ดวงใจภวินท์ - บทที่ 203 ผมจะช่วยคุณ
ญาธิดายื่นมือไปปิดสวิตช์เตาแม่เหล็กไฟฟ้า แล้วก็นึกถึงธุระขึ้นได้ เช็ดปากแล้วมองชายที่อยู่ตรงข้ามด้วยหน้าตาจริงจัง พร้อมกับถามว่า “คุณมาหาฉันต้องการคุยเรื่องอะไร”
ตอนนี้ห้องก็เข้ามาแล้ว หม้อไฟก็ทานแล้ว เขาควรบอกได้แล้วว่ามาหาเธอทำไม
ภวินท์เช็ดมืออย่างสง่างาม เลื่อนสายตาขึ้นมองญาธิดาด้วยสายตาที่จริงจังมากขึ้น “เพื่อนของคุณกำลังสืบเรื่องรูปถ่ายอยู่ใช่ไหม”
ญาธิดาชะงักไปเล็กน้อย นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ใช่ ทำไมเหรอ”
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น เธอขอให้อัญมณีช่วยสืบเรื่องนี้ให้ ด้วยความสามารถของเธอมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสืบได้ความ แต่อันอันรู้จักคนเยอะ บางทีอาจสืบพบอะไรบางอย่าง แต่ภวินท์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
ยังไม่ทันได้ถาม ภวินท์ก็พูดด้วยเสียงกดต่ำว่า “ไม่ต้องสืบเรื่องนี้อีก มีปัญหาอะไรผมจะช่วยแก้ไขให้คุณเอง”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ไม่ได้มีความหมายในเชิงปรึกษาหารือแม้แต่น้อย
ญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามกลับ “คุณรู้เหรอว่าใครเป็นคนทำ”
ภวินท์สายตาขุ่นมัว พูดอย่างอดทนว่า “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณกับเพื่อนไม่ต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง เข้าใจไหม”
“ทำไม”
ภวินท์คิ้วขมวดแน่น ความกดอากาศรอบตัวดูเหมือนจะลดลงเล็กน้อย เขาพูดเน้นทีละคำ “เพราะถ้าสืบต่อไป ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกคุณเท่านั้น แต่อาจเป็นอันตรายด้วย”
เรื่องรูปถ่ายเขาให้คนสืบแล้ว ปริญเป็นคนทำ เขาเอาความโกรธและความเจ็บใจไประบายใส่เธอ แต่พวกเขาก็ทำแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าปริญรู้เรื่องนี้ มีแต่จะทำให้เขายิ่งแก้แค้นหนักขึ้น
เมื่อมองไปที่ดวงตาลึกล้ำที่จริงจังของชายหนุ่ม หัวใจของญาธิดาก็กระชับแน่นขึ้นทันใด สมองเธอนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์โดยไม่รู้ตัว
สภาพแวดล้อมที่อันตรายและตึงเครียดแบบนั้น พวกเดนตายที่ฆ่าคนชั่วพริบตา……ตอนนี้แค่นึกย้อนกลับไป มันก็ทำให้แผ่นหลังเธอเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
สัญชาตญาณบอกเธอว่าภวินท์ไม่ได้ล้อเล่นกับเธอ
ญาธิดาหายใจเข้าลึกและเลื่อนสายตาขึ้นมองภวินท์ กำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าเขายืนขึ้นแล้ว
สายตาของภวินท์กวาดมองอย่างรวดเร็วไปบนมือซ้ายของเธอที่พันด้วยผ้าก๊อซ แววตาเกิดสั่นไหวรางๆ น้ำเสียงกลับมาเย็นชาเป็นปกติแล้ว “อีกอย่าง รักษาบาดแผลให้ดี อย่าคิดแต่เรื่องหาเงิน ที่เหลือผมจะช่วยคุณเอง”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ยกมือขึ้น จัดระเบียบแขนเสื้อตรงข้อมือให้เรียบร้อย ติดกระดุมข้อมือ แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ผมจะให้พายุสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาส่งเพิ่มให้”
พูดจบเขาก็ก้าวเดินไปทางประตู
ญาธิดาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สมองมึนงงเล็กน้อย มองร่างของชายหนุ่มหายไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะค่อยๆ ได้สติกลับมา
เมื่อครู่ที่เขาพูดหมายถึงอะไร เขาบอกว่าจะช่วยเธอ มันหมายความว่าอะไร
ความคิดในสมองพัวพันกันยุ่งไปหมด สับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ญาธิดาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นความรกบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา จึงรีบลุกขึ้นเก็บของ
หลังจากทำความสะอาดโต๊ะและทิ้งขยะแล้ว อัญมณีก็ยังไม่กลับมา ญาธิดาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาเธอ “อันอัน เธออยู่ที่ไหน”
“ติ๊งต่อง” เสียงข้อความเข้าดังมาจากโซฟา
ญาธิดาชะงักไปทันที รีบเดินเข้าไป เห็นโทรศัพท์มือถือของอัญมณีนอนแอ้งแม้งอยู่อย่างเดียวดาย
ที่แท้ อันอันไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือไปด้วย!
