ดวงใจภวินท์ - บทที่ 186 ซุปทำเองกับมือ
เขาเพิ่งจะรีบกลับจากการไปเจอลูกค้าข้างนอกมา ไม่คิดว่าเมื่อกลับมาถึงก็ได้เห็นภาพแบบนี้
พายุถูกสั่งให้หยุดรถ แล้วเฝ้ามองดูท่าทางทุกย่างก้าวของทั้งสองอยู่ไกลๆ
ชายหนุ่มสูงใหญ่อ่อนโยน หญิงสาวสวยเสน่ห์ขี้อาย มองไปไกลๆ เหมือนกับเป็นคู่รักที่สนิทชิดเชื้อกันเช่นนั้น ทำให้คนข้างๆ อิจฉา
ฉากเหล่านี้ในมุมมองของภวินท์ ทำให้รู้สึกบาดตาอย่างไร้รอยรองเล็กน้อย
หญิงสาวคนนั้น เวลาอยู่ต่อหน้าเขาปั้นหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้อยู่ต่อหน้าชายอื่น ปรากฏว่ายิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้ และบนใบหน้าเธอยังมีความเขินอายเล็กน้อย มันหมายความว่าอย่างไร?
ภวินท์ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาเบนสายตาหนี รู้สึกหงุดหงิดและโกรธเล็กน้อย
และในเวลานี้ จู่ๆ พายุก็เอ่ยปากกล่าวว่า “คุณภวินท์ คุณญาธิดาไปแล้วครับ”
เมื่อภวินท์ได้ยินเสียง เงยหน้าขึ้นมองไป เห็นหญิงสาวก้าวเดินช้าๆ จากไป ในมือถือซองเอกสาร ส่วนธีทัตนั้นยืนอยู่ที่เดิมแล้วส่งเธอจากไปด้วยสายตา
ช่างเป็นความรักที่แสนหวาน ไม่อยากพรากจากกัน
เขาขมวดคิ้ว สั่งน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เดี๋ยวลองไปตรวจสอบให้ชัดเจนว่าแฟ้มเอกสารที่ธีทัตให้ญาธิดาคืออะไร”
พายุตอบรับว่า “ ครับ ”
ดูไปแล้วหญิงสาวซื่อบื่อคนนี้ยังไม่รู้ฐานะของธีทัต เขาเป็นCEOของบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ และโครงการที่บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ข้องเกี่ยวนั้นทับซ้อนกับ STN Groupอยู่ ทั้งสองบริษัทก็ย่อมมีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันกัน เธอไปมาหาสู่อย่างใกล้ชิดแบบเปิดเผยกับธีทัต แล้วยังมีการแลกเปลี่ยนเอกสารแบบนี้ ทำให้คนอื่นคิดมาก และเกรงว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ไม่น้อยเลย
รอให้ธีทัตจากไปแล้ว พายุจึงค่อยๆ เคลื่อนรถขับไปถึงบันไดตรงประตูใหญ่
กลับไปถึงสำนักงานCEOไม่นาน นวิยาก็เข้ามารายงานแผนการเดินทางต่อจากนี้
ช่วงนี้บริษัทงานมากเรื่องเยอะ ภวินท์คนเดียวต้องวิ่งงานพบปะสังสรรค์ทางสังคมหลายงาน หลังจากจัดการงานเร่งด่วนอย่างง่ายๆแล้ว เขาก็ต้องรีบไปงานสังสรรค์ทางสังคมต่อ
ก่อนจะออกไป พายุเดินตามเขาไปขึ้นลิฟต์ พร้อมกับรายงานว่า “คุณภวินท์ เรื่องของคุณญาธิดาตรวจสอบมาแล้ว นั่นเป็นร่างเอกสารที่เธอรับแปลส่วนตัวของบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ ”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ บ้าคลั่งมากกว่าที่เขาคิดไว้อีก กล้ารับงานส่วนตัวลับหลังเขา และยังเกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ด้วย
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาก็ไม่มีเวลาไปหาเธออีก ดวงตาหม่นหมองและพูดขึ้นว่า “ไปSeremban Hotel ก่อน ”
อย่างมากก็แค่ รอให้เขาพบปะสังสรรค์เสร็จแล้วค่อยกลับมาหาเธออีก เพราะว่าช่วงนี้เธอทำโอทีทุกวันอยู่แล้ว ยังจะกลัวเธอหนีทำไม?
