เห็นข้างทางมีร้านขายดอกไม้อยู่ รู้สึกว่าสวยมาก ก็เลยถือโอกาสซื้อมาช่อนึง”
เธอเดินตามการินลงไปที่พื้นต่างระดับ เพิ่งเดินมาถึงหน้ารถ การินก็ได้เปิดประตูเชิญเธอเข้าไปอย่างสุภาพบุรุษแล้ว
ญาธิดาพยักหน้าให้กับเขาเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงเบาว่า “ขอบใจนะ”
เธอกำลังจะขึ้นรถ จู่ๆรู้สึกได้ว่าข้างๆมีสายตาเย็นชาจ้องมองมา ท่าทางเธอหยุดชะงัก จากนั้นได้หันไปมอง ใครจะไปรู้ก็เห็นรถมายบัคสีคำคันนึงจอดอยู่ไม่ไกล ผู้ชายที่สวมใส่ชุดสูทสีดำก็ยืนอยู่ข้างรถนี่เอง
ญาธิดาตกใจ เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชากับสีหน้าที่หม่นหมองของภวินท์แล้ว เธอค่อนข้างตื่นตกใจอย่างอธิบายไม่ได้
เธอจะคิดได้ยังไงว่าเรื่องมันจะบังเอิญขนาดนี้ ดันถูกเขาพบเห็นตอนที่เธอถือดอกไม้ขึ้นรถของการิน
ทางโน้น ภวินท์ยังคงรักษาท่าทางนั้นเอาไว้ แววตามืดมนจ้องมองเธอโดยที่ไม่ขยับ สายตาลุ่มลึกคลุมเครือไม่ชัดเจน
เขากำลังรอดูว่าเธอจะขึ้นรถของการินหรือเปล่า
ญาธิดาถูกเขาจ้องจนกระวนกระวายใจอย่างไร้สาเหตุ รู้สึกแค่ว่าอารมณ์ทั้งหมดของตัวเองล้วนไม่มีที่ให้หลบซ่อนเลย ราวกับขอแค่เธอขึ้นรถ ก็คือได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเขา
การินที่อยู่ข้างๆสังเกตเห็นความผิดปกติ เขามองภวินท์ จากนั้นได้หันมามองญาธิดาพร้อมเรียกเสียงเบาว่า “ธิดา……”
ญาธิดาดึงสติกลับมา แต่พอมาคิดในมุมที่กลับกัน เธอกับภวินท์ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันสักหน่อย ทำไมต้องแคร์ความคิดของเขาด้วย?จากนั้นได้นึกถึงการกระทำของเขาอีก ในใจเธอยิ่งมีไฟลุกไหม้ขึ้นมา เธอได้หันไปยิ้มหวานให้กับการินแล้วขึ้นรถโดยที่ไม่ลังเล
อีกฝั่งนึง ภวินท์มองหน้าตาผู้หญิงที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลย ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
เธอกินไม่เลือกขนาดนี้เลยเหรอ?ยอมรับผู้ชายไม่เลือกหน้าเลย!
พายุรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ได้รีบมาเตือนว่า “คุณภวินท์ครับ ควรไปแล้วครับ เรายังต้องไปขึ้นเครื่องอีกนะครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นได้เคลื่อนย้ายสายตาออกแล้วไม่ได้พูดอะไร แค่เปิดประตูขึ้นรถโดยตรงแล้วตามด้วยปิดประตูดัง“ปัง”ทีนึง
ญาธิดานั่งอยู่ในรถ มองสีหน้าแววตาที่ไม่รื่นรมย์ของภวินท์ จู่ๆเกิดรู้สึกสะใจขึ้นมา แต่มองดูรถมายบัคขับออกไปไกลแล้ว ในใจเธอกลับรู้สึกว่างเปล่าอีก
ผ่านไปไม่นาน อัญมณีก็มาถึงแล้ว พวกเขาไปทานข้าวที่ร้านอาหารด้วยกัน แต่ไม่ว่ายังไงญาธิดาก็ไม่มีอารมณ์เลย คืนนี้ทั้งคืน ในหัวของเธอมัวแต่คิดถึงสีหน้าก่อนที่ภวินท์จะขึ้นรถไป
ที่โต๊ะทานข้าว ในที่สุดอัญมณีก็ทนดูไม่ไหว เธออดถามไม่ได้ “ธิดา เธอเป็นอะไรไป?ทำไมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย?”