ดวงใจภวินท์ - บทที่ 209 ลงมือตบเขา
เพราะประหม่า น้ำเสียงของเธอจึงสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สบตากับดวงตาที่มืดมิดและลึกล้ำของชายหนุ่ม แต่ภายในสองวินาที เธอก็ละสายตาไปทันที
ในช่วงครึ่งหลังของเพลง เธอร้องอย่างสั่นๆ ไม่ได้นิ่งๆ สบายๆ เหมือนอย่างตอนแรก
หลังจากฝืนร้องจนจบเพลง ญาธิดาก็ยืนขึ้นโค้งคำนับให้ทุกคนในกลุ่มผู้ชมเล็กน้อย และกำลังจะลงจากเวที
ขณะนั้นภวินท์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือความแข็งกร้าวพอสมควร “ผมขอเพลงได้ไหม”
ญาธิดาหยุดก้าวในฉับพลัน เลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาของเขา และเห็นความเย็นชาเยาะเย้ยเล็กน้อยในแววตาเขา ใจเธอกระตุกทันที
เขาคิดว่าเธอเป็นนักร้องที่นี่หรือไง
เมื่อเห็นว่านานมากเธอก็ไม่ยอมตอบ ภวินท์จึงนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง “ขอเพลงเดียว ราคาเท่าไร”
ประโยคนี้สำหรับญาธิดาเหมือนเป็นการตบหน้าเสียงดัง ทำให้แก้มของเธอแสบร้อนผ่าว
เขาจงใจพูดแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ชัดเจนว่าต้องการให้เธอขายหน้า!
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก กัดฟัน แววตาเจือความโกรธ จ้องเขาพลางพูดเน้นคำต่อคำ “ขออภัย ฉันไม่ร้อง”
เธอทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วกำหมัดแน่นลงจากเวที เดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
ภวินท์เห็นดังนั้นจึงยิ่งขมวดคิ้วแน่น ลุกขึ้นทันทีและรีบก้าวเดินไล่ตามไป
ญาธิดาเลื่อนสายตาขึ้นมองไปที่บาร์ ทางนั้นไม่มีร่างของแมทธิวกับอัญมณีแล้ว เธอได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวรีบร้อนมาข้างหลัง เธอกัดฟันและเดินไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“ญาธิดา!”
เสียงเจือความโกรธของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง ญาธิดากำหมัดเดินหน้าต่อไป
เมื่อเดินไปโถงทางเดินข้างๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าแขนถูกใครบางคนคว้าจับเอาไว้แน่น ยังไม่ทันได้ตอบโต้ เธอก็ถูกลากไปอีกทางแล้ว
ร่างของชายร่างสูงใหญ่บังหน้าและการมองเห็นของเธอ เธอเงยหน้ามองอย่างโกรธเคือง มองเขาพร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
เธอแค่ร้องเพลงบนเวทีเท่านั้น เขาก็วิ่งโร่มาทำลายความสุข แถมยังถามเธอว่าเพลงเดียวราคาเท่าไร! ทำให้เธออับอายต่อหน้าผู้คนมากมายเขามีความสุขมากเหรอ
ภวินท์ระงับความโกรธเคืองในแววตา เขาเอามือสองข้างจับไหล่เธอพร้อมกับจ้องมอง ดวงตาสีเข้มของเขาราวกับกระแสน้ำวนลึกสามารถดูดคนเข้าไปได้
“ทำไมถึงร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นได้ แต่กับผมกลับไม่ร้อง”
เขาเพิ่มแรงที่มือโดยไม่รู้ตัว “ว่าไงล่ะญาธิดา”
ในเมื่อเธออยากหาเงินมากขนาดนั้น เขาก็มาอุดหนุนเธอแล้วไง เธอยังจะไม่พอใจอะไรอีก
ญาธิดากัดฟันและพูดเน้นคำต่อคำ “ฉันก็แค่ไม่อยากทำ!”
เธอเพิ่งพูดจบ ชายหนุ่มก็ออกแรงผลักเธอกดเข้ากับผนังที่ด้านหลังอย่างแรง
เขาลดสายตาลง นัยน์ตามีประกายเย็นยะเยือก พูดเสียงเข้ม “ในเมื่อคุณกล้ามาสถานที่แบบนี้ ก็ต้องเตรียมใจไว้ดีแล้ว บางเรื่องไม่ใช่ว่าพูดว่าไม่อยากก็จะไม่ทำได้!”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันเย็นชาไปพอสมควร โกรธจนตัวสั่นเล็กน้อย
ฟังเขาพูดแบบนี้ เหมือนกับว่าเธอทำอะไรสักอย่างที่มันน่าอับอาย!
หัวใจของเธอราวกับถูกอะไรมาบีบรัด ญาธิดาไม่แม้แต่จะหายใจออก เธอกัดฟันมองตอบชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ พูดอย่างเย็นชาและประชดประชันว่า “ดูเหมือนคุณภวินท์จะรู้จักสถานที่แบบนี้ดีจังนะ คงจะไปไนต์คลับมาไม่น้อยล่ะสิ แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกคุณ ว่านี่เป็นบาร์โดยเฉพาะ ไม่มีบริการแบบที่คุณคิด!”