อีกฝั่ง ญาธิดานั่งอยู่ในสำนักงาน ไม่รู้ทำไม รู้สึกเย็นวูบที่หลัง เหมือนกับมีคนพูดถึงเธอลับหลังอยู่
เธอหันหลังไปมองดูหน้าต่างที่อยู่ข้างหลังก็ปิดอย่างมิดชิด แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ามีลมเย็นๆ ที่หลังของเธอ?
เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ขยับเสื้อผ้า แล้วส่งรายงานที่ทำเสร็จเมื่อกี้ไปสำนักงานหัวหน้า ให้พี่แนนตรวจดูก่อน หลังจากที่ไม่มีปัญหาใดๆแล้ว ค่อยส่งไปที่สำนักงานCEO
เมื่อออกมาจากในลิฟต์ เดินไปกี่ก้าว ญาธิดาที่อยู่ไกลๆ ก็เห็นคนสองสามคนยืนอยู่หน้าประตูสำนักงาน หญิงสาวคนหนึ่งที่ใส่กระโปรงสีชมพูหันหลังให้เธอ ดูแวบแรกรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
เธอเดินเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคย “ตอนที่พี่วินไปได้บอกไหมว่าจะไปไหน?”
น้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนโยนและไพเราะ เป็นเสียงที่หญิงสาวที่ใส่กระโปรงสีชมพูคนนั้นพูดออกมา
ความเคลื่อนไหวของญาธิดาชะงักไปครู่หนึ่ง มองเห็นใบหน้าข้างๆ ของคนนั้น ถึงจำได้ว่า
เป็นนิวรา
ไม่ต้องสงสัยก็รู้ว่าเธอนั้นมาหาภวินท์
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือที่ถือรายงานไว้กำแน่นขึ้นเล็กน้อย เก็บซ่อนอาการผิดปกติในดวงตาแล้วเดินไปข้างๆ นวิยา กล่าวเสียงเบาว่า “คุณนวิยา นี่เป็นเอกสารรายงานที่แผนกธุรการทำเสร็จเมื่อกี้นี้ รบกวนคุณช่วยส่งให้คุณภวินท์ตรวจสอบด้วย”
นวิยากวาดสายตามองดูเธอแวบหนึ่ง ยื่นมือรับไว้ กล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า“ฉันจะส่งต่อให้”
เมื่อนิวราที่อยู่ข้างๆ เห็นญาธิดา ในดวงตามีประกายความมืดมนแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็หายไป จากนั้นสีหน้าก็กลับเป็นปกติ
เมื่อญาธิดาส่งรายงานไปแล้ว ก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หยุดอยู่นาน
จู่ๆ นิวราก็กล่าวกับนวิยาว่า “ในเมื่อพี่วินไม่อยู่ วันหลังฉันมาใหม่ ขอบคุณมาก”
เธอพูดพลางยิ้มให้นวิยา จากนั้นโบกมือให้คนข้างกายเดินตามขึ้นไป ก้าวเท้าจากไป
ญาธิดายังเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง “คุณญาธิดา”
เท้าของเธอหยุดชะงัก ค่อยๆ หันหลังไปด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
หางตานิวราโค้งมน เธอยิ้มแล้วดูเหมือนดวงตาเป็นประกาย เธอก้าวเท้ารีบเดินเข้าขึ้นมา จนตามทันเธอ
ญาธิดารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ยังไม่ทันถาม ก็เห็นนิวรานั้นรับกระเป๋าผ้าประณีตมาจากมือลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เปิดซิปออก แล้วเผยให้เห็นกระติกเก็บความร้อนที่อยู่ข้างใน
“คุณญาธิดา นี่เป็นซุปที่ฉันทำให้พี่วินด้วยตัวเอง แต่ว่าเขาไม่อยู่บริษัท ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำซุปนี้ ถ้าทิ้งก็จะเป็นการไม่ดี ฉันให้คุณก็แล้วกัน ”
นิวราพูดพลาง ก็รูดซิปขึ้นไปใหม่ แล้วยัดกระติกเก็บความร้อนใส่ในมือเธอ
ญาธิดายิ่งตกตะลึงไปใหญ่ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าที่ใบหน้ายิ้มแย้มราวดอกไม้ งุนงงในใจ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
ทำไมเธอรู้สึกว่า เหมือนนิวราจะเข้าใจเธอมากแล้ว?
