ดวงใจภวินท์ - บทที่ 215 ชดใช้อย่างสุดความสามารถ
ครึ่งวินาทีต่อมา สติเขาก็กลับมา ถามเสียงเข้ม “เธอเป็นอะไร?”
เสียงผู้หญิงที่ปลายสายน่าเป็นห่วง “คุณย่า…เธอหายตัวไปแล้ว! ฉันทำคุณย่าหายไป”
สีหน้าภวินท์หนักอึ้ง ไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว ขึ้นเสียงถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “เธอว่าไงนะ!”
เกี่ยวข้องกับคุณย่าได้อย่างไร? ทำไมเธออยู่กับคุณย่าได้?
ญาธิดาเสียใจมาก รีบพูดขึ้น “ฉันไปเที่ยวสวนนิเวศน์กับคุณย่า ฉันไปซื้อน้ำ พอกลับมาอีกทีเธอก็หายไปแล้ว ฉันหาตั้งนาน ก็หาเธอไม่เจอ ภวินท์ ทำยังไงดีอ่า……”
เมื่อภวินท์ได้ยิน ในหัวสมองก็เกิดเสียง “หึ่ง” มือที่ถือโทรศัพท์ก็กระชับแน่นอย่างช่วยไม่ได้
ไม่คิดว่ายัยโง่นี่ จะกล้าทำคุณย่าหาย!
ภวินท์ระงับความโกรธ พูดขึ้นทีละคำ “ไปหาบอดี้การ์ดโอ๊ต ตามหาต่อ เดี๋ยวฉันพาคนไป!”
พูดจบ เขาก็วางสาย หันหลังเดินไป
นิวราเดินมาข้างหน้าด้วยสีหน้าลังเล เห็นสีหน้าภวินท์ ก็ตกตะลึง รีบถามขึ้น “พี่วิน พี่เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ภวินท์สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย เอ่ยปากอย่างไม่ลังเลสักนิด “นิว เดี๋ยวเธอซื้อเสร็จแล้วใส่บัญชีพี่นะ ตอนนี้พี่มีธุระนิดหน่อย ต้องไปก่อน”
นิวราได้ยิน แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบยื่นมือออกไปดึงมือเขา ถามอย่างลุกลี้ลุกลน “เรื่องอะไรทำไมพี่รีบร้อนแบบนี้ หืม? พี่วิน พี่อยู่เป็นเพื่อนนิวไม่ได้เหรอ?”
ภวินท์ไม่พูดไม่จา ชักมือออกมาจากมือเธอทันที สายตาหนักอึ้งและเคร่งเครียด“นิว เชื่อฟังนะ พี่มีธุระด่วน”
ขณะที่พูด เขาก็ก้าวเท้าออกไปข้างนอก
นิวราเห็นแผ่นหลังออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่ม ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนตัวสั่น เธอกัดฟัน ใบหน้าก็มีความโหดเหี้ยมมากขึ้น
ญาธิดาคุยอะไรกับเขาในโทรศัพท์กันแน่? ถึงทำให้พี่วินของเธอรีบร้อนออกไปแบบนี้ ไม่สนใจแม้แต่เธอ!
นิวรายิ่งคิดยิ่งโกรธ เมื่อแผ่นหลังชายหนุ่มหายออกไปจากสายตาแล้ว เธอก็ยกเท้ากระทืบพื้นอย่างแรงด้วยความโกรธ
ญาธิดาคนนี้ เธอจะไม่ให้หล่อนกลายเป็นภัยคุกคามของเธอเด็ดขาด และพี่วินก็ต้องเป็นของเธอคนเดียว!
