ดวงใจภวินท์ - บทที่ 180 มากล่าวคำขอโทษ
“ฉันเชื่อแกอยู่แล้ว” อัญมณีไม่ลังเล รีบเอ่ยปากพูดว่า “คนอื่นฉันไม่รู้ แต่ฉันจะรู้ว่าแกเป็นคนแบบไหน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้คบกับจิณณ์แม้แต่จับมือยังไม่กล้าเลย เรื่องแบบนี้เธอจะทำได้ยังไง”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะคุยกับคุณลุงคุณป้าสักหน่อย แต่คุณป้าห้ามฉันเอาไว้ บอกว่าตอนนี้คุณลุงอารมณ์ไม่ดี ยังรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ควรพูดเรื่องนี้ดีที่สุดฉันเลยไม่ได้พูดอะไร”
เมื่อได้ฟังเสียงปลายสายของอัญมณีที่มีคำพูดหนักแน่นขนาดนั้น ก็ทำให้ญาธิดาใจชื้นขึ้นมาบ้าง และพูดต่ออีกว่า “ ฉันรู้ว่าอารมณ์โกรธของพ่อฉันเป็นยังไง ปกติจะไม่โกรธง่ายๆ แต่พอโกรธขึ้นมากว่าอารมณ์จะเย็นลงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ”
“แกจะทำยังไงต่อดีละ”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่ใหญ่ และบอกว่า “ รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนแล้วว่ากัน พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลอีกสักรอบ จะไปอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง ”
ถึงแม้จะรู้ที่ไปที่มาของเรื่องนี้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่จะอธิบายเรื่องนี้ และจดหมายนิรนามฉบับนั้น เธอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครส่งมา
“อันอัน แกพอจะช่วยฉันอีกสักเรื่องได้ไหม” ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ “ช่วยฉันสืบได้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร”
อัญมณีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ ต่อให้แกไม่พูดฉันก็จะไปสืบให้ เพื่อนฉันโดนรังแก ฉันจะยอมทนได้ยังไง ” ญาธิดาขยับปากเล็กน้อย เพราะประโยคที่อัญมณีพูดออกมา ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ ธิดา แกคิดว่าเรื่องนี้ภวินท์อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า เขาอาจจะมองว่าเรื่องนี้เขาเป็นผู้เสียหาย เลยโยนความผิดมาที่แกไง…….”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ก็รู้สึกเจ็บใจ ไม่ทันได้รอให้อัญมณีพูดจบ จึงยืนยันออกมาว่า “ น่าจะเป็นฝีมือเขาละ……’
อัญมณีถอนหายใจและค่อยๆพูดว่า “ ช่างเถอะ แกอย่าคิดอะไรมากเลย รีบไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าต้องไปโรงพยาบาลอีกนะ ”
ญาธิดาหรี่ตาลง และพูดแผ่วเบาว่า “ โอเค ”
หลังจากที่วางสาย ญาธิดาได้นั่งที่โซฟา นึกคิดถึงคำพูดที่สองคนได้พูดไว้เมื่อกี้ ทำให้รู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่ฝีมือของภวินท์ แต่ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาหย่าร้างกันละ
ญาธิดาคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ นอนพลิกไปพลิกมา ดูเหมือนว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งถึงเช้ามืด ถึงจะนอนหลับ
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ญาธิดาตื่นนอน อาบน้ำแปรงฟัน ก็รีบออกจากบ้านไปโรงพยาบาลทันที
ไม่ว่าจดหมายนิรนามฉบับนั้นเป็นใครส่งมา แต่สิ่งสำคัญ เธอจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับดร.ยติภัทรให้เข้าใจ