นิวรายิ้มที่มุมปาก เหมือนจะดูออกว่าเธอสงสัย จึงกล่าวเสียงเบาว่า “ฉันได้ยินพี่วินพูดถึงคุณ ก่อนหน้านั้นก็เคยเห็นคุณที่สำนักงานของพี่วินเหมือนกัน ถือได้ว่าคุ้นเคยแล้ว คุณจะดื่มซุปนี้ให้หมดใช่ไหม?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าท่าทางไม่อันตรายนี้ ญาธิดารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงสำคัญกับภวินท์มากขนาดนี้ หญิงสาวที่อ่อนโยนแบบนี้ กลัวแต่ว่าไม่มีใครที่จะไม่รักเธอ?
เมื่อญาธิดาได้สติคืนมา ก็ยิ้มให้นิวรา แล้วถามขึ้นเสียงเบาว่า “กว่าคุณจะทำซุปได้มันไม่ง่ายเลย เก็บไว้ให้คุณภวินท์เถอะ”
“ซุปร้อนๆ ถึงจะอร่อย ครั้งหน้าฉันค่อยทำให้เขาใหม่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้ กระติกเก็บความร้อนค่อยให้ฉันครั้งหน้าก็ได้”
นิวราพูดพลางยิ้มให้เธอ แล้วก้าวเท้าเดินไปทางประตูลิฟต์
ญาธิดากอดกระติกเก็บความร้อนไว้ในอก มองดูหลังของนิวราเดินจากไปไกลแล้ว มีอารมณ์แปลกๆ เกิดขึ้นในใจของเธออย่างอธิบายไม่ถูก
เมื่อนึกถึงเวลาที่ภวินท์ไปพัวพันกับดาราหญิงแพรวาลับหลังนิวรา ในใจของญาธิดาก็รู้สึกกลัดกลุ้ม
ผู้หญิงแบบนิวรา ปรากฏว่าถูกภวินท์หลอก แต่ใครจะรู้ว่านอกจากแพรวา ที่เป็นคนแรกแล้ว ยังมีคนที่สองที่สามหรือไม่
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเห็นใจนิวราเล็กน้อย
เธอพยายามอย่างมากทั้งส่งซุปทั้งมาดูเขา ก็ไม่รู้ว่าเวลานี้ภวินท์อยู่กับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า?
ญาธิดาส่ายหัว เอาความคิดพวกนี้ทิ้งไป เมื่อกลับถึงที่แผนก เธอจึงทำงานในมือต่อ
ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า ช่วงนี้พี่แนนได้มอบหมายงานให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอทำโอทีต่อเนื่องจนเกือบถึงสี่ทุ่มทุกวัน
ช่วงบ่ายนั่งอยู่ในสำนักงานครึ่งวัน พริบตาเดียวก็จะเลิกงานแล้ว เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ ทำงานในมือต่อ
เมื่อได้เวลาอาหาร ญาธิดาใช้ซุปของนิวราช่วยชีวิต แล้วทำงานต่อ กว่าจะรู้ตัวก็สองทุ่มกว่าแล้ว
เวลาผ่านไปทีละนาที รอบข้างเงียบสงัด มีเพียงไฟในสำนักงานเธอเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ ที่ประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เมื่อญาธิดาได้ยินเสียง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ดึกขนาดนี้แล้ว ยังมีใครมาที่นี่หรือ?