ดวงใจภวินท์ - บทที่ 200 ของขวัญตอบแทน
ล้างมือเสร็จแล้วออกจากห้องครัว นิวราจูงภวินท์ไปนั่ง คนใช้ข้างๆ เข้ามารินไวน์ให้พวกเขาทันที
ไวน์เพิ่งรินเสร็จ ก็เกิดเสียงฝีเท้าดังมาจากทางขึ้นบันได ปริญเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เดินมาทางนี้ด้วยท่าทางสบายๆ
หลังจากทักทายชนัดพลกับคุณพิมสายตาก็กวาดมองไปที่ภวินท์อย่างเย็นชา แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา
เมื่อเห็นว่าคนมากันครบแล้ว ชนัดพลมองภวินท์ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดเสียงเบา “วิน ลองชิมไวน์นี่สิ ฉันเก็บขวดนี้ไว้หลายปีแล้ว”
ภวินท์พยักหน้าและยกไวน์แดงขึ้นจิบ จากนั้นพูดเบาๆ ว่า “ไวน์ดี”
ชนัดพลได้ยินดังนั้นก็อมยิ้ม กำลังจะบอกให้ทุกคนเริ่มทาน แต่ปริญที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงเยาะไม่พอใจ
“คุณพ่อต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่ใช่วันสำคัญอะไร ต้องดื่มไวน์ดีๆ แบบนี้เลยเหรอ”
เมื่อตอนฉลองวันเกิดของเขา เคยขอไวน์แดงขวดนี้จากชนัดพล แต่เขาไม่ให้ คิดไม่ถึงว่าพอภวินท์มา พ่อกลับเอาไวน์ออกมาเปิดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
น้ำเสียงของเขาเจือความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่สิ้นเสียง รอยยิ้มของทุกคนบนโต๊ะแข็งทื่อไปเล็กน้อย
ใบหน้าเล็กของนิวราที่นั่งข้างภวินท์บึ้งตึงด้วยความโกรธ
ทำไมพี่ชายของเธอน่าผิดหวังขนาดนี้
ชนัดพลสีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย น้ำเสียงทั้งเย็นชาและขุ่นมัว “ภวินท์มาจะไม่ใช่วันสำคัญได้ยังไง ถ้าแกไม่รู้จะพูดอะไรก็หุบปากไปก็ได้”
เมื่อถูกตำหนิต่อหน้าทุกคน ชนัดพลจึงหน้าเสียไป สายตาเขาเหลือบมองภวินท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเย็นชา หุบปากด้วยความไม่พอใจ
ตรงข้ามกับภวินท์ที่สีหน้ายังคงเหมือนเดิม ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ บรรยากาศที่โต๊ะอาหารเย็นยะเยือกลงมาก คุณพิมจึงยิ้มให้บรรยากาศผ่อนคลายในทันที “เอาล่ะๆ ทุกคนทานกันเถอะ ถ้าไม่ทานอีกจะเย็นหมดนะ”
นิวราเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบตะเกียบคีบซี่โครงหมูให้ภวินท์ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่วิน ทานเร็วค่ะ”
บรรยากาศค่อยๆ คลี่คลายลงมาก แต่ปริญซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม มีหน้าตาเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ
ดื่มไวน์ผ่านไปสามรอบ ชนัดพลค่อยๆ ดึงเรื่องออกมาพูด “วิน ช่วงนี้ตระกูลวรโชติกำลังเตรียมพัฒนาย่านธุรกิจระดับไฮเอนด์ในภาคตะวันออก เธอสนใจไหม”
เมื่อภวินท์ได้ยินก็สีหน้าไม่เปลี่ยน เลื่อนสายตาขึ้นมองไปที่ชนัดพล และพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ผมได้ยินมาว่าโครงการค่อนข้างใหญ่ สามารถทำเงินได้โดยธรรมชาติแล้วผมก็สนใจ แต่ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป กลัวว่าจะปลีกตัวมาจัดการไม่ได้เต็มที่”
