ดวงใจภวินท์ - บทที่ 211 พระราชา
“พวกคุณ……”
อัญมณียิ้มอย่างคลุมเครือ กะพริบตาลึกลับให้กับพวกเขา รวมถึงปลายเสียงที่เธอจงใจลากยาว ทำให้คนคิดไปไกล
ญาธิดาฟังออกถึงเจตนาในคำพูดเธอ ก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
ธีทัตที่อยู่ข้างๆ มองญาธิดา แล้วมองอัญมณี แววตาบ่งบอกให้เธออย่าพูดมั่วๆ
อัญมณีเข้าใจ กระตุกปากยิ้ม เอื้อมมือไปควงแขนญาธิดา “จัดการขั้นตอนเรียบร้อยหมดแล้ว เราไปกันเถอะ?”
ญาธิดาพยักหน้า เมื่อเงยหน้าก็สบตาธีทัตโดยบังเอิญ ทั้งคู่ล้วนตกตะลึง แล้วละสายตาหนีโดยไม่ได้นัดหมาย
ดูเหมือนบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือพูดไม่ถูก ญาธิดาได้สติกลับมา ก็รีบก้าวตามอัญมณีออกไปจากห้อง
ดูเหมือนตั้งแต่ที่เธอป้อนน้ำให้ธีทัตกับมือตัวเอง ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็แคบลงโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล ก็ปล่อยให้แมทธิวขับรถไปส่งพวกเขา
มาถึงเขตชุมชนของญาธิดาก่อน รถจอดใต้ตึกคอนโด เธอก็บอกลาพวกเขา“งั้นฉันกลับก่อนนะ ไว้เจอกัน”
หลังจากบอกลา ญาธิดาก็เปิดประตูลงจากรถ เดินก้าวเข้าตึกคอนโด
บนรถ ธีทัตหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ภายในรถสลัว ดวงตาอ่อนโยนสดใสของเขามองตามแผ่นหลังญาธิดาไปตั้งแต่ต้นจนจบ
จนกระทั่งรถสตาร์ต ในที่สุดอัญมณีก็มองต่อไปไม่ไหว “พอได้แล้วพี่! เธอไปแล้ว!”
ธีทัตหันศีรษะกลับมา ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม ไม่กี่นาทีต่อมา จู่ๆ เขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น พูดขึ้นทีละคำ “ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะสารภาพรักกับธิดา”
เมื่ออัญมณีได้ยิน ก็เบิกตากว้างทันที มองหน้าแมทธิวด้วยความตกใจเหมือนกัน ไม่กี่วินาทีต่อมา ถึงจะสงบลง “พี่? ฉันไม่ได้ยินผิดใช่ไหม?”
พี่ชายเธอคิดจะสารภาพรักจริงๆ เหรอ?
ยังไงแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ล้อมรอบธีทัตตั้งแต่เล็กจนโตนั้นมีไม่น้อย แต่เขาไม่เคยมองใคร ก่อนหน้านี้เธอมองออกว่าเขาปฏิบัติกับญาธิดาไม่เหมือนกับคนอื่น แต่นึกว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ไม่คิดว่าจะจริงจัง
ธีทัตพยักหน้าโดยไม่ลังเลสักนิด “อืม”
ความรู้สึกที่เขามีต่อญาธิดา ไม่ใช่ความเสแสร้ง
“งั้นก็ดีเลย!” อัญมณีปรบมือด้วยความดีใจ “เพื่อนสนิทฉันกลายเป็นพี่สะใภ้ฉัน มันก็สุดยอดไปเลยนี่!”
เมื่อก่อนเธอก็เคยล้อเล่นหยอกล้อญาธิดาต่อหน้าหล่อนต่างๆ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นไปได้จริงๆ!
ญาธิดากลับมาถึงบ้าน ก็นั่งโซฟาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
เธอพิงบนหมอนอิงตามอำเภอใจ เมื่อหลับตาลง ก็นึกถึงที่เธอตบหน้าภวินท์ที่บาร์เมื่อสักครู่นี้
ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริงๆ เธอไม่ควรลงมือทำร้ายเขา
จิตใจเกิดความรู้สึกละอายใจ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดกล่องบทสนทนาที่คุยกับภวินท์ ลังเลไปลังเลมา หลังจากพิมพ์คำว่า “ขอโทษนะ” ออกไปสามคำก็ลังเลอีกครั้ง ไม่มีความกล้าที่จะกดส่งไปจริงๆ
สามคำที่เบาหวิว ถ้าไม่แสดงความจริงใจสักนิด เขาก็ไม่มีวันยอมรับและให้อภัยเธอ
ช่างเถอะ คิดหาวิธีอื่นดีกว่า
ญาธิดาถอนหายใจยาวเหยียด ก้าวเข้าห้องนอนไป
เช้าวันรุ่งขึ้น บริษัทจัดประชุมแผนก ญาธิดาจัดระเบียบเอกสารรายงานเรียบร้อย เอาไปให้พี่แนนแล้ว
พี่แนนรับเอกสารมาพลิกดู พยักหน้า เงยหน้ามองญาธิดาแล้วพูดเบาๆ “เดี๋ยวเธอไปประชุมกับฉัน”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น อาการง่วงนอนก็หายไปเกินกว่าครึ่ง กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “ไปประชุมแผนกกับพี่เหรอ?”