เธอกัดฟันแน่น ท่าทีโวยวายหนักแน่นราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่โกรธแค้น เพราะความโกรธแก้มของเธอจึงขึ้นสี แม้มันแสดงถึงความโกรธ แต่กลับทำให้ใบหน้าของเธอมีเสน่ห์เย้ายวนพาให้คนใจสั่น
หัวใจภวินท์ตึงแน่น สายตาจับจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงแวววาวของญาธิดา ใจหล่นวูบและเกิดไฟร้อนรุ่มปะทุ
“ที่นี่ไม่มี แต่คุณมีได้!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็โน้มตัวมาประกบปิดริมฝีปากของเธอทันที ไม่ทันที่ญาธิดาจะได้รู้ตัว เขาก็ยกมือไปจับหลังศีรษะเธอเพื่อจูบให้ลึกขึ้น
ริมฝีปากถูกบังคับเปิด การกระทำของชายหนุ่มค่อนข้างรุนแรง ญาธิดาตกใจยังไม่ทันได้ตอบโต้ มือก็ถูกเขากำไว้แน่น
ทันใดนั้น ความรู้สึกอับอายพลันท่วมท้นหัวใจ ทำให้เธอแทบจะระเบิด!
เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร ผู้หญิงกลางคืนที่ขายตัวแลกเงินเหรอ!
เธอดิ้นรนอย่างหนัก ไม่สนใจว่ามือซ้ายยังไม่หายดีมีผ้าก๊อซพันอยู่ ผลักเขาออกและยกมือขึ้นตบเขา!
มือยกขึ้นสูงและฟาดลงไป ฝ่ามือของเธอฟาดลง สะบัดตบเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม “เพี๊ยะ” เสียงดังคมชัด!
วินาทีถัดมา การเคลื่อนไหวของพวกเขาแข็งทื่อ
เวลาและสิ่งแวดล้อมดูเหมือนจะหยุดนิ่ง พวกเขาตกตะลึงอยู่กับที่ นานมากก็ไม่ได้สติกลับมา
ไม่กี่วินาทีต่อมา ภวินท์กลับมารู้สึกตัวก่อน ความตกใจที่ฉายบนใบหน้าของเขากลายเป็นความเย็นเยือกโดยสมบูรณ์ แววตาเกิดประกายความใจร้อนขึ้นมาชั่วแวบ ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง ตัวแข็งทื่อหันหลังและก้าวเดินจากไป
มือขวาของญาธิดาสั่นเล็กน้อย มองดูด้านหลังของชายที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว หัวใจราวกับถูกมีดกระชากออก ทรมานเหลือแสน
เธอเพิ่ง……ลงมือตบเขา!
เขาคือภวินท์ เธอกลับตบเขาไปแล้ว!
ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมองของเธอ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเดินจากไป เธอก็เริ่มได้สติ และรีบวิ่งไล่ตามไปโดยไม่สนสิ่งใด
การก้าวของชายหนุ่มทั้งกว้างทั้งเร็ว เธอแทบจะต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะไล่ตามทันตลอดทางกระทั่งออกจากบาร์ ภวินท์ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
ญาธิดาร้อนใจและไม่สนสิ่งอื่นใด ตะโกนเรียกอย่างหอบเหนื่อย “ภวินท์!”
แผ่นหลังของชายคนหนุ่มแข็งทื่อเล็กน้อย ก้าวเดินตรงไปยังไมบัคซึ่งจอดอยู่ข้างทางโดยไม่หยุด เมื่อเห็นว่าบนรถไม่มีใครอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หรือว่าพายุยังอยู่ในบาร์
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพายุ
ญาธิดาวิ่งไปข้างหน้า สูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “เมื่อครู่……ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ภวินท์สีหน้ามืดมนน่ากลัว ราวกับไม่ได้ยินเสียงใดๆ เมินเฉยใส่เธอ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ฉันขอโทษ ขอโทษนะ……”
หลังจากพูดไปหลายประโยค ญาธิดาเห็นชายหนุ่มไม่แยแส จึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ……
เมื่อเธอกำลังสิ้นหวัง จู่ๆ ข้างหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ตามด้วยเสียงอารมณ์ดีของผู้ชายคนหนึ่ง “ญาธิดา”
ญาธิดาหันกลับไปมอง เห็นหลุยส์ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง นึกได้ว่าเคยเจอเขาที่สิงคโปร์ จึงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
หลุยส์เหลือบมองภวินท์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ กำลังโทรศัพท์ด้วยหน้าตาเย็นชา จึงอมยิ้มและพูดกับญาธิดาว่า “คุณมานี่สิ ผมมีอะไรจะบอก”
ญาธิดากำลังร้อนใจมาก ได้ยินเขาพูดแบบนี้ จึงคิดว่าเขามีวิธีอะไรดีๆ จึงเดินตามเขาไปอีกทางทันที
หลุยส์สายตาลับลมคมใน เขาขยิบตาให้ญาธิดาและถามว่า “คุณทำอะไรเขา”
ญาธิดากัดริมฝีปาก สองมือจับกันแน่น “ฉันตบเขา……”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลุยส์ก็ชะงักไป ดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อย จากนั้นไม่นานก็ได้สติ และถามด้วยรอยยิ้มว่า “เขาล่วงเกินคุณเหรอ คุณถึงได้ตบเขา”
ถูกเขาไล่บี้ถามรายละเอียดแบบนี้ ญาธิดายิ่งอายมากขึ้น จึงเลี่ยงไม่ตอบคำถามแล้วถามกลับแทน “ต้องทำยังไงถึงจะให้เขาหายโกรธได้”
เพราะการลงมือทำร้ายคนอื่น ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ถูกต้อง
หลุยส์กระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดอย่างเอ้อระเหย “ไหนเลยผมจะรู้ว่าต้องทำยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ตอนนี้คุณไล่ตามขอโทษเขาไปมันก็ไม่มีประโยชน์แน่นอน ไม่สู้คิดหาวิธีขอโทษด้วยการลงมือทำจริงไปเลยดีกว่า”
เมื่อพูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ขยิบตาให้เธอ จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินไปทางภวินท์
ญาธิดาอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจ
การลงมือทำจริงที่เขาบอกมันหมายถึงอะไร