เมื่อถึงหน้าห้องผู้ป่วย ญาธิดาตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนจะลังเลอะไรบางอย่าง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอถึงจะรวบรวมความกล้าได้ และเคาะประตูทันที
เมื่อผลักประตูออกไป ญาธิดาก็เห็นดร.ยติภัทรกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างหน้าต่าง เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา สีหน้าถึงกับเปลี่ยนไปในทันที
“ พ่อ วันนี้ฉันมามีอะไรจะมาคุยกับพ่อ ”
ญาธิดากัดริมฝีปาก กำมือทั้งสองข้างไว้แน่น และค่อยๆเดินไปตรงหน้า
คุณปภาวีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เริ่มกลัวว่าดร.ยติภัทรจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นอีก จึงรีบลุกขึ้นไปจับแขนของเขาไว้ และพูดปลอบใจว่า “ ตาแก่ อย่าเพิ่งฉุนเฉียวไปเลยนะ ลองฟังธิดาพูดก่อนนะ ”
ดร.ยติภัทรโยนหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือไว้ข้างๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “ ยังต้องอธิบายอะไรอีกละ ฉันเห็นมากับตาภาพเหล่านั้นไม่ได้หลอกฉันหรอกนะ ”
“พ่อ ฉันฟังที่อันอันพูดถึงรูปถ่ายเหล่านั้นแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย หลังจากที่ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย นอกจากภวินท์ ฉันก็ไม่เคยคบผู้ชายคนไหนเลย แถมยังไม่เคยนอกใจเขาสักครั้ง”
ในขณะที่ญาธิดากำลังพูด ปลายจมูกก็เริ่มแดง และกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ในที่สุด
เมื่อดร.ยติภัทรเห็นดังนั้น สายตาก็เริ่มลังเล แต่พอนึกถึงรูปถ่ายเหล่านั้น ก็อดที่จะโกรธก็ไม่ได้
เขาโกรธจนอกสั่น พูดด้วยท่าทีหอบหืดว่า “ รูปเหล่านั้นเห็นคาตาฉันอยู่ชัดๆแล้วจะให้ฉันเชื่อที่แกพูดนั่นเหรอ”
ญาธิดาพูดด้วยความขมขื่นว่า “ พ่อ ไม่คิดจะเชื่อฉันสักหน่อยเหรอ”
เมื่อดร.ยติภัทรได้ยิน ก็เงียบไปทันที หลังจากนั้น เขาหันกลับมาน้ำตานองหน้าและจ้องไปที่ญาธิดา “ ที่แกพูดมาทั้งหมดมันเป็นความจริงเหรอ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปที่บ้านตระกูลสถิรานนท์ ฉันจะไปถามภวินท์ให้รู้เรื่อง”
ในขณะที่ดร.ยติภัทรกำลังพูด ก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่คุณปภาวีห้ามเอาไว้ รีบสะบัดผ้าห่มลงจากเตียงทันที
คุณปภาวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ และรีบชิงพูดว่า “ ตาแก่ แกคิดจะทำอะไร สภาพร่างกายของแกตอนนี้………”
ดร.ยติภัทรเงยหน้ามอง มองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ ถ้าแกห้ามไม่ให้ฉันไป เท่ากับแกกำลังยั่วให้ฉันโกรธ”
คนเราก็ต้องรักษาหน้าตัวเองไว้เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องรักษาเปลือกต้นเอาไว้ เขาในฐานะดร.มหาวิทยาลัย ตั้งแต่เล็กจนโตก็เลี้ยงดูสั่งสอนลูกอย่างดี ถ้ามันเกิดเรื่องเฉาแบบนี้จริงๆ เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง
คุณปภาวีเมื่อเห็นท่าทีของเขา ก็เริ่มเข้าใจในความดึงดันของเขา ทำได้แค่ถอนหายใจและอ่อนข้อให้
เมื่อญาธิดาเห็นพ่อตัวเองดูใส่ใจขึ้นมา คิดว่าคงไร้ประโยชน์ที่พยายามจะพูดโน้มน้าว ได้แตตามเขาออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปที่บ้านตระกูลสถิรานนท์
ดร.ยติภัทรเงยหน้ามอง มองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ ถ้าแกห้ามไม่ให้ฉันไป เท่ากับแกกำลังยั่วให้ฉันโกรธ”