ชนัดพลถูกปฏิเสธแต่ใบหน้ายังคงเจือรอยยิ้ม แนะนำประโยชน์ของโครงการอย่างสบายๆ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ภวินท์ไม่มีท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เขามาก็เดาไว้อยู่แล้ว ว่าชนัดพลที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้เขามาเยี่ยมที่บ้าน ต้องมีเจตนาแอบแฝง เก้าในสิบเรื่องต้องเกี่ยวข้องกับโครงการThe Riversideในภาคตะวันออก
ตอนนี้ภายนอกตระกูลวรโชติดูเจริญรุ่งเรือง แต่ในความเป็นจริง ความสามารถของพวกเขามีจำกัด การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางจัดการได้แน่นอน โดยธรรมชาติแล้วต้องหาคนมาร่วมธุรกิจกับพวกเขา และSTN Groupมีอำนาจทางการเงินมากมาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา
แต่เขาไม่อยากร่วมธุรกิจกับจิ้งจอกเฒ่า
หลังจากถูกปฏิเสธหลายครั้ง ชนัดพลก็สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แล้วจึงรีบจบงานเลี้ยง
นิวราไม่เคยเข้าไปยุ่งกับกิจการของบริษัท โดยธรรมชาติแล้วเธอจึงไม่เข้าใจความตึงเครียดบนโต๊ะอาหารเมื่อครู่ หลังอาหารกลางวัน เธอพาภวินท์ไปที่ระเบียงเล็กๆ ที่ชั้นหนึ่งอย่างตื่นเต้น ชี้ชวนให้เขาดูพืชพันธุ์ไม้ที่เธอปลูก
“นี่คือคลอเวีย สวยไหมคะ พอถึงฤดูออกดอกมันก็จะบานค่ะ……”
“นี่คือต้นไม้เงิน……”
ฟังเสียงหญิงสาวเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ จิตใจภวินท์คิดเรื่องอื่น เขาไตร่ตรองคำพูดของชนัดพลที่โต๊ะอาหารในใจ เพราะกลัวว่าจะพลาดทุกรายละเอียดที่มีความหมายลึกซึ้ง
ทันใดนั้นเสียงของคุณพิมก็ดังมาจากข้างหลัง “นิว เข้ามานี่ แกเอาผลไม้ไปทานกับวินสิ……”
นิวราส่งเสียงตอบรับ แล้วส่งยิ้มให้ภวินท์ “พี่วิน รอนิวครู่หนึ่งนะคะ”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็หันหลังเดินเข้าไปในครัวอย่างกระตือรือร้น
ภวินท์ยืนอยู่ที่เดิม อยู่ในภวังค์เล็กน้อย ดูเหมือนว่าเพราะเมื่อครู่อยู่ที่โต๊ะอาหารเขาดื่มไวน์ไปพอสมควร สมองจึงค่อนข้างเบลอ
เขายกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว ยังไม่ทันได้เอามือลง ก็ได้ยินเสียงเยาะหยันมาจากด้านข้าง
เลื่อนสายตามองไป ปริญยืนห่างออกไปสองเมตร จ้องมองที่เขาสายตาเย็นชา
ภวินท์ไม่แปลกใจ เบนสายตาออกโดยไม่พูดอะไร
ปริญเห็นตัวเองถูกเมินเฉย จึงไม่สามารถระงับความโกรธได้ พูดน้ำเสียงเย็นชา “นายหยิ่งยโสอะไรนักภวินท์ ฉันขอบอกนายนะ ต่อให้นายไม่ตกลง พวกเราตระกูลวรโชติก็สามารถหาคู่ค้าสร้างThe Riversideขึ้นมาได้!”
เมื่อครู่ความหมายของชนัดพลบนโต๊ะอาหาร เขาเข้าใจดี
ภวินท์ได้ยินคำพูดนี้ก็กระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตาสลัวและไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทีของเขา ปริญก็ยิ่งโกรธ เขากัดฟันก้าวเดินเข้าหา พูดเสียงกดต่ำ “ภวิน์ นายอย่าคิดนะว่าตอนนี้นายเป็นสุนัขที่ใครต่างก็ยกย่อง คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันรู้ดีที่สุด ว่านายทำอะไรกับภูผา……”
ปริญเห็นตัวเองถูกเมินเฉย จึงไม่สามารถระงับความโกรธได้ พูดน้ำเสียงเย็นชา “นายหยิ่งยโสอะไรนักภวินท์ ฉันขอบอกนายนะ ต่อให้นายไม่ตกลง พวกเราตระกูลวรโชติก็สามารถหาคู่ค้าสร้างThe Riversideขึ้นมาได้!”