พี่แนนพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ควรฝึกเธอให้เต็มที่หน่อย”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ญาธิดาก็แอบดีใจ เมื่อก่อนประชุมสำคัญแบบนี้ภายในแผนก พี่แนนจะพาพิชญ์สินีไปประชุมด้วย
คราวนี้พาเธอไปประชุม ก็แสดงว่าพี่แนนยอมรับเธอแล้ว
ญาธิดายิ้มทันที แล้วโค้งให้พี่แนน “ได้ค่ะ ฉันจะไปเตรียมตัว”
ประชุมแผนกแบบนี้ ต้องรายงานเนื้อหาหลักของแผนกในช่วงนี้ ฟังการมอบหมายและการจัดการงานถัดไปจากหัวหน้าระดับสูง และโอกาสที่ดีในการเรียนรู้อะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าญาธิดาเฝ้าคอย
หลังจากหันตัวออกไปจากห้องทำงานหัวหน้า จู่ๆ ญาธิดาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อ
ถ้าเข้าร่วมประชุมแผนก ก็หมายความว่าเธอต้องประจันหน้ากับภวินท์ ถ้าเป็นแบบนี้……
ญาธิดาไม่กล้าคิดเยอะ
เมื่อคืนเพิ่งทำให้เขาโมโห วันนี้เจอกันในโอกาสแบบนี้ ภวินท์จะแก้แค้นในที่สาธารณะไหม?
ญาธิดาจิตใจร้อนรุ่นกระสับกระส่าย คิดไปคิดมา สุดท้ายก็กลับห้องทำงานไปหยิบสมุดบันทึกและปากกาที่จำเป็น แล้วไปห้องประชุมกับพี่แนน
ก่อนเริ่มประชุม ญาธิดาจับปากกา จิตใจค่อนข้างฟุ้งซ่าน
ทันใดนั้น พี่แนนข้างกายก็เอนมาหาเธอ กดเสียงต่ำพูดขึ้น “เอกสารที่เธอจัดเตรียมครั้งนี้ เนื้อหาคุ้นเคยไหม?”
ญาธิดาไม่คิดอะไรมาก พยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก
พี่แนนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “งั้นก็ดี เดี๋ยวแต่ละแผนกต้องรายงานผลงาน แผนกเราให้เธอรายงานนะ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ก็ได้สติขึ้นมาทันที ดวงตาเบิกกว้าง มองพี่แนนแล้วถาม “ฉันรายงานเหรอคะ?”
พี่แนนเงยหน้ามองเธอแล้วถามกลับ “มีปัญหาอะไรไหม?”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ “ไม่……ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ไม่ต้องประหม่า เหมือนรายงานผลงานตามปกติแหละ”
ได้ยินการปลอบจากพี่แนน ญาธิดาก็พยักหน้า แอบมีกำลังใจในก้นบึ้งจิตใจ
ในเวลานี้ ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก ภวินท์ที่สวมสูทหรูสีดำก้าวเข้ามา เดินตรงไปนั่งตำแหน่งหลักหน้าโต๊ะประชุม
การมาของเขา มีแรงสยบที่มองไม่เห็น เสียงวุ่นวายภายในห้องประชุมแต่เดิมทีก็หายวับไปทันใด แม้แต่หัวหน้าของแต่ละแผนกก็นั่งตัวตรงอยู่เงียบๆ นั่งยืดตัวตรงแล้วนั่งนิ่ง
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ แววตาเหลือบมองไปทางภวินท์อย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ในใจยิ่งประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นสักพัก ภวินท์ก็เงยหน้ามองทุกคน พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “เริ่มเลย แต่ละแผนกผลักกันรายงานผลงานล่าสุด”
สิ้นเสียงของเขา ตัวแทนแผนกการเงินที่อยู่ด้านซ้ายสุดก็ยืนขึ้นก่อน เริ่มรายงานผลงาน
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ เธอแอบนับเงียบๆ ว่าอีกกี่คนถึงจะมาถึงตาเธอ แล้วพลิกเอกสารรายงานในมืออย่างประหม่า
มาถึงตาแผนกธุรการอย่างรวดเร็ว ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ เห็นพี่แนนข้างๆ ส่งสัญญาณด้วยแววตา ก็รีบยืนขึ้น เริ่มรายงานทันที
ไม่รู้จงใจหรืออย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบ ภวินท์ไม่ได้มองเธอมากนัก เมื่อเป็นแบบนี้ความประหม่าของเธอจึงผ่อนคลายไปโดยไม่รู้ตัว การรายงานก็ถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น
รายงานผลงานจบแล้ว เธอนั่งลง แอบโล่งอก
ยังดี ที่ภวินท์ไม่ทำให้เธอลำบากใจ ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร
การรายงานผลงานดำเนินต่อไปโดยตัวแทนแผนกถัดไป ญาธิดาค่อยๆ ได้สติกลับมา หันหน้าเล็กน้อยไปมองภวินท์โดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย ไม่เย็นชาหยิ่งผยองเหมือนตอนปกติ แต่มีความจริงจัง
พุ่งเป้าทุกคำถามที่เขาสงสัย และมอบหมายงานถัดไป ได้อย่างเด็ดขาดไม่ยืดเยื้อ มีความไร้เทียมทานลักษณะเหมือนพระราชา
อย่างที่คิดไว้ บางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นท่านประธาน
ในใจญาธิดาแอบประทับใจ ขณะที่กำลังเหม่อลอย ทันใดนั้นภวินท์ก็หันหน้า กวาดสายตามองไปทางเธอ
รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกของสายตาชายหนุ่ม ญาธิดาก็ได้สติทันที เธอละสายตากลับมาอย่างลุกลี้ลุกลน ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เขาคงไม่นึกว่า เมื่อกี้เธอกำลังแอบมองเขาอยู่หรอกนะ?