ทันใดนั้นเธอก็ค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจ
อันอันคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม
ตอนนี้เวลานี้ เจ้าของโทรศัพท์มือถือกำลังนั่งข้างแปลงดอกไม้ที่ชั้นล่างของคอนโด จ้องมองที่ข้อเท้าขวา ใบหน้าสวยยับยู่
เมื่อครู่จู่ๆ พายุก็โผล่มาดึงตัวเธอ ทำให้เธอตกใจ เดิมทีเขาลากเธออย่างมีลับลมคมในและบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอ เธอยังคิดว่าเขามีเรื่องอะไรสำคัญ ไม่คิดว่าหลังจากถูกลากลงมาชั้นล่าง เขาก็บอกว่าลืมแล้วว่าจะพูดอะไร นี่มันคือการแกล้งหลอกเธอชัดๆ ไม่ใช่เหรอ!
เธอโกรธทันที และต้องการเดินหนี แต่ใครจะรู้ว่าพายุกลับดึงเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ระหว่างที่ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมา เธอข้อเท้าพลิกล้มลงไปบนทางที่ปูด้วยกรวดหิน
อัญมณียิ่งคิดยิ่งโกรธ จะว่าอย่างไรดีล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็ไม่เคยถูกใครปฏิบัติแบบนี้เลย
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นพายุกำลังเดินอย่างว่องไวมาทางเธอ ในมือถือถุงของร้านขายยา
ไม่เพียงเพราะเขารีบร้อนแต่ยังเพราะเขาเดินเร็วเกินไป และกำลังเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดในตอนบ่าย บนหน้าผากพายุจึงมีเหงื่อปรากฏ เขาก้าวเข้ามานั่งตรงแปลงดอกไม้ข้างอัญมณีโดยไม่พูดอะไร ยื่นมือตรงมายกน่องของเธอขึ้นวางบนตักตัวเอง
“ซื้อแค่สเปรย์ฉีดกับปลาสเตอร์มาแปะให้คุณก่อนนะ”
จู่ๆ ก็ถูกผู้ชายมาคว้าขา อัญมณีเกร็งตัวฉับพลัน จิตใต้สำนึกคิดอยากจะสะบัดให้หลุด แต่เมื่อเห็นหน้าตาเอาจริงเอาจังของชายหนุ่ม เธอจึงชะงักไปครู่หนึ่ง และไม่ได้มีการต่อต้าน
ฝ่ามืออันอบอุ่นของชายหนุ่มกุมข้อเท้าที่พลิก เมื่อความรู้สึกอบอุ่นถ่ายทอดมาถึง ไม่รู้เพราะอะไร หัวใจของอัญมณีรู้สึกคันยุบยิบไปด้วย
พายุยื่นมืออีกข้างหยิบสเปรย์ฉีดขึ้นมาเขย่าขวด แล้วหันไปมองเธอพลางพูดเสียงเบา “มันจะค่อนข้างเย็น ทนหน่อยนะ”
อัญมณีสบตาอันอบอุ่นอ่อนโยนของเขา ดั่งผีดลใจ ทำให้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
กระทั่งพายุหันหน้าไป เธอถึงได้สติกลับมา เธอ……เชื่อฟังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร แถมยังเป็นการเชื่อฟังเขาอีก
โดนของแน่ๆ!