เขายังพูดไม่จบ ภวินท์ก็หันหน้าไปแล้ว สายตาลึกล้ำเจือความเย็นชาไร้ขอบเขต ราวกับจะต้องการเขมือบเขาเข้าไปทั้งตัว
ปริญแววตานิ่งงัน หยุดเสียงด้วยความกลัว ถอนสายตาหนี และเปลี่ยนมาพูดว่า “อย่าคิดว่าสามารถหลอกน้องสาวของฉันได้แล้วจะหลอกฉันได้ คิดเหรอว่าไม่มีใครรู้”
ภวินท์แววตามืดมนเผยความเย็นชา เขาละสายตา นิ่งไปไม่กี่วินาทีก่อนจะพูดขึ้นนิ่งๆ “จริงสิ ได้ยินว่าช่วงนี้นายสนิทสนมกับนางแบบวาบหวิวคนหนึ่ง แถมยังใช้ทุ่มเงินไปซื้อรถคันหรูให้เธอด้วย”
ประโยคนี้เหมือนยิงเข้าจุดตายของปริญ เขาหลังแข็งทื่อ มองภวินท์ด้วยความประหลาดใจ สองวินาทีต่อมาก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด “นายพูดไร้สาระอะไร!”
เขาปกปิดอย่างดี ถูกภวินท์รู้เข้าได้ยังไง!
“ไร้สาระหรือไม่ ตัวนายรู้ดีที่สุด” ภวินท์เหลือบมองเขาบางเบา แล้วก้าวเท้าจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ใครจะรู้ว่าปริญรีบพุ่งเข้ามาขวางหน้าเขาฉับพลัน “ภวินท์ นายคิดจะทำอะไร!”
เขาเก็บเรื่องการซื้อรถหรูและเลี้ยงนางแบบวาบหวิวไว้เป็นความลับมาตลอด แม้แต่ชนัดพลก็ไม่รู้ ถ้าถูกภวินท์ทำให้แพร่งพรายออกไป พ่อต้องหักขาเขาแน่ๆ!
เมื่อเห็นว่าปริญสติหลุดไปโดยสมบูรณ์ ภวินท์ก็เลิกคิ้วขึ้นเงียบๆ และถามกลับว่า “แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไร”
เขาไม่ได้โง่พอจะบอกเรื่องนี้กับชนัดพลด้วยปากของตัวเอง เรื่องแบบนี้ต้องกระทำโดยอ้อม อย่างน้อยการส่งผ่านปากของสื่อไปยังชนัดพลก็นับว่าน่าสนใจ
ปริญมองภวินท์ ความไม่พอใจผุดขึ้นในใจ ก้าวเข้ามาคว้าคอเสื้อภวินท์อย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับถามว่า “นายคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ขณะนั้นเอง นิวรามาพร้อมกับจานผลไม้ เมื่อเห็นภาพนี้แทบจะโยนจานทิ้ง เธอรีบวางจานแล้วรีบวิ่งเข้าหา “พี่วิน พวกพี่ทำอะไรกันน่ะ!”
ปริญได้ยินเสียงจึงรีบกดเสียงต่ำเตือน “ถ้าแกกล้าบอกพ่อฉัน แกก็อย่าอยู่เลย!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็คลายคอเสื้อของภวินท์ และรีบเดินจากไป
นิวราวิ่งเข้ามารีบยื่นมือมาจับภวินท์ และถามด้วยความตื่นตระหนก “พี่วินเป็นยังไงบ้างคะ!”
“พี่ไม่เป็นอะไร”
เขากดความเย็นยาในแววตาลงสู่ก้นบึ้ง กวาดมองไปทางด้านหลังของปริญและยกมือขึ้นกอดอก
ปริญยังจองหองเหมือนเดิมอย่างที่คิด
คราวนี้แน่นอนว่าเขาต้องให้ของขวัญตอบแทนปริญ ในเรื่องครั้งก่อนที่ส่งรูปให้ดร.ยติภัทร มันได้เวลาเอาคืนแล้ว
ได้ยินเสียงหญิงสาวเจื้อยแจ้วข้างหู ภวินท์ก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง เหลือบมองนิวราและพูดอย่างเย็นชาว่า “นิว พี่ไม่เป็นอะไร ฝากบอกคุณลุงกับคุณป้าด้วยว่าพี่มีธุระขอตัวกลับก่อน”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ดึงมือออกจากมือของนิวรา แล้วหันหลังเดินไปยังประตูทางออก