ญาธิดาวางสายไป รีบไปที่ลานจอดรถหน้าประตูใหญ่อย่างไม่รอช้า เจอบอดี้การ์ดโอ๊ตแล้ว ก็บอกสถานการณ์กับเขา
เดิมทีโอ๊ตมีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้ยินว่าคุณย่าหายตัวไป สีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง รีบพูดขึ้น “นายท่านไม่ได้พกโทรศัพท์ ความจำก็ไม่ดี เราแยกกันตามหา แล้วมารวมตัวกันที่หน้าประตูใหญ่”
ญาธิดาตกตะลึงพรึงเพริดไปหมดแล้ว ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็รีบตอบตกลง เข้าประตูใหญ่เพื่อเริ่มตามหา
ใกล้เที่ยงแล้ว อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ คนภายในสวนนิเวศน์ก็น้อยลงมาก ญาธิดาวิ่งไปไม่เท่าไร ก็เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อชุ่มไปหมด
เธอไม่ได้สนมากขนาดนั้น ระหว่างทางก็ตามหาต่อไป ไม่กล้าหยุดฝีเท้า หลายๆ สถานที่ภายในสวนนิเวศน์ขนาดใหญ่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่มีร่างคน ก็บังเอิญเห็นถนนเส้นเล็กข้างๆ มีทางแยก เธอก็วิ่งไปตามหา
หาอยู่ครึ่งชั่วโมง ไม่มีความคืบหน้าเหมือนเดิม ญาธิดาก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอทิ้งให้คุณย่าอยู่คนเดียวตรงนั้นแล้วตัวเองออกไปได้ยังไง?
โทษตัวเองในใจเป็นพันประโยค วิ่งอ้อมสวนนิเวศน์หนึ่งรอบ ก็ยังหาไม่เจอ
เธอกลับมาที่ประตูใหญ่ด้วยความเศร้า ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์เสีย ขาก็อ่อนทรุดตัวนั่งบนบันได น้ำตาก็ไหลลงมาเปาะแปะ
ถ้าเธอไม่ทิ้งคุณย่าให้อยู่ตรงนั้นคนเดียว เรื่องก็คงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้……
ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงรถเบรกอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายจำนวนมากเข้ามาใกล้
ญาธิดาหันไปด้วยน้ำตานองหน้า เห็นภวินท์ก้าวเท้ายาวเดินมาทางนี้ หัวใจก็ตึงเครียด รีบยืนขึ้น
“ภะ…ภวินท์ ขอโทษ……”
เสียงเธอกลายเป็นแหบพร่าเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่นี้ตะโกนเรียก รวมถึงวิ่งไปวิ่งมาภายในป่า กระโปรงเปรอะโคลนจำนวนไม่น้อย ตาสองข้างก็ร้องไห้จนบวมแดง ทั้งร่างดูหมดสภาพเหมือนแมวจรจัด
ภวินท์เห็นเธอสภาพนี้ คิ้วก็ขมวดแน่น ความโกรธและการตำหนิที่ติดอยู่ในใจแต่เดิมทีก็พูดไม่ออกเลย
เห็นภวินท์ ญาธิดาก็เหมือนเจอที่พึ่ง น้ำตาไหลลงมาช้าๆ “ยังไม่เจอคุณย่าเลย……ทำยังไงดี?”
ภวินท์ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า ยัดใส่มือเธอ พูดด้วยใบหน้าเย็นชา“ไปรอบนรถ ฉันจะไปตามหา”
ขณะที่พูด เขาก็หันตัวไปบอกกลุ่มคนที่พามาด้านหลัง เอ่ยสั่งด้วยเสียงเย็นชา“แยกกันตามหา! มีเหตุการณ์อะไรให้รีบรายงานทันที!”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น สังเกตเห็นฝูงชนมืดๆ ที่อยู่ด้านหลังเขา เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนี้รับคำสั่งจากภวินท์แล้วแยกย้ายกันไปทันที เธอก็โล่งอก
เมื่อพวกเขาแยกกันไปตามหา ญาธิดาก็มาถึงบนรถ ยังคงนั่งไม่เป็นสุข
ถ้าหาคุณย่าไม่เจอจะทำยังไงดี? หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น……
เธอไม่กล้าคิดลึกเลย
เธอนั่งบนรถ อดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน ความง่วงค่อยๆ บุกเข้ามา เธอทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เปลือกตากำลังต่อสู้กัน แล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตู ญาธิดาตกใจ ร่างสั่นทันทีแล้วตื่นขึ้นมา
เห็นชายหนุ่มยืนนอกประตูรถอย่างชัดเจน ญาธิดาก็ได้สติขึ้นมาบ้างโดยทันที รีบเอ่ยถาม “หาคุณย่าเจอไหม?”