ทันใดนั้นก็ตามมาด้วยเสียง “ฟู่——” ข้อเท้าของเธอเย็นเฉียบทันใด เธอหดขาโดยอัตโนมัติ
พายุหันหน้าไปมอง สายตาเหลือบผ่านขาเรียวยาวของหญิงสาว เห็นสีชมพูผ่านใต้กางเกงทรงหลวมของเธอ ในสมองเกิดเสียงดังกระหึ่มราวกับกำลังจะระเบิด
หน้าร้อนไหม้เกรียมไปหมด พายุรีบหันเหสายตาหนี ยื่นมือไปจับน่องของเธอไม่ให้เธอขยับอีก “อย่าขยับ”
เมื่อเห็นพายุสีหน้ากระสับกระส่าย อัญมณีจึงถามอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไรเหรอ”
ผู้หญิงคนนี้ หวอออกยังไม่รู้ตัวอีก!
พายุแสร้งทำเป็นสงบ “ไม่มีอะไร”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็แกะปลาสเตอร์ออกแปะลงบนข้อเท้าของเธออย่างพิถีพิถัน
กลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพรกระจายระหว่างคนทั้งสอง พายุวางน่องของเธอลงแผ่วเบา แล้วส่งถุงที่มียาให้เธอ “อย่าลืมเปลี่ยนยาเป็นประจำ มันมีคำแนะนำบอกอยู่”
อัญมณีรับมา ทันทีที่เลื่อนสายตาขึ้นก็เห็นใบหน้าแดงก่ำของพายุ หลังจากชะงักไปสองวินาที ก็ถามอย่างแปลกใจ “พายุ ทำไมคุณหน้าแดงขนาดนั้น”
ทั้งทั้งที่เมื่อครู่ก็ยังดีดีอยู่เลย
พายุแววตาเลื่อนลอยเล็กน้อย ไม่กล้ามองเธอ แสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “ไม่ได้เป็นอะไร”
อัญมณีไม่เชื่อ นึกถึงเมื่อครู่ที่เขาแปะยาให้เธอ เธอก้มลงมองสองขายาวของตัวเอง ทันใดนั้นก็รู้ตัวขึ้นมาฉับพลัน
รูปร่างของเธอ ในหมู่ผู้หญิงด้วยกันอย่างไรก็นับว่าหุ่นดี หรือว่าเมื่อครู่พายุเห็นขาของเธอแล้วเกิดจินตนาการต่อเธอ!
“คุณ……คิดเกินเลยกับฉันใช่ไหม”
ไม่รอให้พายุตอบ อัญมณีที่ทั้งโกรธทั้งโมโหก็ยกมือขึ้นตบแผ่นหลังของเขาอย่างแรงเสียแล้ว “โรคจิต! คนเลว!”
พายุที่ถูกตบตีโดยไม่มีเหตุผลหลายครั้ง ก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะสารภาพหรือกลบเกลื่อน มันก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมด
อัญมณีตบตีเขาหลายครั้งติดต่อกัน จนหน้าตัวเองแดงตามไปด้วย รู้สึกได้ถึงความอับอายอบอวลในอากาศ แต่เธอก็ไม่สนใจมันมากนัก เธอหมุนตัวแล้ววิ่งกะโผลกกะเผลกเข้าไปในอาคารคอนโดทันที
วิ่งเข้าไปยังทางเดินหลักในชั่วอึดใจแล้วเธอถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
แต่เมื่อคิดดูอีกที ดูเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเขาทำผิด แล้วทำไมเธอก็ประหม่าด้วยล่ะ