พอดีเลย ถือโอกาศนี้มาถามภาวินท์ให้รู่เรื่องว่ามันเกี่ยวกับเขาไหม
เมื่อเดินทางมาถึงบ้านพัก ญาธิดาก็มองดูบ้านที่คุ้นเคย ทำให้รู้สึกนึกถึงอะไรบางอย่าง บ้านหลังนี้เคยเป็นเรือนหอของเธอกับภวินท์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้กลับมาที่บ้านหลังนี้เพราะเรื่องราวแบบนี้
หลังจากที่กดกริ่งหน้าบ้าน ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู
ป้าจันทร์เดินผ่านมาทางลานหน้าบ้าน เพื่อมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นว่าญาธิดายืนอยู่ด้านนอกกับคุณปภาวีและดร. ยติภัทร ถึงกับตะลึงและตกใจ “ คุณญาธิดา กลับมาแล้วเหรอคะ ”
เมื่อเจอกับป้าจันทร์ ญาธิดาก็รู้สึกถึงความอบอุ่น เธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “พวกเรามาหาคุณภวินท์ ” ป้าจันทร์รีบเปิดประตูทันที และเชิญให้พวกเขาเข้าไปในบ้าน “คุณชายอยู่ในบ้าน เชิญพวกคุณเข้าไปได้เลยค่ะ ”
เมื่อได้กลับไปที่ห้องโถงที่คุ้นเคย ญาธิดาก็รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก ในไม่ช้า ก็มีเสียงเท้าเดินออกมาจากประตูลิฟต์ เธอจึงหันไปมองตามเสียง จึงพบกับภวินท์ที่สวมใส่ชุดลำลองกำลังออกมาจากลิฟต์
“อาจารย์ อาจารย์แม่ พวกคุณมากันได้ยังไง”
ภวินท์เดินมาหาข้างหน้า มีท่าทีที่อบอุ่นที่หาได้ยาก ขมวดคิ้วมองดูด้วยอารมณ์สดใส
ดร.ยติภัทรลุกขึ้น สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้ว่าจะลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากออกพูดว่า “ วิน ที่พวกเรามาในวันนี้ ความจริงอยากจะมาขอโทษนาย ”
ภวินท์เกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก สายตาหันไปมองที่ญาธิดา แสดงน้ำเสียงอย่างใจเย็นว่า “ ขอโทษเรื่องอะไรครับ”
ญาธิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะเอ่ยปากกล่าวคำขอโทษด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องหยุดพูด และอยากจะคุยเรื่องนี้ให้เข้าใจ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี
ดร. ยติภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจและพูดว่า “ วิน ก่อนหน้านายแต่งงานกับธิดา พวกเราในฐานะผู้ปกครองมีบางอย่างไม่เข้าใจ และคงไม่ได้ถามอะไรมากมาย ในตอนนี้ถึงจะรู้ว่า ธิดาลูกสาวฉันได้ทำเรื่องอับอายให้กับนาย ครั้งนี้เป็นความผิดของเราเองที่ไม่ได้ดูแลสั่งสอนลูกสาวให้ดีกว่านี้ พวกเราต้องขอโทษนายด้วย……. ”
ญาธิดาเริ่มตกใจ ไม่ใช่ว่าตกลงกันมาเพื่อที่จะมาถามความจริงกับภวินท์เหรอ พอได้ยินแบบนี้เหมือนกับเธอทำผิดไปแล้วจริงๆ
ภวินท์ขมวดคิ้ว รีบดึงมือไปประคองดร.ยติภัทร น้ำเสียงดูจริงจัง “ อาจารย์ คุณไปฟังใครมา ความจริงไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นเลย”
ดร.ยติภัทรรีบอธิบายว่า “ ฉัน…ฉันได้รับจดหมายนิรนามมาหนึ่งฉบับ ด้านในเต็มไปด้วยรูปถ่ายธิดากับชายหนุ่มผู้อื่น แถมยังมีกระดาษเขียนข้อความสาเหตุการหย่าร้าง เป็นเพราะธิดาลูกสาวฉันพวกเธอถึงหย่ากัน….. ”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้ว ไม่ลังเลที่จะพูดว่า “ ไม่ได้มีเรื่องอย่างนั้นเลย ผมกับธิดาได้หย่าร้างกันเพราะเข้ากันไม่ได้ ไม่ได้มีสาเหตุอื่นๆเลย”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน เมื่อเธอได้ยินภวินท์พูดแบบนั้น รู้สึกอึดอัดและหดหู่เป็นอย่างมาก