เห็นบนหน้าหญิงสาวยังมีคราบน้ำตาจางๆ หลงเหลือ ดวงตาภวินท์ก็มืดมน ริมฝีปากที่เม้มแน่นก็ขยับ “หาเจอแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ญาธิดาลุกขึ้นทันที ลงรถด้วยความร้อนใจ “คุณย่าอยู่ที่ไหน? เธอโอเคไหม?”
เธอเพิ่งก้าวลงมาจากรถ ไหล่ก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไว้แน่น
“ฉันให้โอ๊ตไปส่งเธอแล้ว เธอไม่เป็นอะไร แค่หลงทาง หาเจอที่ร้านอาหารติดถนนแห่งหนึ่งนอกสวนนิเวศน์”
ได้ยินภวินท์พูดแบบนี้ หัวใจที่กังวลของญาธิดาก็คลายกังวลในที่สุด ขาเธออ่อน เส้นประสาทที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงมาก
ญาธิดาพูดกับตัวเอง “คุณย่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว……”
ภวินท์มองหญิงสาวตรงหน้า ด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ตอนแรกเมื่อรู้ว่าเธอทำคุณย่าหายตัวไป เขาโกรธจัด แต่เมื่อเขาเห็นเธอกังวลจนเป็นแบบนี้ ก็พูดตำหนิไม่ออกเช่นกัน
ชะงักไปสักพัก เขาก็มองเธออย่างลึกซึ้ง พูดน้ำเสียงทุ้มต่ำและเข้ม “ขึ้นรถ ฉันจะไปส่งคุณ”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ ได้สติกลับมา เธอมองใบหน้าด้านข้างที่บูดบึ้งเล็กน้อยของชายหนุ่ม ก็ยื่นมือไปคว้าชายเสื้อของเขาอย่างอดไม่ได้
ชายหนุ่มหันหน้ามา ดวงตาเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด “ทำอะไร?”
ในใจญาธิดารู้ดี ถึงเขาไม่พูด แต่ในใจก็ยังโทษเธอ ยังไงแล้วถ้าคุณย่าเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่อยากจินตนาการถึงผลลัพธ์
ปลายจมูกญาธิดาเกิดอาการแสบ เธอกัดปาก ผลุบตาลงเอ่ยขอโทษ “ขอโทษนะ ฉันดูคุณย่าไม่ดีเอง”
เธอก้มศีรษะลง คางก็ยิ่งแคบลง ริมฝีปากอวบอิ่มแต่เดิมก็กลายเป็นแห้งแตกใบหน้าซีดเซียวเหี่ยวแห้ง แต่แบบนี้กลับเพิ่มความงามอันน่ากลัวให้กับเธอ
จิตใจภวินท์ตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว เกิดความอยากจะดึงเธอเข้ามากอด แต่ครึ่งวินาทีต่อมา เขาก็ได้สติอีกครั้ง เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาเหมือนเคย “ไม่โทษเธอหรอก ขึ้นรถ”
เขาหันตัวไปจะขึ้นรถ แต่มือหญิงสาวที่จับปลายเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
เมื่อหันกลับไปอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเธอพูดขึ้น “ฉันรู้สึกผิดมาก ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ฉันทำ คุณบอกฉันนะ ฉันจะชดใช้อย่างสุดความสามารถ”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ก็ไม่รู้คิดอะไร การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อย
สองวินาทีต่อมา เขาหันหน้าไปมองเธอ แล้วถามกลับ “ไม่ว่าอะไร เธอก็จะตกลงเหรอ?”