ดวงใจภวินท์ - บทที่ 202 ไม่รังเกียจคุณ
ประโยคของชายหนุ่มทำให้ญาธิดาพูดอะไรไม่ออก
เธอบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ก็แค่พูดๆ ไปเท่านั้น ถ้าปล่อยให้เธอทำจริงเธอก็ไม่กล้า
เธอเบี่ยงตัวออกจากชายหนุ่ม รีบเดินวนไปหลังโต๊ะ หายใจถี่ จ้องเขาด้วยท่าทีตื่นตระหนกระแวดระวัง “คุณ……มาหาฉันทำไม”
เขาไปกับนิวราไม่ใช่เหรอ จู่ๆ ก็มาหาเธออีก คิดจะทำอะไรกันแน่
ภวินท์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย เอนตัวไปพิงตู้ข้างๆ สายตาสบายๆ และเกียจคร้านมองญาธิดาจากระยะไกล
เมื่อครู่อยู่บ้านตระกูลวรโชติชนัดพลจงใจมอมไวน์เขา ดื่มทั้งไวน์ขาวไวน์แดง ตอนนี้ไวน์ค่อยๆ ออกฤทธิ์แล้ว
เขากวาดตามองญาธิดาที่สีหน้าตื่นตระหนก แล้วกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ผมมาหาคุณเพราะมีธุระจะคุยด้วย”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนจะหายากของชายคนนี้ หัวใจของญาธิดาก็ค่อนข้างแปลกไป ทำไมเธอรู้สึกว่าวันนี้ภวินท์แตกต่างจากปกติ
ถึงขั้นที่ว่าเขาในตอนนี้แตกต่างจากภวินท์ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลเมื่อเช้าเสียอีก หรือว่าเขาจะเมา
ญาธิดากำลังจะพูด แต่เวลานี้จู่ๆ กริ่งประตูพลันดังขึ้น
ญาธิดาชะงักไปครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่อัญมณีถูกคนดึงออกไป จึงรีบเดินไปที่ประตู
เมื่อภวินท์เห็นแบบนั้น เขาจึงยื่นมือออกขวาง น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ผมไปเอง”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็หันเดินไปทางประตู
เดิมทีเขาสั่งพายุเป็นพิเศษ ให้ขัดขวางอัญมณีไว้ เขามีธุระจะคุยกับญาธิดาตามลำพัง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านไปสองนาทีอีกฝ่ายก็กลับมาแล้ว
“คลิก——”
ประตูถูกเปิดออก ภวินท์ยืนอยู่ตรงประตู รูปร่างสูงใหญ่เกือบขวางประตูทั้งบาน เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างนอก ก็ชะงักไปครึ่งวินาที
เป็นเด็กหนุ่มส่งอาหารเดลิเวอรี่เมื่อครู่
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นภวินท์ เขาลังเลก่อนจะพูดอย่างเก้อเขินว่า “อ……อาหารเดลิเวอรี่ของคุณครับ”
เมื่อครู่เขาเห็นผู้ชายสองคนคนหนึ่งบุกเข้าห้องอีกคนดึงคนออกไป ทั้งสองคนกระทำการรวดเร็วมีประสิทธิภาพ ยังคิดว่าเป็นพวกอาชญากรอะไรทำนองนั้น
เขากลัวมากจนคิดจะไป แต่อาหารเดลิเวอรี่ยังไม่ได้ส่งให้สำเร็จ เขาก็ไม่กล้าไป ลังเลอยู่หน้าประตูตั้งนานกว่าจะกล้ากดกริ่งอีกครั้ง
ภวินท์แววตาสลัวลงเล็กน้อย เหลือบมองเขานิ่งๆ แล้วเอื้อมมือไปรับกล่องอาหารเดลิเวอรี่ขนาดใหญ่ในมือของเขา
ประตูปิดลง ภวินท์หันหลังกลับและเดินเข้าไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะอาหาร
เมื่อมองไปยังหม้อไฟที่ส่งมา ญาธิดาก็กัดริมฝีปาก รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะท้องว่าง
เธอหายใจเข้าลึก เลื่อนสายตามองไปยังภวินท์ และพูดเน้นคำต่อคำ “มีเรื่องอะไร คุณพูดมาเร็ว ฉันยังต้องรออันอันกลับมาทานอาหารด้วยกัน”
เธอยุ่งตลอดทั้งเช้าแล้วก็ไปโรงพยาบาลอีก ยังไม่ได้ทานข้าวมาจนถึงตอนนี้ และก็หิวมากจนท้องแฟบไปหมดตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ภวินท์อยู่ที่นี่ ถ้าเขาไม่กลับไป อัญมณีก็ไม่มีทางกลับมาได้ และเธอก็ไม่มีทางได้ทานอะไร
ทันทีที่เธอพูดจบ ท้องก็ส่งเสียงร้องจ๊อกๆ ขึ้นมาอย่างผิดจังหวะ เสียงนั้นไม่เบา ภวินท์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบลง ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหูของเธอแดงเล็กน้อย แล้วจึงรีบเปิดปากเพื่อปกปิดความอับอาย “เอ่อ……คุณมีธุระอะไรกันแน่”
เห็นชายหนุ่มลดสายตาลง สายตาจ้องไปยังอาหารเดลิเวอรี่บนโต๊ะอาหารอย่างจริงจัง นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยออกไปเปิดถุงด้านนอก
ญาธิดาตกใจทันทีและรีบถาม “คุณทำอะไร!”
เมื่อครู่เธอและอัญมณีเลือกหม้อไฟในโทรศัพท์มือถืออยู่นานมาก เครื่องปรุงหม้อไฟกับวัตถุดิบถูกบรรจุแยกกัน พวกเขาแค่ต้องตั้งหม้อ รอสามนาทีก็เริ่มทานได้เลย
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หยิบเอากล่องส่วนผสมออกมานิ่งๆ แล้วพูดบางเบา“เธอจะไม่กลับมาอีกสักพัก คุณทานก่อน”
ญาธิดามองดูการกระทำของชายหนุ่มที่เคลื่อนไหวสบายๆ ราวกับสายน้ำไหลเอื่อยและเมฆล่องลอย จนอ้าปากค้างคางแทบติดพื้น ทั้งทั้งที่เขาเป็นผู้บุกรุก แต่เขาทำท่าทำทางสงบนิ่งอย่างกับเป็นเจ้านาย แถมยังเปิดกล่องอาหารเดลิเวอรี่ของเธอกับอันอันอย่างไม่เกรงใจอีก!
เดิมทีเธออยากปฏิเสธ แต่ทันทีที่ได้กลิ่นของหม้อไฟ ฉับพลันก็พูดอะไรไม่ออก
บนโต๊ะมีหม้อและเตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่อันอันเตรียมไว้ล่วงหน้า ทันทีที่เปิดสวิตช์ ใส่เครื่องปรุงลงไป เติมน้ำ ไม่นานหม้อก็กำลังเดือด
เมื่อมองไปยังหม้อที่กำลังเดือด ญาธิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ลังเลว่าจะ “หักหลัง” อัญมณีทานก่อนเลยดีไหม ขณะนั้น ภวินท์ก็เปิดกล่องอาหารนำวัตถุดิบใส่ลงไปแล้ว
เมื่อได้กลิ่นหอมๆ ท้องของเธอก็เริ่มร้องอย่างควบคุมไม่ได้
รวบแขนเสื้อขึ้นลวกๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังสาวน้อยที่กำลังจ้องมองหม้อไฟอย่างลังเล พร้อมกับพูดบางเบาว่า “มานี่สิ”
ความพยายามและความยุ่งเหยิงลังเลทั้งหมดพังทลายลงในเวลานี้เอง หลังจากญาธิดาบอก “ขอโทษนะ” ในใจต่ออัญมณีสามครั้งแล้ว จึงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ
เมื่อมองไปยังหม้อที่กำลังเดือด ญาธิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ลังเลว่าจะ “หักหลัง” อัญมณีทานก่อนเลยดีไหม ขณะนั้น ภวินท์ก็เปิดกล่องอาหารนำวัตถุดิบใส่ลงไปแล้ว
ถ้าอันอันกลับมาเห็นว่าเธอกับภวินท์ทานหม้อไฟด้วยกัน คงจะไม่เอาผิดเธอคนเดียวหรอกใช่ไหมล่ะ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ญาธิดารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารลงไปลวกในหม้อไฟที่เดือดแล้ว
ภวินท์เลื่อนสายตาขึ้นมองหญิงสาวก้มหน้าทานอย่างเพลิดเพลิน แล้วพลันยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ทำไม เมื่อเห็นเธอทานอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อครู่อยู่ตระกูลวรโชติเขาไม่ได้ทานอะไรมากนัก แต่ถูกชนัดพลมอมไวน์ไปจำนวนมากแทน ท้องทั้งว่างทั้งโหวง รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ญาธิดาเลื่อนสายตาขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นภวินท์กำลังจ้องไปที่หม้อไฟ แต่กลับไม่มีท่าทีว่าจะขยับตะเกียบ เอาแต่ใส่ของลงไปให้เธอทานตั้งแต่ต้นจนจบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ทานด้วยกันหน่อยสิ…ฉันทานคนเดียวไม่หมด”
พูดจบเธอก็รู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเอง ตามหลักแล้วเธอควรไล่เขากลับไปถึงจะถูก ทำไมยังจะชวนเขาทานหม้อไฟกับตัวเองอีก
ภวินท์ได้ยินดังนั้นจึงชำเลืองมองญาธิดา แล้วหยิบตะเกียบมาคีบสาหร่ายคอมบุขึ้นมาชิ้นหนึ่งอย่างลังเล
ในความทรงจำของเขา เขาทานหม้อไฟน้อยมาก เมื่อเทียบกับรสชาติเข้มข้นจัดจ้านแบบนี้แล้ว เขาชอบอาหารเบาๆ มากกว่า
หลังจากกัดเข้าไป รสชาติเหมือนจะไม่ได้รับยากอย่างที่เขาคิด แต่สำหรับเขา ความเผ็ดนี้มันมากเกินไปหน่อย
ปลายลิ้นของเขาทั้งร้อนทั้งชา ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันทีที่เขาเลื่อนสายตาขึ้นก็เห็นสาวน้อยที่อยู่ตรงข้ามจ้องมาที่เขาอย่างมีความหวัง “เป็นยังไงบ้าง อร่อยมากเลยใช่ไหม”
เขาอดทนกับความเผ็ดร้อนแล้วตอบบางเบา “ก็ดี”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็หยิบแก้วน้ำข้างๆ ขึ้นดื่มอึกใหญ่
เขายังไม่ทันวางแก้วลง ญาธิดาก็สีหน้าเปลี่ยน “นั่นมัน…….แก้วน้ำของฉัน!”
บรรยากาศหนักอึ้งไปเล็กน้อยโดยฉับพลัน ภวินท์ลดสายตาลง เหลือบมองแก้วน้ำ แล้ววางลงอย่างไม่รู้สึกรู้สา สุดท้ายก็พูดเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่รังเกียจคุณ”
อะไรที่ควรทำและไม่ควรทำทั้งคู่ก็ผ่านกันมาหมดแล้ว แค่ใช้แก้วใบเดียวกัน เขาคงไม่ดัดจริตขนาดนั้น
ญาธิดาที่อยู่ตรงข้ามได้ฟังดังนั้นก็โมโหจนหน้าเขียว
อะไรที่เรียกว่าไม่รังเกียจเธอ เธอต่างหากรังเกียจเขา!
เธอกำตะเกียบแน่น แต่ไม่กล้าคัดค้านต่อหน้าเขา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานไม่พูดไม่จา
โดยไม่รู้ตัว หม้อไฟสำหรับสามคนถูกพวกเขาทั้งคู่กวาดเรียบจนหมดเกลี้ยง
ญาธิดาวางตะเกียบลงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เห็นกล่องอาหารเดลิเวอรี่ว่างเปล่ากองอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าอีกสักพักอันอันกลับมา เธอควรจะอธิบายอย่างไร
หรือจะบอกว่าเธอกับภวินท์อยู่กันอย่างสันติและทานหม้อไฟด้วยกันน่ะเหรอ